Skip to content

Tales of Herding Gods 320


ตอนที่ 320 ถูกและผิด

“ไหน่ขุย ต้องให้เจ้าหนีมาถึงแดนโบราณวินาศแล้วจะทําอะไร

ได้”

เด็กหนุ่มยืนไพล่หลังและมองไปยังผู้ฝึกวิชาเทวะคนอื่นๆ ที่

กําลังโจมตีหญิงสาวผู้ซึ่งปกป้องเด็กหญิงตัวเล็กเอาไว้ เขากล่าว ด้วยสีหน้าเยือกเย็น “พวกเจ้าพ่ายแพ้ไปแล้ว และบัดนี้ตําหนัก สวรรค์แท้ก็เป็นของแซ่อวี้ อย่าโทษว่าข้าไร้ใจ มีภาษิตกล่าวเอาไว้ ในแผ่นดินภาคกลาง ถอนหญ้าหากไม่ถอนถึงรากถึงโคน เมื่อลม วสันต์มามันก็จะรกเรื้ออีกครั้ง ตําหนักสวรรค์มิได้เป็นของพวกเจ้า ตระกูลเสียงอีกต่อไป”

สถานที่ตรงนี้ที่พวกเขารบรากันอยู่นั้นนับได้ว่าเป็นเศษซากของวังสุขาวดีแห่งแดนโบราณวินาศ ดังนั้นยอดฝีมือแห่งตําหนัก สวรรค์แท้จึงต้องระมัดระวังในการขับเคลื่อนทักษะเทวะที่นี่ ที่พวก เขาฝึกปรือนั้นคือความคิดที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีดวงวิญญาณและ ดวงจิต ภูเขามีดวงจิตภูเขา นํ้ามีดวงจิตนํ้า ต้นหญ้า ต้นไม้ และสัตว์ป่าก็มีดวงจิตของพวกมันเช่นกัน ไม่มีสิ่งใดเป็นข้อยกเว้น ไม่มีสิ่งใดที่มิอาจกลายเป็นทักษะเทวะ

เพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงสัมผัสไวต่อสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติ และในซากโบราณวังสุขาวดีแห่งแดนโบราณวินาศนี้ พวกเขารู้สึก ได้ถึงอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี้เต็มเปี่ยมไปด้วย

ฤทธานุภาพร้ายแรง ราวกับว่ามีเทพเจ้าโบราณหลับไหลอยู่ที่ไหน สักแห่งใต้ผืนดินแห่งนี้!

ทักษะเทวะของพวกเขาสามารถปลุกทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมา สู้แทนได้ แต่หากว่าพวกเขาไปปลุกเทพเจ้าในดินแดนแห่งนี้เข้า ก็ คงมีแต่เป็นการชักอันตรายคร่าชีวิตเข้าสู่ตัว

พลังอํานาจในวังสุขาวดีนั้นมิใช่สิ่งที่พวกเขาจะควบคุมได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระมัดระวังไม่กระตุ้นเร้าฤทธานุภาพอัน

หลับไหลอยู่ โชคยังดีที่ว่าพวกเขาทุกคนก็ได้หลอมสร้างขัดเกลา อาวุธวิญญาณของตนเอง อาวุธวิญญาณเหล่านั้นแตกต่างไปจาก

อาวุธวิญญาณของผู้ฝึกวิชาเทวะจากสันตินิรันดร์ เพราะว่าส่วน ใหญ่แล้วจะสร้างขึ้นมาในรูปลักษณ์ของใบหญ้า ต้นไม้ ภูเขา นํ้า ไหล และเมฆขาว อีกทั้งยังมีสัตว์พิสดารตัวเล็กๆ ที่ถูกพวกเขา

หลอมสร้างให้เป็นอาวุธอีก โดยหลังจากที่พวกเขากระตุ้นเร้า ปราณชีวิตเข้าไป สัตว์พิสดารตัวเล็กๆ ก็จะขยายร่างขึ้นมาหมื่น เท่าและกลืนกินคนเป็นๆ เข้าไปได้ทั้งตัว อันแปลกประหลาดเหลือคณา

ดังนั้นแม้ว่าผู้คนเหล่านี้จะไม่สามารถใช้ทักษะเทวะของตน พวกเขาก็สามารถจัดการล้อมกําจัดผู้หลบหนีทั้ง 2 แม่ลูกนี้ สังหารหนึ่งกวางและทําร้ายให้บาดเจ็บสาหัสไปอีกหนึ่ง หญิงผู้นั้น คงเพราะต้องปกป้องลูกสาวของตนเอง นางจึงขยับไปจากจุดนั้นไม่ได้และต้องทนรับการโจมตีซํ้าๆ!

หญิงสาวกระอักเลือดออกมาและร่วงล้มลงกับพื้น แต่ไม่นาน นางก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องเด็กผู้หญิงคนนั้นต่อ

“คนทรยศ!”

บุรุษคนนั้นเผยร่างที่แท้จริงของเขา กลายเป็นกวางตัวผู้ ออกไปต้านรับการโจมตีจากฝูงชน ขณะที่กู่ร้องอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าตําหนักได้เลี้ยงดูพวกเจ้าเป็นอย่างดี แต่พวกเจ้ากลับฉวย โอกาสที่เจ้าตําหนักมรณกรรมเพื่อก่อกบฏ คุณธรรมสํานึกของ เจ้าอยู่ที่ไหน ทําไมพวกเจ้าถึงอํามหิตปานนี้”

ปัง ปัง ปัง!

ในพริบตานั้น การโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนตกลงมาบนร่างของ เขา และเขาถูกสังหารให้กระดอนขึ้นไปกลางอากาศ แต่ก่อนที่เขา จะตายเขาก็ดิ้นรนเหวี่ยงเขาของเขาทิ่มแทงไปยังเด็กหนุ่มผู้นํานั้น

กําลังฝีมือของกวางทั้ง 2 ยอดเยี่ยมอัศจรรย์ ไม่ด้อยไปกว่า กิเลนมังกรเลย แต่น่าเวทนาที่อีกฝ่ายมีกําลังคนมากเกินไป จึงได้ แต่ต้องพบจุดจบอันน่าสังเวช

ผู้ฝึกวิชาเทวะราวหนึ่งโหลเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าและคว้าจับกิ่ง เขากวางเอาไว้ ผู้คนสิบกว่าคนนั้นร่อนลงมายังพื้นแต่ก็ยังไม่อาจ หยุดยั้งพลังจากากรเหวี่ยงเขากวางนั้นได้ และถูกผลักถอยหลัง ดินหินใต้เท้าของเขาถูกกรุยขุดเป็นทางครืด และเขากวางยังคง ขวิดมาที่เป้าหมายเดิม

เด็กหนุ่มผู้นั้นไม่สะทกสะท้านและยิ้มหยัน “ตระกูลเสียงได้กุม บังเหียนตําหนักสวรรค์แท้มาตั้งหลายต่อหลายปี ดังนั้นควรปล่อย ตําแหน่งเจ้าตําหนักให้ผู้อื่นได้แล้ว จะสังหารคนก็ต้องเห็นโลหิต จะ ถอนวัชพืชก็ต้องเห็นราก หากว่าตระกูลเสียงของพวกเจ้าไม่ถูกขจัดให้เหี้ยน ตระกูลอวี้ของพวกข้าคงนอนตาไม่หลับ เกรงว่าพวก เจ้าจะย้อนกลับมาอีกครั้ง”

ตึม!

ศพของกวางยักษ์ตัวผู้ล้มลงข้างนางกวาง เด็กหนุ่มหัวเราะและกล่าว “ฆ่าไหน่ขุยและองค์หญิงน้อยเสีย

พวกเราจะได้กลับไปรายงานภารกิจสําเร็จ!”

ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งตําหนักสวรรค์แท้เดินเข้าไป และอาวุธวิญญาณของพวกเขาก็ลอยเลื่อนขึ้นสู่อากาศ หญิงสาวผู้นั้นจ้องมองพวกเขาอย่างมืดหม่น และหันไปกอดเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อม

อกนาง พลางกล่าวด้วยนํ้าเสียงปลอบโยน “แก้วตาของแม่ มันไม่ เจ็บหรอก แค่ครู่เดียว…”

“ท่านแม่ ข้าจะได้พบกับท่านปู่ท่านย่าไหม” หญิงสาวผู้นั้นใจสั่นสะท้าน “ได้พบแน่…”

“แล้วท่านพ่อล่ะ?” ดวงตาของเด็กหญิงตัวเล็กเปล่งประกาย เมื่อนางเอ่ยถาม

หญิงสาวผู้นั้นปาดนํ้าตาพลางกล่าว “พวกเราจะได้พบเขา…” เด็กหญิงตัวน้อยจึงปลอบประโลมมารดายังสาวผู้นั้น “ท่านแม่

ข้าไม่กลัวหรอก ข้าคิดถึงท่านปู่ท่านย่า ก่อนที่ท่านพ่อจะตาย เขา

ดูน่ากลัวมากและมีเลือดท่วมตัว เขาทําให้ข้าต้องร้องไห้ด้วยความ ตกใจ แต่ข้าคิดว่าเมื่อข้าได้พบกับเขาอีกครั้ง ท่านพ่อจะต้องยิ้มให้ ข้า…”

พรึ่บ!

อาวุธวิญญาณมากมายพลันแปรเปลี่ยนเป็นต้นไม้วิเศษและ สัตว์พิสดารบนท้องฟ้า ก่อนจะทุ่มทับลงมาที่พวกนาง แต่ไม่ทันที่จะ ร่วงลงไปถึงก็มีแสงวาบเข้ามาและฉินมู่ก็ปรากฏตัวตรงหน้าสองแม่ ลูก เมื่อเขากางแขนออก เสื้อคลุมปักลายบนร่างของเขาก็ปลิวออก จากตัวไปข้างหน้าตน

เด็กหนุ่มฟาดฝ่ามือไปที่เสื้อคลุมปักลาย และแขนของฉินมู่ก็ หมุนบิด เสื้อคลุมนั้นหมุนติ้วๆ และขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น กลายเป็นมีรัศมีมากกว่า 15 วา อาวุธวิญญาณทั้งหลายของ ตําหนักสวรรค์แท้ปะทะเข้าไปในเสื้อปักลายนั้นและถูกห่อรวบ จากนั้นพวกมันก็หายวับไปจากกลางอากาศในพริบตา!

เสี้ยววินาทีถัดมา ห่างไปจากพวกเขา 150 วา แสงกระบี่ จํานวนนับไม่ถ้วนก็แผดแสงเจิดจ้าเมื่อกระบี่บินทั้ง 8,000 เล่มลง มือจู่โจมพร้อมๆ กัน ฟันเฉือนอาวุธวิญญาณทั้งหลายพร้อมกับ เสื้อคลุมปักลายให้ฉีกขาดเป็นเศษเล็กเศษน้อย

ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งตําหนักสวรรค์แท้ตื่นตระหนกเมื่อพวกเขา สูญเสียการเชื่อมต่อกับอาวุธวิญญาณของตน ในบรรดาผู้คน เหล่านั้นไม่ขาดแคลนยอดฝีมือระดับชาวสวรรค์ผู้ซึ่งอาวุธวิญญาณของเขาแข็งแกร่งร้ายกาจ แต่กระนั้นพวกมันก็ถูกฟันเฉือนออกเป็นชิ้นๆ

ทุกคนหมายจะบุกเข้าไปโจมตีต่อ แต่เด็กหนุ่มผู้นั้นรีบยับยั้ง พวกเขาเอาไว้ และถามหยั่ง “สหายเต๋าท่านนี้ เรื่องตรงหน้าท่าน เป็นเรื่องภายในครอบครัวของตําหนักสวรรค์แท้พวกข้า”

ฉินมู่รู้สึกรวดร้าวใจเมื่อนึกถึงเสื้อคลุมปักลายของตนเอง เขา ได้รับ ‘การติดสินบน’ มันมาจากหัวหน้าธูปชูและหัวหน้าโถงแมลง พิษในด่านวารีลับ และตั้งแต่ที่มันถูกตัดเย็บให้เป็นเสื้อผ้า ความ เหนียวแน่นทนทานของมันก็ได้ช่วยให้เขารอดจากการโจมตีนับ ครั้งไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้นบนเสื้อผ้ายังมีรอยฝังของพยุหะเคลื่อนย้า ยระยะไกลอีกด้ว ย

บัดนี้มันถูกทําลายจนสิ้นซากไปพร้อมๆ กับอาวุธวิญญาณ ของยอดฝีมือตําหนักสวรรค์แท้ด้วยกระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ของเขา เขาจะไม่รวดร้าวใจได้อย่างไร

ข้าน่าจะรู้ว่ทำเรื่องดีๆ ม่เคยจะได้อะไรดีๆ คราวนี้เข้าเนื้อหนักเหลือเกิน…

ฉินมู่เค้นรอยยิ้มออกมา “ข้าจะเรียกหาน้องชายท่านนี้ว่า อย่างไร”

“อวี้ป๋อชวน ตระกูลอวี้แห่งตําหนักสวรรค์แท้” คุณชายผู้นี้มีใบหน้าเกลื่อนยิ้ม ทําให้ผู้คนรู้สึกราวกับถูกอาบ

ไล้ด้วยสายลมวสันต์ เขากล่าว “สหายเต๋าคงจะรู้สึกเวทนาเมื่อเห็น

เด็กหญิงกําพร้ากับหญิงม่าย ดังนั้นท่านจึงมาช่วยพวกเขา แต่ ท่านคงไม่ทราบว่าสองแม่ลูกผู้นี้ทําเรื่องชั่วช้ามามากมาย สังหาร ผู้คนเป็นผักปลา ตําหนักสวรรค์แท้แห่งแผ่นดินตะวันตกของพวก เรายึดถือคุณธรรมนําหน้าสายสัมพันธ์ครอบครัว ดังนั้นข้าจึงได้รับ คําสั่งให้นําทุกๆ คนมาที่นี่และกําจัดพวกนางเสีย”

ฉินมู่ผงกหัวอย่างเคร่งขรึม “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าเองที่มุทะลุ บุ่มบ่าม พี่อวี้โปรดอภัยให้ด้วย”

เด็กหนุ่มอวี้ป๋อชวนแย้มยิ้ม “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่นับว่าผิด ศิษย์พี่ท่านนี้โปรดไว้หน้าให้แก่พวกเรา ให้พวกเราสําเร็จภารกิจอันยากยิ่งนี้ เพื่อสังหารกบฏทั้ง 2  พวกเราได้สูญเสียพี่น้องไปตั้งมากมาย”

ฉินมู่ตีสีหน้าสัตย์ซื่อถือคุณธรรม “ภารกิจของเจ้านับว่า สําคัญก็จริง แต่ข้าไม่อาจฟังความเพียงข้างเดียวได้ ข้ายังคงต้อง ไต่ถามพวกเขาว่าพวกเขาชั่วช้าอย่างที่เจ้ากล่าวหรือไม่”

อวี้ป๋อชวนยิ้มด้วยใบหน้าเริงรื่น “สหายเต๋า ข้าได้ปูบันไดไว้ให้ เจ้าเดินลงแล้ว อย่าทําให้ข้าต้องเสียนํ้าใจสิ”

ฉินมู่เองก็แย้มยิ้มด้วยสีหน้าเริงรื่นเช่นกัน “จ้าวลัทธิมารฟ้ามี หรือจะต้องการบันไดที่ผู้คนปูเอาไว้ให้ลง หากว่าเป็นดังที่เจ้ากล่าว จริงๆ ข้าก็จะเพียงหันกายและเดินจากไป และพวกเจ้าก็สามารถ ขจัดผู้ทรยศของตนเอง แต่หากว่า…”

“ไม่จําเป็น!” อวี้ป๋อชวนยกมือให้สัญญาณ และสั่งทั้งซ้ายและ ขวาของเขา “สังหารเขาเสียและสิ้นสุดภารกิจ”

“รับทราบ!” ผู้บ่มปราณเหล่านั้นรับคําสั่งเป็นเสียงเดียวกันและกระโจนเข้า

ใส่ฉินมู่ซึ่งหัวเราะฮาๆ แล้วหันกายวิ่งหนีพร้อมทั้งหนีบแม่ลูกคู่นั้นไปด้วย

หนึ่งในยอดยุทธ์ระดับชาวสวรรค์ตะโกนอย่างเดือดดาล “เจ้า ยังจะหนีได้อี กรึ”

ต้นไม้สูงละลิ่วปรากฏขึ้นมาข้างหลังเขา รากของมันเหมือน มังกรหยกที่ขนดตัวคดเคี้ยวไปมา นี่คือจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขา วิธีฝึกปรือของตําหนักสวรรค์แท้แห่งแผ่นดินตะวันตกนั้นแตกต่าง จากจักรวรรดิสันตินิรันดร์ จิตวิญญาณดั้งเดิมของยอดฝีมือสันตินิ

รันดร์นั้นมักจะแบ่งออกเป็นมังกรเขียว พยัคฆ์ขาว หงส์แดง และ เต่าดํา เมื่อใครก็ตามฝึกปรือถึงขั้นชาวสวรรค์ จิตวิญญาณดั้งเดิม

ก็จะปรากฏขึ้นมาเบื้องหลังพวกเขา และโดยมากแล้วก็จะเป็น 4 มหากายาวิญญาณอันผ่านการแปรเปลี่ยนเป็นเทพเจ้า ซึ่งรูปลักษณ์ก็จะคล้ายกับ 4 รูปสลักหินที่หมู่บ้านพิการชรา

แม้ว่าจะมีความแตกต่างอยู่บ้าง ก็ไม่ได้แตกต่างแบบพลิกหน้า มือเป็นหลังเท้า ในเมื่อพวกเขาทั้งหมดก็อยู่ภายในหนึ่งใน 4 กายา วิญญาณ

จิตวิญญาณดั้งเดิมของยอดฝีมือตําหนักสวรรค์แท้แปลกไปกว่านั้น แม้ว่ายอดยุทธ์ขั้นชาวสวรรค์ผู้นี้จะอยู่ในสาแหรกของกา ยาวิญญาณมังกรเขียว จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขากลับดูเหมือน ต้นไม้ อันพบเห็นได้ยากยิ่ง

รากและกิ่งต้น ของต้นไม้ยักษ์แกว่งกวัดราวกับมังกรเขียวเริง ระบําบนนภากาศ ยืดยาวไปยังหลังของฉินมู่ ความเร็วของพวกมัน สูงลิ่ว และลําแสงสีเขียวก็พุ่งวูบวาบข้ามท้องฟ้าไปมา

แม้ว่าฉินมู่จะแบกคนไปถึง 2 คน แต่การเคลื่อนที่ของเขาก็ยัง เร็วยิ่งยวด ราวกับประกายแสงและสะเก็ดเงา ความเร็วของเขาทะลุ กําแพงเสียงและสร้างกัมปนาทของสายฟ้าฟาด!

ขาเทวะขโมยสวรรค์ของเฒ่าเป๋นั้นนับว่าเป็นวิชาตัวเบาอันดับ หนึ่งในโลกหล้า แต่ฉินมู่ยังคงอยู่ในขั้นหกทิศและไม่สามารถ ขับเคลื่อนมันให้ทัดเทียมกับเฒ่าเป๋ได้ ยิ่งไปกว่านั้น กําลังฝีมือของ ยอดฝีมือขั้นชาวสวรรค์ผู้นี้ก็ยังแข็งแกร่งเกินไป รากไม้ได้ตามฉินมู่มาทันในพริบตา และแทงเข้าไปที่ด้านหลังหัวใจของเขา

แต่ในพริบตาเดียวกันนั้น แสงกระบี่ก็แผ่พุ่งมาอีกครั้งจาก บริเวณโดยรอบ และกระบี่ทั้ง 8,000 เล่มก็พวยพุ่งขึ้นมาราวกับ พายุคลั่งอีกครั้ง ในเสี้ยววินาทีนั้น ก็มีภาพทิวทัศน์ของภูเขาและ แม่นํ้าคลี่ลงมาเบื้องหลังฉินมู่ เสียงปะทะกันติงตังอย่างไม่สิ้นสุดดัง

มาเมื่อกระบี่ทั้งหลายเข้าเฉือนฟันรากไม้และกิ่งก้านที่หมายจะบุก เข้า มา

พลานุภาพของภาพกระบี่นั้นเหนือลํ้าเกินธรรมดา ไม่เพียงเท่านั้น กระบี่ของฉินมู่ทั้งหมดล้วนแต่ถูกหลอมขึ้นมาจากวัสดุลํ้า เลิศที่สุดในแดนดิน เพราะอย่างนั้น จึงมีรากและกิ่งก้านมากมาย

ของจิตวิญญาณดั้งเดิมเทพพฤกษาที่ถูกตัดฟันลงไป

แต่ถึงอย่างไร ขั้นชาวสวรรค์ก็คือขั้นชาวสวรรค์ จิตวิญญาณ ดั้งเดิมเทพพฤกษาถล่มเข้ามาด้วยแรงสะเทือนสะท้านฟ้า ภาพกระบี่พลันแหลกสลาย และกระบี่ทั้ง 8,000 เล่มก็กระจัดกระจายไปทุกทิศทาง!

“มังกรอ้วน!” ฉินมู่ร้องด้วยเสียงอันดัง

กิเลนมังกรวิ่งตะบึงมา และแม้ว่าความเร็วการเคลื่อนที่เขาจะสูง แต่คําพูดของเขาเชื่องช้า “จ้าวลัทธิ ท่านก่อเรื่องอีกแล้ว”

ร่างกายของกิเลนมังกรขยายขึ้นมา จนกระทั่งมันเข้าปะทะกับ จิตวิญญาณดั้งเดิมเทพพฤกษา เพลิงแท้สมาธิแผดเผาออกมาเป็น รัศมีรอบร่างของเขา และเพลิงไฟอันร้อนแรงก็เผาผลาญจิต วิญญาณดั้งเดิมเทพพฤกษา!

ยอดยุทธ์ขั้นชาวสวรรค์เรียกจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขา กลับมาทันที และชายร่างบึกบึนผู้ซึ่งสวมใส่เสื้อคลุมเป็นเส้นก็พุ่ง เข้ามาด้วยฝีเท้าอันหนักหน่วง ข้างหลังเขาปรากฏยักษ์หินขึ้นมา ด้วยจิตวิญญาณดั้งเดิมเทพภูเขาของเขาที่มีพละกําลังไร้ประมาณ

เขาก็ซัดกําปั้นออกไป ส่งกิเลนมังกรปลิวกระเด็น

กิเลนมังกรกลิ้งหลุนๆ ในอากาศ เพราะว่าเขาอ้วนเกินไป เขา จึงควบคุมเมฆอัคคีไม่ได้ดีนัก ดังนั้นเขาจึงรีบร้องเรียก “พี่ฝูทั้งสอง!”

สองค้างคาวขาวกระพือปีกของพวกมันบินเข้ามาและปล่อย คลื่นเสียงอันไร้เสียงออกจากปากของพวกตน คลื่นเสียงเหล่านี้ได้ ทําให้ผู้ไล่ล่าพวกเขากลายเป็นสับสนอลหม่าน

กิเลนมังกรร่วงลงกับพื้น ก่อนจะโงหัวขึ้นมาเขย่าๆ เขาร้องลั่น ด้วยความโมโห “ข้าบอกให้พวกเจ้าช่วยจับข้าเอาไว้ต่างหาก!”

ค้างคาวขาวสองพี่น้องบินฉวัดเฉวียนอย่างว่องไวเพื่อหลบหลีกการโจมตีจากข้างล่าง จนกระทั่งพวกเขาจับคนมาได้ 2 คน และไปแขวนห้อยหัวอยู่กับต้นไม้ กอดรัดเหยื่อของพวกเขาเพื่อดื่ม

กินเลือด แต่สุดท้ายต้นไม้ก็แปลงกายเพราะว่าที่จริงแล้วมันคือจิต วิญญาณดั้งเดิมของยอดฝีมืออีกคนหนึ่ง ทําให้พวกเขาถูกมัดไว้ อย่างแน่นหนา

ฉินมู่นําค้อนกระดูกขาวขนาดยักษ์ออกมาและเขย่ามันเบาๆ ในพริบตานั้นหัวกะโหลกจํานวนมากก็ไหลออกมาจากหู ตา จมูก ปากของกระโหลกขาวลูกใหญ่ ลอยเกลื่อนไปทั่วท้องฟ้า กะโหลก เหล่านี้หวีดร้องเสียงแหลมอย่างพิลึกกึกกือ และขยํ้าเข้าไป พุ่งวูบ

วาบระหว่างผู้คนและอ้าปากกัดใครก็ตามที่มันกัดได้ ก่อนจะมุดเข้า ไปในร่างคนเหล่านั้น

กิเลนมังกรรีบรี่เข้าไปอีกครั้งและพ่นไฟแท้สมาธิไปยังจิตวิญญาณดั้งเดิมพฤกษาเขียวเพื่อช่วยค้างคาวทั้ง 2 ให้หลุดออกมา

อวี้ป๋อชวนเห็นสถานการณ์และรีบตะโกนออกมา “ถอยมา! พวกเราใช้ทักษะวิชาที่นี่ไม่ได้ พวกเราต้องไปสู้กับพวกมันข้าง นอก!”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version