Skip to content

Tales of Herding Gods 361


ตอนที่ 361 ทดสอบปืนใหญ่

เมื่อฉินมู่มาที่ร้านตีเหล็ก เขาเห็นซวีเซิงฮวาในผ้ากันเปื้อน นั่นเพื่อป้องกันมิให้สะเก็ดไฟออกมาเผาเสื้อผ้าของเขา แต่ทว่า เสื้อผ้าอันสะอาดผุดผ่องของเขาได้กลายเป็นผ้าขี้ริ้วไปแล้ว

เขานั้นกําลังหลอมสร้างปิ่นปักผมเล่มหนึ่ง และได้ทุบตีทองคํา ทมิฬ 1,000 ครั้ง เขาทุบมันจนกลายเป็นแผ่นทองคําที่บางที่สุด ก่อนจะม้วนมันเข้าด้วยกัน แล้วในท้ายที่สุดก็หลอมสร้างขึ้นมาเป็น รูปทรงของปิ่นปักผม เครื่องประดับอันหลอมสร้างด้วยวิธีการนี้ มี ลวดลายของเนื้อทองอันประณีตอย่างยิ่ง ซึ่งสตรีชนชั้นสูงชื่นชอบ มันเป็นที่สุด

อันที่จริงแล้ว ซวีเซิงฮวาได้สร้างชื่อเสียงกิตติศัพท์ในแวดวง ช่างตีเหล็กแห่งเมืองหลวง มีผู้ฝึกวิชาเทวะขั้นหกทิศหลายต่อหลาย คนที่มาหาเขาเพื่อให้หลอมสร้างอาวุธวิญญาณ และยังมีชนชั้นสูง มากมายที่ต้องการอาวุธแปลกประหลาดอย่างเช่นปิ่นปักผมและ กําไลข้อมือ

ผู้ฝึกวิชาเทวะขั้นหกทิศต้องการผู้เชี่ยวชาญหลอมสร้างเพื่อ หลอมอาวุธวิญญาณที่พวกเขาให้กําเนิดในสมบัติเทวะของพวก เขา ดังนั้นความสามารถของอาจารย์หลอมสร้างจึงสําคัญเป็น อย่างยิ่ง ซวีเซิงฮวานั้นชาญฉลาดและสามารถหลอมสร้างอาวุธ วิญญาณทุกรูปแบบได้เป็นอย่างดี วิชาฝึกปรือและทักษะเทวะของเขามีการเปลี่ยนแปรไม่รู้จบ และเขาสามารถหลอมสร้างอาวุธ วิญญาณที่เข้ากันได้ดีกับผู้ฝึกวิชาเทวะนั้นๆ

“กษัตริย์มนุษย์ฉิน เชิญนั่งในร้านก่อน ข้าจะไปพบท่านทันทีที่ หลอมตีปิ่นปักผมนี้เสร็จ” ซวีเซิงฮวาเห็นเขาเดินเข้ามา จึงตะโกน เข้าไปในร้าน “เอี้ยนจื่อ กษัตริย์มนุษย์มาที่นี่ ช่วยข้าต้อนรับเขา ก่อน!”

ฉินมู่เดินเข้าไปในร้านและเผยยิ้ม “เรียกข้าว่าจ้าวลัทธิก็พอ เมื่อเจ้าเรียกข้าว่ากษัตริย์มนุษย์ มันยํ้าเตือนว่าพวกเราเป็นศัตรู กัน”

จิงเอี้ยนสวมใส่เสื้อผ้าของเด็กสาวชาวบ้าน แทนที่จะสวม เสื้อผ้าอันหรูหราสง่างามที่นางสวมมาจากเหนือฟ้า นางถือกานํ้า ชามาหนึ่งกาและเชิญฉินมู่ให้นั่งที่รับรอง

ชานั้นธรรมดาสามัญ เมื่อซวีเซิงฮวาและฉินมู่ได้พบกันเป็น ครั้งแรก เขาได้รินนํ้าชาให้แก่ฉินมู่ ด้วยชาอันลํ้าเลิศที่สุดของ เหนือฟ้า และนั่นก็เป็นชาอันวิเศษที่สุดเท่าที่ฉินมู่เคยดื่ม มันเรียกว่าวาสนาเขียว แต่กระนั้น ชาที่เขาได้รินให้ในตอนนี้กลับเป็นชาที่ธรรมดาสามัญที่สุด

“ไม่มีชาดีๆ เหลือแล้ว จ้าวลัทธิฉินโปรดอภัย” จิงเอี้ยนหน้า แดงเรื่อด้วยความอับอายระหว่างที่รินชาให้แก่เขา “พวกเราเพิ่งใช้ ชาวาสนาเขียวหมดไปเมื่อเดือนก่อน” นางกล่าวด้วยเสียงเบา

ฉินมู่จิบชานี้และกล่าว “ข้าก็คุ้นกับการดื่มชาทั่วไปมากกว่า พวกเจ้าซื้อร้านนี้มาอย่างไรหรือ”

“เดิมทีคุณชายได้ซื้อบ้านไว้หลังหนึ่งในเมืองหลวง พวกเราขายบ้านเพื่อซื้อร้านนี้แทน” จิงเอี้ยนกล่าวเสริม “พี่อวี้หลิ่วไม่คุ้นเคยกับความยากลําบากเช่นนี้ นางจึงหาข้ออ้างเพื่อจากไปและกลับไปยังเหนือฟ้า เหลือแต่ข้าที่ยังคงอยู่รับใช้คุณชาย”

ฉินมู่เชิญให้นางนั่งลงเช่นกัน เขาแย้มยิ้มแล้วกล่าว “เจ้าเป็น ดรุณีที่ดี”

ซวีเซิงฮวาเลิกม่านขึ้นและเดินเข้ามาพร้อมผ้าเช็ดเหงื่อในมือ เขาใช้มันเช็ดมือของเขา จากนั้นก็แขวนผ้าเช็ดเหงื่อไว้ที่ม่าน ประตูแล้วเดินมายังโต๊ะเพื่อนั่งลง รินนํ้าชาให้ตนเอง เขาดื่มมันใน อึกเดียว จากนั้นก็รินอีกถ้วย

จิงเอี้ยนหมายจะลุกขึ้น แต่ซวีเซิงฮวายกมือห้ามเอาไว้แล้ว กล่าว “ที่นี่ไม่มีกฎเกณฑ์อะไร เจ้าเป็นนายหญิงของร้านตีเหล็ก พวกเรา ดังนั้นนั่งลงเถอะ”

จิงเอี้ยนจึงได้แต่นั่งลงหลังจากคํากล่าวเช่นนั้น สายตาของฉินมู่วูบวาบ และเขาก็แย้มยิ้ม “พี่ซวี ชีวิตของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

ซวีเซิงฮวาถอนหายใจและส่ายหัว “ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่มันรู้สึก เต็มอิ่ม ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการหาเงินทองจะยากเย็นขนาดนี้ ในเมื่อบนเหนือฟ้านั้นข้าไม่เคยต้องกังวลเรื่องเงินทอง แต่บัดนี้ ข้า

ถึงได้รู้ว่าเหรียญสมบูรณ์พูนสุขเหรียญหนึ่ง มูลค่าสูงลิ่วมากแค่ ไหน! พี่ฉิน ท่านจ่ายเหรียญสมบูรณ์พูนสุข 1 เหรียญให้กับบะหมี่เพียง 10 ชาม ช่างฟุ่มเฟือยจริงๆ มันมากพอที่จะซื้อบะหมี่ได้ 1,000 ชามเลยด้วยซํ้า!”

“ท่านไม่เคยยากจนมาก่อน” ซวีเซิงฮวาดื่มชาอีกสองสามถ้วย ก่อนระบายลมหายใจสะท้านออกมา เขากล่าว “เงินที่ข้าหามาได้ ในช่วงวันเวลานี้ยังคงไม่พอ ให้เวลาข้าอีกหน่อย ข้าคงจะสามารถ จ่ายเงินคืนให้ท่านได้ในเวลา 2 ปี”

ฉินมู่แย้มยิ้มและกล่าว “เป็นเงินเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงไม่ รีบร้อน หลิงเอ๋อต่างหากที่จะจดจําเรื่องนี้มากกว่าข้า ข้ามาที่นี่เพื่อ เชื้อเชิญท่านไปร่วมพิธีเปิดใช้งานปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน”

ซวีเซิงฮวาตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจ “ท่านใช้เวลา 2 เดือนนี้ในการออกแบบและก่อสร้างปืนใหญ่ ส่วนข้านั้นได้แต่ หลอมสร้างอาวุธวิญญาณในร้านตีเหล็กนี้ เมื่อ 15 วันก่อน ข้า

สัมผัสได้ว่าท่านสันดาปเตาหลอม 2 ครั้ง ท่านคงจะได้ทดสอบ โครงปืนใหญ่เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“ใช่แล้ว” ฉินมู่ดื่มชาในถ้วยของเขาในอึกเดียวแล้วกล่าว “ข้า ใช้พลังงานของทั้งจักรวรรดิเพื่อหลอมสร้างปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน และมิได้เติมพลังงานกลับเข้าไปในเมื่อข้าไม่มีเงินพอ หากว่าข้า เติมพลังงานเข้าไปในปืนใหญ่ แม้แต่จักรพรรดิก็คงจ่ายเงินให้ข้า

ไม่ได้ พวกเราไปดูมันกันเถอะ”

ซวีเซิงฮวาลุกขึ้น และถอดผ้ากันเปื้อนออก เขากล่าวแก่จิง เอี้ยน “ตามข้ามาด้วยสิ”

จิงเอี้ยนรับคําและทั้ง 3 คนก็เดินออกจากร้านตีเหล็ก มุ่งหน้า ไปยังชานเมือง

เมื่อพวกเขามาถึงจุดหมาย ก็เห็นอาวุธวิญญาณมหึมาอันกิน เนื้อที่กว่า 400 ไร่ ลูกตาตรงใจกลางของแหล่งจ่ายพลังงานปืน ใหญ่นั้นได้ถูกหลอมสร้างและลอยอยู่ระหว่างส้อมรวมแสง ผู้ฝึก วิชาเทวะหลายร้อยคนนั้นอยู่บนแหล่งจ่ายพลังงานปืนใหญ่ และกําลังวัดบางอย่างอยู่อย่างวุ่นวาย

ทั้ง 3 คนเดินไปข้างหน้า ซวีเซิงฮวาและจิงเอี้ยนเต็มไปด้วย ความตื่นตระหนก เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นดูยังวัตถุใหญ่โต มโหฬารนี้ ยากที่จะคิดฝันได้ว่าฉินมู่ใช้เวลาเพียง 2 เดือนกว่าๆ เท่านั้นใช้การหลอมสร้างอาวุธวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัว ตรงหน้า!

แน่ล่ะ มันไม่ใช่นํ้าพักนํ้าแรงของฉินมู่เพียงผู้เดียว แต่กลับเป็น ผลงานของผู้เชี่ยวชาญพีชคณิตทั้งหมด และอาจารย์หลอมสร้าง ทั่วทั้งจักรวรรดิสันตินิรันดร์ที่รีดเร้นระดมสมองด้วยกัน แม้ว่าใน

บรรดาคนเหล่านั้น ฉินมู่ก็นับว่ามีส่วนอุทิศมากที่สุด

หากไม่ใช่เพราะการออกแบบของเขาและการที่เขาพัฒนา ยกระดับวิทยาการหลอมสร้าง และอาศัยเพียงแค่มาตรฐานของ วิทยาการหลอมสร้างในจักรวรรดิสันตินิรันดร์ มันก็คงเป็นไปไม่ได้ ที่จะสรรค์สร้างสมบัติวิเศษท้าทายสวรรค์เช่นนี้!

ฉินมู่ได้ผลักดันวิทยาการหลอมสร้างของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ไปข้างหน้าอีกถึง 100 ปี!

จักรพรรดิและขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลายได้มาถึงที่นี่กันทั้งหมด ยัง มีขุนนางชั้นสูงและชนชั้นตระกูลใหญ่จากเมืองหลวงเช่นเดียวกับ สามัญชนมากมายมารวมตัวกันรอบๆ เพื่อชมดูการเปิดตัวของปืน ใหญ่เทวะยิงตะวัน แม้แต่ผู้ใหญ่บ้าน ผู้สั นโดษชิงโยว และพรรค พวก ก็รีบรุดมาดูการยิงปืนใหญ่เทวะ

“เตาหลอมยาตรวจแล้วปกติ! ไม่มีรอยแตกร้าว!” เจ้าหน้าที่ กระทรวงการงานคนหนึ่งตะโกนด้วยเสียงอันดัง

“วงจรพยุหะตรวจแล้วปกติ! ไม่มีส่วนเชื่อมต่อขาดวงจร!” “อักษรรูนตรวจแล้วปกติ!” “โครงปืนใหญ่ตรวจแล้วปกติ!”

“ส้อมรวมแสงตรวจแล้วปกติ!”

“เนตรเทวะตรวจแล้วปกติ!”

เสียงดังมาอย่างต่อเนื่อง และชานโหย่วซิ่นก็กล่าวด้วยเสียงอัน ดัง “สันดาปเตาหลอมยาเตาหมายเลข 1 ทดสอบกําลังจ่าย เดินเครื่องเต็มกําลัง!”

ในอีกอึดใจ นักปรุงยาคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เตาหลอมยาตะโกน ไป “เตาหลอมยาหมายเลข 1 เดินเครื่องเต็มกําลัง ผลลัพธ์ปกติ!”

“ทดสอบสันดาปเตาหลอมยาหมายเลข 2”

“เตาหลอมยาหมายเลข 2 เดินเครื่องเต็มกําลัง ผลลัพธ์ปกติ!”

ซวีเซิงฮวามองไปที่วิธีการทดสอบเช่นนี้ และตะลึงไปทันที เขา พึมพํา “จ้าวลัทธิฉิน เมื่อไหร่ข้าถึงจะไปถึงมาตรฐานวิทยาการ หลอมสร้างของท่านได้ วิชาตีเหล็กของข้านั้นยังคงสะเปะสะปะ เกินไป…”

ฉินมู่กล่าวปลอบเขาทันท่วงที “ไม่ต้องห่วง ทุกๆ คนก็ต้องค่อย เป็นค่อยไปทั้งนั้น ข้าเองก็มีวันเวลาอันยํ่าแย่”

“จริงหรือ” ซวีเซิงฮวาถามอย่างสงสัย ฉินมู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “ไม่ มันไม่ได้นานขนาดนั้น

หลังจากข้าออกจากหมู่บ้าน ข้าก็โด่งดังมีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว”

ซวีเซิงฮวาเงียบไปครู่ แล้วกล่าว “จ้าวลัทธิฉิน ถ้าท่านยัง ปลอบใจผู้คนแบบนี้ ไม่นานท่านจะถูกกระทืบจนตาย”

“แต่ทว่าตอนที่ข้าอยู่ในหมู่บ้าน ข้าหยิบค้อนเหล็กตั้งแต่ 5  ขวบ และเรียนวาดภาพจากท่านปู่หนวก” ฉินมู่มีสีหน้าไม่ยินดียิน ร้าย “ท่านเพียงเพิ่งหยิบค้อนเหล็กได้ไม่นาน และไม่รู้หรอกว่าข้า ต้องทุ่มเทความพากเพียรไปมากแค่ไหนในช่วง 10 ปีมานี้”

ซวีเซิงฮวาผงกหัวและกล่าว “กายาจ้าวแดนดินมิใช่สิ่งที่จะ สําเร็จได้โดยปราศจากความพากเพียร ข้าได้เรียนรู้จากคําชี้แนะ ของท่านแล้ว”

ในที่สุด เตาหลอมยาทั้ง 56 เตาก็เดินเครื่องเต็มกําลัง ทันใดนั้น อักษรรูนทั้งหมดบนส่วนฐานของปืนใหญ่เทวะยิงตะวันก็ เปล่งแสงออกมา และพยุหะทั้งหมดก็ขับเคลื่อนทํางาน แท่นปืนใหญ่มหึมาค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และคลื่นพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกไปโดยรอบ สั่นสะเทือนห้วงมิติซํ้าแล้วซํ้าอีก

พลังงานในเตาหลอมทั้ง 56 เตานั้นไหลบ่าออกไปยังบ้า คลั่งยังส้อมรวมแสง และเมื่อผ่านส้อมรวมแสง มันก็กลายเป็น ลําแสงขนาดใหญ่ 4 เส้นที่ทะลวงเข้าไปในเนตรเทวะ

เสียงของฟันเฟืองหมุนดังมาจากข้างในเนตรเทวะ ความเร็ว ของพวกมันเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ทันใดนั้น เสียงก็หายวับไป และเนตร เทวะอันใหญ่ถึง 120 วาก็ดูคล้ายจะกลายเป็นความว่างเปล่า พยุหะทุกชนิดที่อยู่ในนั้นถูกกระตุ้นให้ทํางานตามๆ กัน และ ทองคําทมิฬ เหล็กดํา ทองคําเทวะ และวัตถุดิบเทวะต่างๆ ที่ใช้ใน การสร้างมันขึ้นมาล้วนแต่หายวับไป พวกมันถูกแทนที่ด้วยเนตรเท วะดวงหนึ่งอันแผดแสงรัศมีเทพเจิดจ้า

ดวงเนตรนั้นปิดอยู่

แกรกกก

ดวงตายักษ์นั้นหมุนอยู่เหนือแหล่งจ่ายพลังงานปืนใหญ่ และเสียงลมอึงคะนึงที่เกิดจากมันน่าหวาดผวา แต่การเต้นตุบๆ ของดวงตาก็ยังน่าสะพรึงกลัวกว่า แม้แต่ยอดฝีมือแกร่งระดับจ้าวลัทธิก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวในหัวใจ

“จ้าวลัทธิฉิน!” ซานโหย่วซิ่นโค้งแก่ฉินมู่ระหว่างที่เขายืนอยู่ บนแท่นปืนใหญ่ “การเตรียมการปืนใหญ่เทวะยิงตะวันเสร็จสิ้น แล้ว !”

ฉินมู่ลุกขึ้น และกล่าวแก่จักรพรรดิเอี้ยนเฝิง “ฝ่าบาท เชิญ!” จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงสูดลมหายใจลึก และนําขุนนางบุ๋นและบู๊ที่

ติดตามมาเหาะขึ้นไปบนแท่นปืนใหญ่ เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม

“เจ้ากรมฉิน เจ้าได้เหนื่อยยากมาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น เจ้าน่าจะเป็นผู้ยิงมันจะดีกว่า!”

ฉินมู่รับคํา และชานโหย่วซิ่นก็นําแผ่นหยกแผ่นหนึ่งมาให้เขา ฉินมู่ขับเคลื่อนปราณชีวิตของเขา และแผ่นหยกนี้ก็เปล่งแสงเจิด จ้าออกมา แสงรัศมีนั้นฉายส่องออกและแปรเปลี่ยนเป็นจอแสงอัน กว้าง 3 คืบ มันแสดงทัศวิสัยของสถานที่รอบๆ

ฉินมู่แตะจอแสงที่แสดงออกมาจากแผ่นหยกแผ่วเบา และเนตร เทวะของปืนใหญ่เทวะยิงตะวันก็หมุนไปตามการแตะจอของเขา ฉินมู่จัดตําแหน่งทิศทางของดวงตาให้เล็งขึ้นไปบนท้องฟ้า

เขาแตะบนแผ่นหยกอีกครั้ง และดวงตาก็ลืมขึ้นในทันที ฉีกโลกเบื้องบนให้ขาดออกจากกัน ท้องฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่นอย่าง รุนแรงเมื่อรอยฉีกแยกถูกเปิดออก ทุกคนพลันเห็นรอยสีดําแผ่ ขยายอยู่เบื้องบน อันฉีกท้องฟ้าออก ในเวลาเดียวกัน ลําแสงนี้ก็ หายวับไปโดยไร้ร่องรอย

สักพักหนึ่ง เสียงกัมปนาทกึกก้องก็ดังมาจากเหนือท้องฟ้า มัน ดังราวกับเกิดการระเบิดขึ้นเป็นหมื่นๆ หนพร้อมๆ กัน!

รอยฉีกขาดมหึมาปรากฏบนนภากาศ ปรากฏความว่างเปล่า มืดดําอยู่ในนั้น แต่ผ่านไปสักพัก รอยแยกนี้ก็ค่อยๆ สมานเข้าหา กัน

ซวีเซิงฮวารู้สึกหนักอึ้งในหัวใจมากขึ้นทุกที ไม่มีใครในเหนือ ฟ้าที่สามารถต่อต้านปืนใหญ่เช่นนี้ได้ แม้แต่อาจารย์ของเขาเทพ ครองแดนหยกหรือเทพครองแดนและดาวอื่นๆ ไม่มีใครเลยที่จะ

สามารถรอดชีวิตจากการโจมตีของปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน อาวุธเช่นนี้มิใช่อาวุธของโลกมนุษย์อีกต่อไป! มันคืออาวุธที่ใช้สังหารเทพเจ้า!

“เงินข้าไม่ได้เสียเปล่า…” จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงมองไปยังท้องฟ้า ที่ค่อยๆ สมานตัวกลับและพึมพํา “ราชครู น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้อยู่ ชมดูด้วยที่นี่”

ในท้องทุ่งกว้าง ราชครูสันตินิรันดร์นั้นกําลังนํากองทัพกลับไป ยังสันตินิรันดร์ แต่ทันใดนั้นเขาก็เงยศีรษะขึ้นมาดูรอยฉีกขาดบน ท้องฟ้า หัวใจเขาสั่นสะท้าน จ้าลัทธิฉิน ในที่สุเจ้าก็สร้างอาวุธ สังหารเทพเจ้าด้สำเร็จ…

บนแท่นปืนใหญ่ ฉินมู่สลายปราณชีวิตของเขา และจอแสงอัน ส่องจากแผ่นหยกก็หายวับ เตาหลอมยาก็ค่อยๆ ดับไปทีละเตา อัน ทําให้วงจรพยุหะหยุดทํางาน ปืนใหญ่เทวะยิงตะวันก็ค่อยๆ ร่อนลง มาจากท้องฟ้า

ฉินมู่เงยหน้าขึ้นมองไปเบื้องบนและพึมพํา “ในเมื่อมันมีชื่อว่า ปืนใหญ่เทวะยิงตะวัน เช่นนั้นข้ายิงดวงตะวันดูสักทีดีไหม”

ทุกคนรอบตัวเขาสั่นเทิ้ม และจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก็รีบชิงแผ่น หยกออกมาจากมือเขาพลางตะโกน “เจ้ากรมฉิน หากดวงอาทิตย์ ถูกทําลายจากการยิงของเจ้า แล้วผู้คนจะอยู่กันอย่างไร ความคิด ของเจ้าอันตรายนัก เอาเจ้าไปตัดหัว!”

กลุ่มผู้ต่อต้านฉินมู่ท่ามกลางขุนนางบุ๋นและบู๊รีบกล่าวทันที “ฝ่าบาท จักรพรรดิตรัสแล้วไม่คืนคํานะ!”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงหันหน้าไปมองเขาพลางโบกไม้โบกมือแล้ว กล่าว “ข้าย่อมต้องคืนคําอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเจ้ามองไม่เห็นความ จําเป็นของการคืนคํา เช่นนั้นข้าจะเก็บเจ้าเอาไว้ทําไม เกษียณแล้ว กลับบ้านเกิดไปเถอะ ขุนนางฉินที่รัก ข้าจะใช้แผ่นหยกนี้อย่างไร หรือ”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version