Skip to content

Tales of Herding Gods 374


ตอนที่ 374 ยิ้มใสซื่อ

ร่างกายของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรนั้นเป็นร่างเนื้อของเทพ เจ้า และด้วยมังกร 5 ตัวที่กระหวัดพันรอบร่างของเขาเสริมเข้าไป อีก กับอีก 2 ตัวที่กลายเป็นอาวุธ พละกําลังของเขาก็ทวีคูณไป หลายเท่า

แม้ว่าสํานักขี่มังกรจะถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยเทพครองแดนเลี้ยงมังกร มันก็มีเพียงแต่ความสามารถในการควบคุมมังกรและอสรพิษ พันธุ์ต่างๆ เท่านั้น ผู้คนจากสํานักขี่มังกรไม่มีความสามารถในการ หยิบยืมพลังจากมังกร แต่เคล็ดลับควบคุมมังกรของเทพครองแดน เลี้ยงมังกรทําให้ผู้หนึ่งสามารถหยิบยืมพละกําลังของมังกรไร้เขา มาเป็นของตนได้

ยิ่งไปกว่านั้น คัมภีร์เลี้ยงมังกรของเขาก็มิได้บรรจุทุกวิชาที่เขา มี เขาได้ซุกซ่อนไม้ตายก้นหีบเอาไว้ แม้ว่าคัมภีร์เลี้ยงมังกรในมือ ของฉินมู่จะสมบูรณ์กว่าฉบับที่ถ่ายทอดให้กับสํานักขี่มังกร แต่วิชายุทธ์ที่สําคัญที่สุดมิได้ถูกบันทึกเอาไว้ในนั้น

เมื่อใช้มังกรไร้เขาแทนตะบองคู่ พละกําลังของเขาก็ยิ่งใหญ่ ไพศาลถึงขนาดว่าเมื่อเขาฟาดทุบไป ฉินมู่และพรรคพวกก็แก้วหู แล่นเปรี๊ยะจนหนวกอื้อไปแวบหนึ่ง

ไม่เพียงเท่านั้น กาารฟาดดังกล่าวยังได้กวาดซัดอากาศใน บริเวณนั้นออกไปจนเป็นสูญญากาศ ราวกับว่าห้วงมิติกระผีกใหญ่ แหลกสลาย และอากาศรอบๆ ก็ถูกสูบออกไป

นี่มันแตกต่างจากการปะทะของยอดฝีมือโดยทั่วไป

ฉินมู่ได้ประจักษ์การต่อสู้ระหว่างยอดยุทธ์ฝีมือแกร่งก็มาก การต่อสู้ระดับจ้าวลัทธิ และแม้กระทั่งได้เห็นด้วยสายตาตัวเองถึง การปรามปรามยอดฝีมือกบฏของราชครูสันตินิรันดร์ แรงกระแทก จากทักษะเทวะของพวกเขามิได้ทําให้ห้วงมิติแหลกสลายจากข้าง ใน แต่ส่งแรงระเบิดไปทั่วทิศทาง

แต่ทว่า ร่างเนื้อของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรนั้นทรงพลานุ ภาพขนาดที่ว่าแรงกระแทกนั้นทําให้ห้วงมิติยุบเข้าไปข้างในโดย ไม่มีพลังงานไหลรั่วออกมา อานุภาพทําลายล้างทั้งหมดถูก รวบรวมอย่างเข้มข้นในจุดเดียว ทําให้พละกําลังของเขาแผ่พุ่ง ออกไปอย่างเต็มพิกัดอย่างยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่!

แม้ว่าคลื่นกระแทกที่แผ่พุ่งไปทุกทิศทางจะดูยิ่งใหญ่ไพศาลและน่าสะพรึงกลัว แต่พลังงานในนั้นกระจัดกระจายออกไปทําให้ เมื่อทักษะเทวะปะทะถึงตัวศัตรู พลานุภาพก็จะอ่อนลงไปเล็กน้อย แล้ว

การกระจัดกระจายพลังงานไม่เกิดขึ้นเมื่อเทพครองแดนเลี้ยง มังกรโจมตี อันแสดงว่าเขาได้บรรลุสุดขีดขั้วในการควบคุม พละกําลังของตน

นี่คือความงดงามของพละกําลัง และความงามเช่นนี้จะชื่นชม ได้ก็ต่อเฉพาะผู้ที่อุทิศทั้งชีวิตในการศึกษาพละกําลังจนถึงสุดขีด ขั้ว

ในโถงวัง ฉินมู่และคนอื่นๆ ไม่มีเวลามาชื่นชม อากาศในโถง ถูกสูบออกไป และทั้งหมดพลันรู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาลขนาด ว่าอากาศในปอดทั้งหมดก็ถูกรีดเร้นออกมา!

แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวนั้นดูจะบีบเค้นพวกเขา ขณะที่อากาศ ถูกสูบออกไปหมด ก็ให้ความรู้สึกถึงร่างกายที่ขยายออกไปข้าง นอก ลูกตา หัวใจ ปอด กะเพาะปัสสาวะขยายออกไป ขณะที่โลหิต และปัสสาวะของพวกเขาแทบจะเล็ดไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

พวกเขาถูกฟาดตีโดยอากาศที่พยายามไหลออกไป และร่างกายก็ลอยขึ้นไปกลางโถงโดยไม่ยินดี พวกเขาตะเกียกตะกาย แกว่งแขนขาไปมาขณะที่ลอยไปทางตะบองของเทพครองแดนเลี้ยง มังกร ราวกับว่าพวกเขาส่งตัวเองไปหาความตาย

หากว่าพวกเขาถูกดูดไปที่ใต้ตะบองของเทพครองแดนเลี้ยง มังกร ก็จะถูกบดขยี้เหมือนมดปลวกและสิ้นชีวิตไป

ฉินมู่รีบยื่นมือออกไปคว้าเอาเขาหนาใหญ่ของกวางยักษ์ ส่วน อีกมือคว้ามือมู่ชิงไต้เอาไว้ ผ้าคาดเอวของเด็กสาวสะบัดไปม้วน พันรอบขาของหลงอวี๋ ผู้ซึ่งคว้าหวางมู่หรันเอาไว้อีกที

พลังนั้นดึงเอา 4 คนปลิวไปเป็นเส้นตรง และเท้าของกวางยักษ์ก็เริ่มที่จะยืนไม่มั่น ทั้งๆ ที่พยายามจิกปักลงไปในดิน แต่ทว่าก็ยังไม่ อาจหยุดยั้งมันมิให้หลุดปลิวไปนอกโถงได้

กวางใหญ่อ้าปากของมันและงับเข้าไปที่หางกิเลนมังกร กิเลน มังกรร้องโหยหวนด้วยความเจ็บและโกรธเกรี้ยว แต่ไม่ว่าแรงดึงนั้น จะมหาศาลมากเพียงไหน กิเลนมังกรก็หนักแน่นไม่ไหวติงดุจ ขุนเขา

ตูม!

แรงระเบิดสะท้านฟ้าดังออกมาจากนอกโถง การโจมตีของ เทพครองแดนเลี้ยงมังกรได้ปลดปล่อยพลังออกมาปะทะกับเฒ่าใบ้ และเสียงกัมปนาทสะเทือนเลื่อนลั่นก็เขย่าทั้ง 4 คนอย่างรุนแรงให้ ปลิวขึ้นไปบนอากาศราวกับว่าพวกเขาถูกอสุนีบาตนับไม่ถ้วนฟาด เข้าใส่

จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อการโจมตีของเฒ่าใบ้และ เทพครองแดนเลี้ยงมังกรปะทะกัน พละกําลังของร่างเนื้อพวกเขาได้ สร้างคลื่นกระเพื่อมในอวกาศ และมันเขย่าห้วงมิติให้กระเพื่อมขึ้น

ลงอย่างรุนแรง พวกฉินมู่ที่อยู่กลางอากาศจึงเคลื่อนไหวขึ้นลงด้วย เช่นกัน ได้รับแรงกระแทกจากคลื่นกระเพื่อมนั้น

โลหิตรินไหลออกจากมุมปากของพวกเขา คลื่นในห้วงมิติไม่ เพียงแต่สะบัดพวกเขาไปมาอย่างรุนแรง แต่ร่างกายของพวกเขาก็ ยังบิดเบี้ยวไปตามห้วงอวกาศ ทําให้อวัยวะทั้ง 5 และโพรงทั้ง 6  ของพวกเขาเคลื่อนสลับตําแหน่งไปอย่างผิดที่ผิดทาง กระดูกพวก เขาก็แตกร้าวเมื่อไม่อาจทานรับแรงกดดันหนักหน่วงได้อีกต่อไป!

“แข็งแกร่งไปแล้ว!” กิเลนมังกรตะโกน “ข้าเกือบอ้วกเลยแน่ะ!”

ฉินมู่และคนอื่นๆ สาหัสขนาดที่ว่าแทบกระอักเลือด แต่กระนั้น มังกรอ้วนตัวนี้ก็ยังร้องอย่างกระปรี้กระเปร่าได้!

ในตอนนั้นเอง แสงเจิดจ้าก็สาดส่องมาจากข้างนอก และแสง ขาวผุดผาดราวหิมะก็สาดใส่ดวงตาของคนทั้งหลาย เมื่อแสงเจิด จ้ามาถึงขีดสุด มันก็กลายเป็นความมืดมิด แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่า ทักษะเทวะนี้เป็นของใคร แต่มันก็ได้ทําให้ทุกๆ สิ่งตรงหน้าพวกเขา กลายเป็นสีดํามืด นํ้าตาหลั่งไหลออกจากดวงตา และพวกเขารีบ ขับเคลื่อนทักษะเทวะวิชาเนตรของตนเองเพื่อป้องกันมิให้ดวงตา ของตนได้รับความเสียหาย

ตึม ตึม ตึม

ร่างของพวกเขาร่วงลงกับพื้น แต่ทว่าในพริบตาถัดมา คลื่นกระเพื่อมจากการปะทะหนที่ 2 แล่นมาถึง โชคดีที่ว่า มันดูเหมือนจะปะทะกันห่างไกลออกไป กระนั้นแรงสั่นสะเทือนก็ยังคงทําให้ พื้นดินกลายเป็นลูกคลื่นเหมือนผิวทะเล ยกขึ้นยกลงเป็นมรสุม แม้แต่เจ้าอ้วนตะกละอย่างกิเลนมังกรก็กระดอนขึ้นไปบนอากาศ

แป่ก แป่ก แป่ก

เสียงกระทบดังกังวานมาเมื่อฉินมู่และคนอื่นๆ ถูกเหวี่ยงสะบัด ไปฟาดกับเพดาน

“ใครสร้างวังเหล่านี้ให้กับท่านยายกันนะ ทนทานขนาดนี้…” ฉินมู่พึมพํา โลหิตหลั่งไหลจากมุมปากของฉินมู่อันเกิดจากแรง กระแทก และเขากลืนก้อนเลือดที่ออขึ้นมาในคอของตนเองกลับเข้าไป

ในอดีตนั้น จ้าวลัทธิฉินผู้ยิ่งใหญ่ได้รื้อพังบ้านเรือนและราชวัง มากมาย มีครั้งไหนกันที่เขามาเจอกับสิ่งก่อสร้างอันแข็งแกร่ง ทนทานขนาดนี้

โถงวังในภูเขานักบุญเยือนแห่งลัทธิมารฟ้าก็ถูกรื้อพังไปอย่าง ง่ายดาย แม้แต่วังหลวง มหาวิทยาลัยจักรวรรดิ และเรือนวัง ทั้งหลายในวังทองโหรวหลันก็ถูกรื้อได้สบายๆ เมื่อเขาคิดจะพังมัน

อย่าว่าแต่ปราสาท แม้แต่สายแร่มังกรเขาก็ยังถล่มมาแล้ว!

แต่ทว่า หมู่ตําหนักที่เป็นของยายเฒ่าซีดูจะทนทานจนเกิน จินตนาการ เมื่อพวกเขาฟาดปะทะเข้าใส่เพดาน กระดูกของพวก เขาก็แทบแหลกละเอียด แต่กระนั้นหลังคาก็ไม่ร้าวเลยสักรอย อย่า ว่าแต่จะพังลงมาเลย

คลื่นกระเพื่อมที่มาจากการปะทะกันหนที่ 3 ทําให้ฉินมู่และ พรรคพวกร่วงลงไปกับพื้น กองก่ายทับกัน มู่ชิงไต้ถูกทับอยู่ล่างสุด ตามด้วยหวางมู่หรัน หลงอวี๋ ฉินมู่ กวาง และกิเลนมังกรบนยอดสุด

ทุกคนรีบลุกออกมาอย่างเร่งรีบ และพบว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ แห่งนครหยกน้อยได้นอนตาเหลือกขาวเรียบร้อยแล้ว ฉินมู่รีบบีบ ปากนางให้อ้าออกและป้อนนํ้าลายมังกรเข้าไป 1 ขวด นั่นแหละ นางถึงรอดมาได้

คลื่นกระเพื่อมระลอกที่ 4 นั้นยิ่งไกลจากจุดที่พวกเขาอยู่เข้าไป ใหญ่ แต่มันก็ไม่เล็กน้อยเลย ความเคลื่อนไหวในห้วงมิติได้ยืด ร่างกายของพวกเขาขึ้นๆ ลงๆ จากนั้นดึงให้ขยายออกข้าง และบีบ ให้หดเข้าไป แม้แต่มู่ชิงไต๋ที่ผอมบางที่สุดก็ยังดูราวกับเด็กสาวอ้วนท้วนเหมือนลูกหลี่[1] และเมื่อพวกเขาถูกบีบอัดเข้าไป แม้แต่กิเลน มังกรที่อ้วนที่สุดก็ดูผอมเพรียวเป็นอย่างยิ่ง พุงของเขาหายไป

[1] ลูกหลี่ ลูกพลัม

เมื่อมาถึงคลื่นระลอกที่ 5 ผลกระทบของมันก็เบาบางลง และในที่สุดทุกคนก็ระบายลมหายใจโล่งอก

การต่อสู้ของเทพยดาก็ทําให้ปุถุชนเดือดร้อนได้ แม้ว่าพวก เขาจะเป็นยอดยุทธ์โดดเด่นท่ามกลางผู้ฝึกวิชาเทวะทั้งหลาย พวก เขาก็ยังจะต้องตกตายอย่างน่าอนาถหากว่าพลั้งเผลอถูกลูกหลง ของการปะทะระหว่างสุดยอดฝีมือ

“มาฮา! มาฮา!”

เสียงร้องประหลาดดังมาจากข้างนอก และฉินมู่ผู้ซึ่งเพิ่งระบาย ลมหายใจโล่งอกก็พลันตึงเครียดขึ้นมา ขณะที่เขานําขลุ่ยทองคํา ออกมา ทัศนวิสัยของเขาก็ถูกบดบังด้วยมังกรโลหิตไร้เขาที่ กระโจนลงมาจากหลังคา ลําตัวยาวเพรียวของพวกมันร่วงลงกับ พื้น และสิ่งมีชีวิตหลายร้อยตัวพวกนี้ก็ห้อมล้อมคณะของฉินมู่ เอาไว้ ขัดขวางพวกเขาไว้ทุกทิศทุกทาง

ฉินมู่เป่าขลุ่ย และมังกรไร้เขาทั้งหลายที่ม้วนพันรอบเสาสําริด ก็เลื้อยลงมาข้างล่างเพื่อตั้งท่าคุ้มกันที่หน้าโถง

มังกรโลหิตไร้เขาอันแปรเปลี่ยนมาจากโลหิตของเทพเจ้ามีจํานวนมากมายดารดาษ ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่หนุ่มสาวจากนคร หยกน้อยก็ได้ยินคํารํ่าลือถึงฤทธานุภาพของโลหิตเทพเจ้า พวกเขาเป็นผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิสันตินิรันดร์ ดังนั้นความลับที่พวกเขาล่วงรู้จึงไม่ด้อยไปกว่าฉินมู่

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉินมู่ได้เห็นโลหิตของเทพและมาร เขาเคย เห็นฤทธานุภาพของมันมาแล้วเมื่อตอนที่ออกไปในความมืดกับ ผู้ใหญ่บ้านในแดนโบราณวินาศ และเขาก็ยังได้เห็นปีศาจรากไม้ แห่งสันเขาเดียวดายผู้ซึ่งได้รับการหล่อเลี้ยงจากโลหิตของเทพและ

มาร เขาก็ยังได้เห็นทะเลสาบโลหิตเทวะที่หลงเหลือจากการต่อสู้ ระหว่างราชครูกับเทพเจ้าจากเหนือฟ้า

แต่กระนั้นจะวัดว่าความแข็งแกร่งของมังกรโลหิตไร้เขาอันมา จากโลหิตของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรนี้ว่าแข็งแกร่งเท่าใด เขาก็ นึกไม่ออก

แม้ว่าเขาจะได้เป่าขลุ่ยทองคําเพื่อเรียกสติและควบคุมมังกรไร้ เขาทั้งหลาย เขาก็ยังไม่มีความมั่นใจที่จะป้องกันการโจมตีจาก มังกรโลหิตเหล่านี้ได้ ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือพลังงานประหลาด พิสดารอันซุกซ่อนอยู่ในโลหิตเทพเจ้าที่ก่อขึ้นมาเป็นมังกรโลหิต ไร้เขาเหล่านี้!

พวกมันเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วนอกโถง กระโดดทางนั้นและ ทางนี้ พวกมันเหมือนกับฝูงหมาป่าไฮยีน่า เฝ้ารอจังหวะกระโจน ขยํ้า

เสียงขลุ่ยของฉินมู่ดังขึ้นรัวเร็ว และมังกรไร้เขาที่คุ้มกันเขาอยู่ ก็ทะยานพุ่งใส่มังกรโลหิตไร้เขา!

สิ่งมีชีวิตที่ฉินมู่ควบคุมอยู่นั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทาน พวกมัน คือฝูงมังกรที่เทพครองแดนเลี้ยงมังกรได้เลี้ยงดูมาเป็นเวลาหลายปี

ดังนั้นกําลังฝีมือของพวกมันจึงสูงลิ่ว ขัดขวางมังกรโลหิตไร้เขา หลายร้อยตัวนั้นเอาไว้ได้

สิ่งมีชีวิตพวกนั้นถูกมังกรไร้เขาที่แท้จริงฉีกกระชากไปหลาย 10 ตัว กลายเป็นละอองเลือด เทียบกับมังกรไร้เขาที่เทพครองแดน เลี้ยงมังกรเพาะเลี้ยงขึ้นมาแล้ว มังกรโลหิตไร้เขายังคงอ่อนแอ เกินไป

ข้างนอก เสียงคํารามค่อยๆ เงียบลงไป มีเพียงแต่เสียงเปาะแปะ ของหยาดฝนและท่วงทํานองอันไพเราะของขลุ่ยฉินมู่ที่ยังดังกังวาน

เสียงขลุ่ยเงียบลงไป เสียงเปาะแปะของฝนพลันดังกระหนํ่าขึ้นมา ทุกๆ คนในโถง

ยืนกันด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ไม่กล้าที่จะคลายใจ พวกเขามอง

ออกไปนอกโถง และเห็นสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ริ้วแล้วริ้วเล่าส่อง สว่างให้แก่ความมืด สีหน้าของฉินมู่และคนอื่นๆ สลับวูบวาบไป ตามแสงอสุนีบาตที่ทาบทอ

มังกรไร้เขาตัวหนึ่งค่อยๆ ถอยออกมาจากหน้าโถงเข้ามาข้างใน

ฉินมู่หัวใจตกวูบ เขาเห็นมังกรไร้เขาตัวที่ 2 ที่ล่าถอยเข้ามา

ตามด้วยตัวที่ 3 และตัวที่ 4

มังกรไร้เขา 10 กว่าตัวนั้นดูราวจะพบกับศัตรูร้ายกาจ สิ่งที่ทํา ให้มันหวาดผวา พวกมันถอยกลับมาตามๆ กัน ผ่านหน้ากลุ่มของฉินมู่

“ใครอยู่ข้างนอก?” หลงอวี๋ร้องด้วยเสียงแหบพร่า

เสียงของบางสิ่งที่ลื่นเมือกเลื้อยกลิ้งมาจากข้างนอก ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนักหน่วง ราวกับว่ากําลังยํ่าลงไปบนหัวใจของพวก เขาเมื่อบุคคลผู้นั้นเข้าใกล้มาทุกขณะ

ฉินมู่บรรเลงขลุ่ยทองคําอีกครั้ง แต่มังกรไร้เขา 10 กว่าตัวเอา แต่ก้มหน้างุดหมอบลงไปกับพื้น ไม่ขยับเขยื้อน

เหงื่อเย็นเยียบไหลลงจากหน้าผากฉินมู่ และร่างอันสูงเยี่ยม กํายําก็ปรากฏขึ้นที่หน้าโถงวัง ขัดขวางทางเข้าเอาไว้ ร่างนั้นคือ เทพครองแดนเลี้ยงมังกรอันก่อรูปขึ้นมาจากโลหิตล้วนๆ

เมื่อกิเลนมังกรเห็นเขา กล้ามเนื้อก็พลันง่อยเปลี้ย เขานอนแผ่ กางขาลงไปกับพื้นโดยไม่กล้ากระดุกกระดิก

หางตาของฉินมู่กระตุก เทพครองแดนเลี้ยงมังกรมีรัศมีโดย ธรรมชาติอันข่มสยบมังกรไร้เขาทั้งหลายที่เขาเลี้ยงเอาไว้ ยิ่งไป กว่านั้นยังมีกลิ่นอายบางอย่างบนร่างของเขาที่ทําให้กิเลนมังกรไม่ กล้า ขัดขืน

“ช่างตีเหล็กที่เจ้าเรียกมา นับว่ามีฝีมือแข็งแกร่งจริงๆ” เทพ ครองแดนเลี้ยงมังกรที่ก่อรูปขึ้นมาจากโลหิตเทวะแสยะเห็นเขี้ยวสี แดงกํ่า และดวงตาแดงฉานของเขาจ้องไปยังฉินมู่พลางกล่าวอย่าง เย็นเยียบ “แต่ทว่าเขาปกป้องเจ้าไม่ได้ ไอ้ตัวจ้อย ลองยิ้มใสซื่อให้ ข้าดูอีกสักทีซิ”

ฉินมู่เค้นรอยยิ้มออกมาและตะโกนไปยังคนอื่นๆ “ก็แค่โลหิตเทวะกองหนึ่ง พวกเราร่วมแรงกันต้องกําจัดเขาได้แน่!”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version