ตอนที่ 394 กรงขังแห่งฟ้าและดิน
หลิงอวี้จิวและคนอื่นๆ ตื่นตระหนก พวกนางเห็นนักต้อนตะวัน เข้ามารวมตัวกันและคุกเข่าคารวะองค์ชายกันมากขึ้นทุกทีๆ
ในตอนนั้น นักต้อนตะวันแทบจะทั้งเผ่าก็ได้มาถึงและมองมายัง พวกเขา มีผู้คนที่คุกเข่าก้มหัวอยู่รายล้อมกว่าแสนคน
ท่ามกลางนักต้อนตะวันไม่มีจักรพรรดิ และฉินมู่เองก็มิใช่เผ่า นักต้อนตะวันเสียด้วยซํ้า แล้วตรงไหนของเขากันที่เป็นสมาชิก ราชวงศ์
“หรือว่าฉินมู่เป็นเชื้อพระวงศ์แห่งแดนโบราณวินาศ หรือเขา เป็นเชื้อพระวงศ์แห่งหมู่บ้านไร้กังวล หรือว่าเด็กเลี้ยงวัวเป็นองค์ ชายรัชทายาทแห่งแดนโบราณวินาศ”
หลิงอวี้จิวงุนงงไปครู่ใหญ่ เด็กเลี้ยงวัวยังมีพื้นเพขนาดนั้นด้วยหรือ
เขาสามารถขับเรือตะวันและควบคุมพลังของมันได้อย่างไร
ในทางกลับกัน ฮู่หลิงเอ๋อนั้นค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย
“คุณชายไม่ใช่จิ้งจอกตัวผู้ที่บรรลุเป็นเซียนปีศาจหรอกหรือ”
ฉินมู่คลายมือของเขาออก และร่างกายของเขาก็ค่อยๆ กลับ เป็นปกติ 2 แขนที่งอกเงยขึ้นมาก็หายวับไปด้วย จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปพยุงให้หัวหน้าเผ่าเฒ่าลุกขึ้นแล้วกล่าว “หัวหน้าเผ่า รีบ ให้ชนเผ่าของท่านลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบคุณในความกรุณาขององค์ชาย” หัวหน้าเผ่าเฒ่าลุกขึ้น แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าไม่รู้ตัวตนขององค์ชายมาก่อน โปรด ให้อภัยข้าด้วยหากว่าได้ล่วงเกินด้วยประการใด”
เขาหันกลับไปและชูมือขึ้นสูง พลางตะโกนไปยังเหล่านักต้อน ตะวันเบื้องล่าง “ผองชนแห่งเผ่านักต้อนตะวันทั้งหลายผู้ซึ่งได้ พิทักษ์ปกป้องบ่อตะวัน องค์ชายแห่งหมู่บ้านไร้กังวลอยู่ที่นี่แล้ว! หมู่บ้านไร้กังวลมิได้ลืมเลือนพวกเรา! การรอคอยอันเนิ่นนาน ความเหนื่อยยากกว่าสองหมื่นปี เราผ่านมันมาได้ในที่สุด! บ่อ ตะวันจะไม่ล่มสลาย! เผ่านักต้อนตะวันจะไม่ถูกทําลาย!”
ความปีติยินดีแผ่ไปทั่วใบหน้าของนักต้อนตะวันที่ดูสมถะติด ดินเหล่านั้น พวกเขาโห่ร้องและหัวเราะเริงร่า แรงกดดันอันมาจาก วันคืนที่ต้องดิ้นรนและความโหดร้ายของศึกสงครามถูกชะล้างไป ไม่เหลือร่องรอย
การรุกรานของมารเทวะได้ครอบงําเหล่านักต้อนตะวันที่อยู่ใกล้ชิดบ่อตะวันด้วยพยับเมฆมืดแห่งการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ คนใน เผ่าทั้งหมดล้วนแต่ต่อสู้เอาชีวิตเข้าแลกเพื่ออนาคตของเผ่าตน แต่ กระนั้นพวกเขาก็ยังไม่มีความมั่นใจที่จะรอดพ้นภัยพิบัตินี้ไปได้ แรงกดดันบนพวกเขาได้แผ่ขยายหนักหน่วงขึ้นทุกทีๆ และบรรยากาศในเผ่าก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
แต่ทว่า ด้วยการมาถึงของฉินมู่ ความหวังที่มอดดับไปของ พวกเขาก็ถูกจุดไฟขึ้นมาอีกครั้ง!
มันเป็นงานฉลองรื่นเริงของเหล่ายักษ์ที่วิ่งไปมาและโห่ร้องดีใจ บางคนก็ถึงกับรํ่าไห้ด้วยความปีติ และหลายๆ คนก็เต้นรําไป พร้อมๆ กับขับร้องเพลง มีหลายคนที่ออกไปบอกข่าวกับนักรบที่ ได้รับบาดเจ็บ ผู้เฒ่าที่ใกล้ตาย ส่วนบางกลุ่มก็ไปจุดธูปบอกบรรพ บุรุษและขอบคุณพวกเขาสําหรับการอวยพร
“หัวหน้าเผ่าเข้าใจผิดหรือเปล่า” ฉินมู่มองไปยังผู้คนที่เฉลิม ฉลองกันข้างล่างด้วยความฉงน เขากล่าวแก่หัวหน้าเผ่าเฒ่า “ข้า ไม่ใช่องค์ชายของท่าน…”
หัวหน้าเผ่าเฒ่าส่ายหัว “หากว่าท่านมิใช่นักต้อนตะวัน ก็มี หนทางเดียวเท่านั้นที่ท่านจะสามารถควบคุมเรือตะวันได้ ก็คือ จะต้องเป็นเชื้อพระวงศ์! ในครั้งนั้นเมื่อจื่อชิงสร้างเรือตะวันภายใต้
พระบัญชาขององค์จักรพรรดิ นอกจากผู้พิทักษ์ตะวันผู้มีกา ยาหยางพิสุทธิ์แล้ว ผู้คนอีกกลุ่มที่เขาอนุญาตให้ควบคุมเรือตะวัน ได้ก็คือเชื้อพระวงศ์ องค์ชายมิใช่นักต้อนตะวัน ดังนั้นท่านย่อมเป็น เชื้อพระวงศ์จากหมู่บ้านไร้กังวล!”
ฉินมู่ส่ายหัว “ข้าเป็นกายาจ้าวแดนดิน และกายาจ้าวแดนดิน นี้ก็เป็นกายาหยางพิสุทธิ์เช่นเดียวกัน”
“กายาจ้าวแดนดิน? กายาจ้าวแดนดินอะไรหรือ” หัวหน้าเผ่า ตกในความงงงัน การฉลองข้างล่างโลดโผนขึ้นทุกที จนกระทั่งมัน คึกคักอย่างถึงที่สุด เขาถามหยั่ง “องค์ชาย หรือว่ากายาจ้าวแดน ดินนั้นเป็นนามของสายเลือดราชวงศ์”
ฉินมู่อดไม่ได้ที่จะกังขาเช่นกัน หรือว่ากายาจ้าวแดนดินจะ เป็นนามสําหรับราชวงศ์ แต่นั่นก็ดูเหมือนจะมีอะไรผิดเพี้ยนใน คําถามนี้
หากว่ากายาจ้าวแดนดินเป็นนามสําหรับราชวงศ์ หรือว่าซวี เซิงฮวาก็เป็นเชื้อพระวงศ์เช่นเดียวกัน
หากว่าเขาเป็นเชื้อพระวงศ์ แล้วอะไรคือกายาจ้าวแดนดินแท้ และกายาจ้าวแดนดินปลอมที่ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถึง หรือว่าจะมี สายเลือดราชวงศ์ปลอมเช่นเดียวกัน
หรือว่ากายาจ้าวแดนดินมิได้เป็นของราชวงศ์ แล้วอย่างนั้นกา ยาหยางพิสุทธิ์ล่ะ?
หากว่ามันเป็นเพราะกายาหยางพิสุทธิ์ แล้วทําไมฉินมู่ถึง สามารถควบคุมเรือจันทราได้
ความฉงนแผ่ขยายในหัวใจของเขา เขาอยากจะไปตามหาตัว ผู้ใหญ่บ้านเพื่อมาไต่ถามให้หายข้องใจ
เขานั้นรู้แต่ว่าตัวเขาคือกายาจ้าวแดนดินมาตลอด มีความเชื่อ อันไร้เทียมทานในกายานี้ ในเรื่องนี้ เขาเชื่อมั่นคําพูดของ ผู้ใหญ่บ้านอย่างสุดจิตสุดใจ
แต่ทว่าคําพูดของหัวหน้าเผ่านักต้อนตะวันทําให้เขาสงสัย หลังจากงานฉลอง หัวหน้าเผ่าก็ออกคําสั่งให้มีการคัดเลือกผู้
พิทักษ์ตะวันคนถัดไป และนักต้อนตะวันทั้หลายก็ฉงน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังคงกลับไปที่วิหารตะวัน ฉินมู่ก็พาหลิงอวี้จิวและพวกสาวๆ ไปด้วย ในฐานะเชื้อพระวงศ์ พวกเขาก็ได้รับการ ปรนนิบัติในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติ
ฉินมู่ก้มลงมอง และเห็นนักต้อนตะวันมากมายก้าวไปข้างหน้า เพื่อจุดเตาหลอมตะวัน แต่ทว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว มันก็จะมอดดับ ไปแทบจะทันทีหลังจากที่ถูกจุดติด และไม่มีใครสักคนที่ทําให้เตา หลอมติดไฟได้เป็นเวลานาน
ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นคือเมื่อพวกเขาจุดไฟเตาหลอม ก็จะมีรูป เงาอัศจรรย์ปรากฏอยู่ในนั้นด้วย มันมีภาพของสัตว์สายพันธุ์พิสดารต่างๆ อย่างเช่นมังกรไฟ หงส์เพลิง มังกรอัคคีไร้เขา และกิเลนไฟ อันสร้างเสียงกู่ร้องมหัศจรรย์
หลิงอวี้จิวและพรรคพวกรู้สึกแปลกพิลึกเกินพรรณนา ซีอวิ๋นเซี่ยงกล่าวด้วยเสียงเบา “ภาพที่ปรากฏในเตาหลอมดูราวกับกายาวิญญาณ แต่ก็ดูไม่เหมือนเสียทีเดียว”
ทุกคนผงกหัว มีกายาวิญญาณทั้งหมด 4 ประเภทอันได้แก่ หงส์แดง เต่าดํา มังกรเขียว และพยัคฆ์ขาว 4 มหากายาวิญญาณ คือคําที่พวกเขาใช้เรียกรวมๆ เมื่อแต่ละกายามีแขนงสาแหรกของตนเอง คนผู้หนึ่งอาจจะไม่ได้มีรูปลักษณ์ของหงส์แดง เต่าดํา มังกรเขียว หรือพยัคฆ์ขาว แต่พวกเขาอาจจะเป็นหนึ่งในกายาวิญญาณ มังกรหมาป่า อันมีมากมายในประเทศรังหมาป่า
และมันก็มีแหล่งกําเนิดมาจากกายาวิญญาณมังกรเขียว
แต่ทว่า จากรูปเงาที่ปรากฏในเตาหลอมตะวัน กายาวิญญาณ ของนักต้อนตะวันมีทั้งมังกรไฟและหงส์เพลิง ทั้งหมดดูเหมือนจะ เป็นแขนงแยกออกมาจากกายาวิญญาณหงส์แดง
แต่ทว่า กายาวิญญาณหงส์แดงดูไม่เหมือนกับกายาหยาง พิสุทธิ์ ในทางกลับกัน มันเป็นกายาวิญญาณธาตุไฟ แต่กายา วิญญาณของเหล่านักต้อนตะวันมิอาจจัดจําแนกได้ว่าเป็นกลุ่มประเภทกายาวิญญาณหงส์แดง
“หัวหน้าเผ่า หรือว่าโลกนี้มิได้มีเพียง 4 มหากายาวิญญาณ” ฉินมู่ถามอย่างสงสัยใจ
“4 มหากายาวิญญาณ? ท่านหมายถึงกายาวิญญาณประเภท มังกรเขียว พยัคฆ์ขาว หงส์แดง และเต่าดําหรอกหรือ” หัวหน้าเผ่า เฒ่าส่ายหัวแล้วกล่าว “กายาวิญญาณหยางพิสุทธิ์มิได้อยู่ในกลุ่ม 4 มหากายาวิญญาณ”
“เหมือนที่คิดไว้เลย!”
จิตใจของทุกคนสั่นสะท้านอย่างแรง มันไม่ได้มีเพียง 4 มหากา ยาวิญญาณจริงๆ ด้วย มันยังมีกายาวิญญาณแบบอื่นๆ อีก!
“4 มหากายาวิญญาณน่าจะเป็นคําเรียกหาของผู้คนนอกแดน โบราณวินาศสินะ?” หัวหน้าเผ่าเฒ่าถาม “ในโลกนี้มิได้มีเพียง 4 มหากายาวิญญาณ ยังมีกายาหยางพิสุทธิ์ กายาหยินพิสุทธิ์ แม้กระทั่งกายาวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่านี้ด้วย ว่ากันว่า 4 มหากายาวิญญาณมาปรากฏเอาก็ตอนช่วงสุดท้ายแห่งยุคสมัย”
“มีตํานานบางตํานานในเผ่าของข้าว่า ในอดีตกาล กายาวิญญาณมีมากมายหลายร้อยประเภท แต่ทว่า หลังจากมหาภัยพิบัติ กายาวิญญาณเกือบทั้งหมดก็หายสาบสูญ ผู้คนนอกแดน โบราณวินาศ ถูกปิดผนึกเอาไว้ทําให้พวกเขาจึงหลงเหลือเพียง 4 มหากายาวิญญาณเท่านั้น”
หลิงอวี้จิวและซีอวิ๋นเซี่ยงหันไปมองหน้ากัน สายตาของพวก เขาว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความแตกตื่น มันแตกต่างจากที่พวก นางเคยได้ยินมาโดยสิ้นเชิง!
ผู้คนในแดนโบราณวินาศถูกถือกันว่าเป็นกลุ่มคนที่ถูกปิดผนึกและต้องคําสาป ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากแดนโบราณวินาศ! หากว่าพวกเขาก้าวเท้าออกไปข้างนอก ก็จะต้องถูกสังหาร โดยไร้ปรานี!
แล้วมันกลับกลายเป็นว่าผู้คนนอกแดนโบราณวินาศต่างหาก ที่ถูกปิดผนึกไปได้อย่างไรกัน
“ข้างนอกนั่นมีเพียง 4 มหากายาวิญญาณหลงเหลือ” หัวหน้า เผ่าเฒ่ากล่าว “แต่กลับมีกายาวิญญาณอีกมากมายหลายชนิดใน แดนโบราณวินาศ ดังนั้นผู้ที่ถูกปิดผนึกคือผู้คนที่อยู่ข้างนอก พวก
เขาอาศัยอยู่ในกรงขัง แต่กระนั้นก็ไม่รู้ว่าตนเองอาศัยอยู่ใต้ท้องฟ้า อันลวงหลอก ถูกเลี้ยงเอาไว้โดยทวยเทพ พวกเขาคือฝูงมดปลวก ที่น่าเวทนา”
หลิงอวี้จิวและซีอวิ๋นเซี่ยงแค่นเสียง เมื่อผู้คนแห่งจักรวรรดิสันติ นิรันดร์พบเจอผู้คนที่ถูกละทิ้งแห่งแดนโบราณวินาศ พวกเขาก็ รู้สึกว่าคนเหล่านั้นน่าเวทนาดุจมดปลวก แต่กระนั้นพวกเขาไม่เคยจะคาดคิดเลยว่า มดปลวกที่น่าเวทนาตัวจริงในสายตาของผู้คน นอกกรงขังก็คือพวกเขา แดนโบราณวินาศเป็นอิสระ มันมีท้องฟ้า อันแท้จริง!
ถ้อยคําของหัวหน้าเผ่าเฒ่าทําให้หัวใจของพวกเขาปั่นป่วน สับสนไปหมด!
แต่ทว่าเมื่อฉินมู่เชื่อมโยงเรื่องนี้เข้ากับการคํานวณที่พันธมิตร สวรรค์ได้เคยกระทํา ค้นพบว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ล้วนแต่เป็นของปลอม เขารู้สึกว่าถ้อยคําของหัวหน้าเผ่าเฒ่านั้นมี เหตุมีผล
ที่ถูกปิดผนึกเอาไว้มิใช่แดนโบราณวินาศ แต่เป็นโลก ภายนอก!
“หัวหน้าเผ่า โลกนี้ก็น่าจะมีกายาจ้าวแดนดินด้วยใช่ไหม” เขา ถามอย่างมั่นใจ
หัวหน้าเผ่าเฒ่าส่ายหัว “องค์ชาย ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับกา ยาจ้าวแดนดินมาก่อนเลย ในบันทึกของเผ่า ไม่เคยมีกายาแบบนี้”
ฉินมู่โบกไม้โบกมือแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากว่าท่านไม่รู้ ก็ ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่ ความรู้ของท่านนั้นตื้นเขินเกินไป ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านข้าผู้ซึ่งเปี่ยมประสบการณ์และ ความรู้ หัวหน้าเผ่า หากว่าข้าเป็นองค์ชาย เป็นเชื้อพระวงศ์ ข้าจะ
สามารถจุดสันดาปเตาหลอมตะวันได้หรือไม่”
หัวหน้าเผ่าเฒ่าแย้มยิ้ม “แม้ว่าองค์ชายจะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ มันก็น่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจุดสันดาปเตาหลอมตะวัน มันจะต้องใช้โลหิตจากกายาหยางพิสุทธิ์มาเหนี่ยวนําเท่านั้น จุดสันดาปเตา หลอมด้วยไฟแท้ โดยปราศจากกายาหยางพิสุทธิ์ ก็คงจะทํา เช่นนั้นไม่ได้ พวกเราเผ่านักต้อนตะวัน เป็นที่โด่งดังด้านกา ยาหยางพิสุทธิ์ และมีแต่พวกเราเท่านั้นที่สามารถจุดไฟในเตา หลอมตะวันได้ แม้แต่เชื้อพระวงศ์ก็ทําเช่นนี้มิได้”
ฉินมู่กระโดดลง และเดินตรงไปยังเตาหลอมตะวัน “แต่ทว่า โลหิตจากกายาจ้าวแดนดินสามารถจุดสันดาปเตาหลอมตะวัน!”
เขาเดินไปที่แท่นเวที และปาดข้อมือให้โลหิตสดใหม่ไหลหลั่ง ลงไปในเตาหลอมตะวัน และฉินมู่ก็ใจเต้นตึกตักเล็กน้อยเมื่อเขา ขับเคลื่อนไฟแท้ อันพวยพุ่งลงไปในเตาหลอมตะวัน
ตูม!
เตาหลอมตะวันพลันลุกฮือด้วยเพลิงไฟราวกับดวงอาทิตย์ลอย ขึ้นสู่ฟากฟ้า ปลดปล่อยคลื่นความร้อนและพลังงานระอุมาท่วมท้น ในเสี้ยววินาที แสงอาทิตย์ก็ส่องสว่างไปทั้งวิหารตะวัน!
ในเตาหลอมตะวัน มันไม่มีรูปเงาของมังกรอัคคีหรือกิเลนไฟ ในทางกลับกัน มันกลายเป็นร่างมนุษย์ อันขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ ขึ้น จนกระทั่งมันเติมเต็มทั้งเตาหลอมตะวัน จากนั้นมันก็ก้าว ออกมาข้างนอกด้วยมือที่โอบอุ้มรอบเตาหลอมตะวัน ราวกับว่า กําลังโอมอุ้มดวงอาทิตย์เอาไว้ที่หน้าอก!
ฉินมู่สลายไฟแท้ของเขา และเตาหลอมตะวันก็พลันมอดดับ เงาร่างมนุษย์หายวับไปในเวลาเดียวกัน ปล่อยให้เตาหลอมตะวัน ร่วงลงกับไปอยู่บนหลังของเทวรูปทั้ง 3
ความมั่นใจของฉินมู่ถูกจุดขึ้นมาใหม่ และเขาก็กลับขึ้นมา เขาส่งยิ้มไปยังหัวหน้าเผ่านักต้อนตะวันที่ยังคงมองตาค้าง “ตอนนี้ นี่พิสูจน์ได้หรือยังว่าข้าคือกายาจ้าวแดนดิน”
ผู้นําเผ่าเฒ่ามีสีหน้าตะลึงงัน รู้สึกฉงนฉงายเล็กน้อย เขาพึมพํา “เชื้อพระวงศ์ก็สามารถครอบครอบกายาหยางพิสุทธิ์…มัน ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ!”
ฉินมู่ส่ายหัวแล้วแย้มยิ้ม “นี่คือฤทธิ์เดชของกายาจ้าวแดน ดิน!”
เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ผู้ใหญ่บ้านไม่ได้โกหกข้าจริงๆ ด้วย! ในโลกนี้มีกายาจ้าวแดนดินอยู่จริงแท้แน่นอน!
กระนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาครอบครองกายธรรมดาอัน ปราศจากคุณสมบัติ เพราะว่าเขาเป็นกระดาษขาวอันว่างเปล่า เขา จึงสามารถแปรเปลี่ยนคุณสมบัติได้ตามใจปรารถนา เขาสามารถ แปลงร่างเป็น 4 มหากายาวิญญาณและควบคุมปราณชีวิตของหงส์ แดง เต่าดํา มังกรเขียว และพยัคฆ์ขาว เขายังสามารถแปลงร่างเป็น กายาหยางพิสุทธิ์เพื่อควบคุมปราณหยางพิสุทธิ์ นี่มิใช่เพราะว่ากา ยาจ้าวแดนดินไหนๆ
ตั้งแต่เมื่อผู้ใหญ่บ้านได้เอ่ยถึงกายาจ้าวแดนดิน ฉินมู่ก็ได้ดิ้น รนและฝึกปรือมาอย่างอุตสาหะ ร่างกายของคนธรรมดาสามารถ ผ่านการเปลี่ยนแปลงอันเกินจินตนาการได้ เขาใช้งานหนักอัน มากกว่าคนอื่นเป็นพันเท่าเพื่อแปรเปลี่ยนกายาของเขาซํ้าแล้วซํ้า
อีก ค่อยๆ ก้าวไปสู่มรรคาอันลึกลับไม่มีใครรู้ นี่ทําให้เกิดความ เป็นไปได้จํานวนนับไม่ถ้วนอันไม่สามารถคาดเดาทํานายในอนาคตของเขา
ฉินมู่มองว่ามันเป็นเพราะเขาคือกายาจ้าวแดนดิน และไม่ได้ นึกถึงงานหนักที่เขาอุทิศหยาดเหงื่อแรงกายลงไปในการฝึกปรือ
“หัวหน้าเผ่า ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งแห่งเผ่า นักต้อนตะวันโพล่งขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม
หัวหน้าเผ่าเฒ่ารู้สึกหัวใจบีบรัดขึ้นมา และเขามองไปยังฉินมู่ “องค์ชาย มารปีศาจจากนอกแดนกําลังจะรุกรานอีกครั้งหนึ่ง องค์ ชายได้โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วย!”
ฉินมู่พยักหน้าเมื่อเห็นม่านกั้นท้องฟ้าของบ่อตะวันถูกคลี่คลุม ด้วยความมืด บริเวณโดยรอบเปล่งแสงฉายโชนส่วนข้างนอกนั้น เต็มไปด้วยความมืดอันดิบดํา!
