Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 1026

ตอนที่ 1026 นางปีศาจ

ตอนนี้โรคห่าระบาดติดคนไปเกือบสามร้อยคน แต่ละคนดูแล้วไม่ค่อยดีนัก ในจำนวนนี้ผู้ป่วยที่อาการหนักที่สุดตายไปแล้ว หลายคนที่ยังไม่ตายก็รู้สึกหวาดหวั่นกันไม่น้อย

ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปถึง จือฝู่ไม่กล้าเข้าไป ยืนสั่งการหมอสำนักยาหลวงเมืองเซียงนำพวกเขาเข้าไป

ลู่เจียวกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเหล่มองจือฝู่ทีหนึ่ง จือฝู่ได้แต่ยิ้มแห้งไร้วาจา

ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้คิดสนใจเขา ปิดผ้าปิดปากและสวมถุงมือตามหมอสำนักยาหลวงเมืองเซียงเข้าไป

ตลอดทางมา ลู่เจียวถามหมอถึงอาการผู้ป่วย “แน่ใจว่าเป็นโรคห่าระบาดแล้วหรือ”

หมออึ้งไปครู่หนึ่ง แม้ว่าพวกเขาเป็นหมอสำนักยาหลวง แต่กล่าวตามตรงวิชาการแพทย์ไม่ได้ล้ำลึก ถึงระดับสุดยอดที่จะแยกแยะระดับอาการของโรคได้ หากไม่ใช่โรคห่าระบาด การระบาดก็เร็วเกินไปแล้วกระมัง

หมอสวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งกลับกล่าวว่า “อาการของโรคมีท้องเสีย อาเจียน คอบวมเจ็บ ไข้สูง มีตุ่มหนอง กระหายน้ำ ผิวหนังยังแข็งตึง”

ลู่เจียวได้ฟังหมอสวี่ก็ครุ่นคิดทันที อาการนี้คล้ายโรคห่าระบาดมาก และแพร่ระบาดได้เร็วมาก แต่เมืองเซียงไม่ได้เกิดเหตุภัยวิบัติ ตามหลักไม่ควรเกิดโรคห่าระบาด และเพราะมีสำนักยาหลวง แต่ละแห่งล้วนให้ความสำคัญกับอนามัย ทุกเดือนหมอจากสำนักยาหลวงก็จะไปตรวจอนามัยในแต่ละหมู่บ้าน ไม่ควรเกิดโรคห่าระบาดลุกลามในวงกว้างเช่นนี้

ลู่เจียวคิดไปพลางมองไปยังหมอสวี่ “หมอสวี่ไม่เป็นอันใดกระมัง”

“ใช่แล้ว คนที่มาถึงสำนักยาหลวงล้วนไม่ติดโรค”

ก่อนเข้ามาที่นี่ เขายังกลัวอยู่ แต่พอมาได้สองวัน เขาก็ไม่ได้ติด ทำให้เขารู้สึกโล่งอก

ยามนี้เจ้ากรมสำนักยาหลวงเมืองเซียงก็เข้ามาคารวะ “คารวะฮูหยินโจวกั๋ว”

ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย พลางเอ่ยถามเจ้ากรมสำนักยาหลวง “มีวิธีรับมือหรือไม่”

“พวกเราทดสอบยาน้ำหลายขนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่อาจรักษาได้”

ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย สั่งการกล่าวว่า “ข้าไปตรวจดูด้วยตนเองสักหน่อย ดูว่าจะจ่ายยาเช่นไรดี”

“ได้”

เจ้ากรมสำนักยาหลวงพาลู่เจียวเข้าไปในกระโจม กระโจมนี้มีผู้ป่วยที่อาการค่อนข้างเบา ไม่นับว่าหนักมาก

เจ้ากรมสำนักยาหลวงกลัวว่าพวกลู่เจียวจะติดโรคห่าระบาด ดังนั้นไม่กล้าชะล่าใจ แต่ลู่เจียวไม่ได้กล่าวอันใดมาก

หลังนางตรวจแล้ว ก็แน่ใจถึงอาการต่างๆ ของผู้ป่วย คล้ายโรคห่าระบาดจริง เหมือนโรคห่าระบาดในสมัยโรมันโบราณ แต่นางไม่ประมาท สุ่มตรวจเลือดผู้ป่วยในห้วงอากาศเพื่อแยกแยะส่วนประกอบของเหลวในเลือด

ผู้ใดจะรู้ว่าพอตรวจสอบก็พบเหตุเหนือความคาดหมาย

“ผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ได้ติดโรคห่าระบาด พวกเขาถูกพิษ”

เจ้ากรมสำนักยาหลวงเมืองเซียงตกใจนิ่งอึ้ง คิดว่าตนเองฟังผิด “ฮูหยินบอกว่าพวกเขาถูกพิษหรือ”

ลู่เจียวรีบพยักหน้า “ใช่ ให้จือฝู่เมืองเซียงมาที่นี่ด่วน”

เจ้ากรมสำนักยาหลวงร้อนใจรีบเดินออกไป ไม่นานจือฝู่ก็เข้ามา จือฝู่เมืองเซียงได้ยินเจ้ากรมสำนักยาหลวงเอ่ยเรื่องนี้มาก่อน ยามนี้สีหน้าย่ำแย่อย่างมาก “ฮูหยินโจวกั๋วจะบอกว่าโรคห่าระบาดครั้งนี้ไม่ใช่โรคห่าระบาด แต่มีคนวางยาพิษหรือ”

ลู่เจียวพยักหน้า “มิผิด พวกเขาถูกคนวางยาพิษ”

“คนมากมายเช่นนี้ถูกพิษหรือ เป็นไปไม่ได้กระมัง คนผู้นั้นทำได้อย่างไร”

นี่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ลู่เจียวร้อนใจ มองจือฝู่เอ่ยว่า “หากไม่เหนือความคาดหมาย คนผู้นั้นใส่ยาพิษในบ่อน้ำ การที่คนเหล่านี้ถูกพิษก็เพราะดื่มน้ำในบ่อน้ำ ใต้เท้าจือฝู่รีบสั่งให้คนในเมืองปิดบ่อน้ำทุกแห่ง ไม่เช่นนั้นคนถูกพิษจะยิ่งมากขึ้น”

จือฝู่ไม่กล้าชะล่าใจ เมืองเซียงเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าเขาคงรักษาตำแหน่งขุนนางตนเองไม่ได้แล้ว หากคนตายไปมากมาย อย่าว่าแต่ตำแหน่ง แม้แต่ชีวิตก็อาจรักษาไว้ไม่ได้

เขารีบหันหลังเดินไปสั่งการให้คนปิดบ่อน้ำทุกแห่งในเมือง

เพราะโรคห่าระบาด เดิมเมืองเซียงก็วุ่นวายอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นจือฝู่นำคนมาปิดบ่อน้ำทุกแห่งอีก ในเมืองก็เริ่มวุ่นวายกันไปหมด ผู้คนไม่น้อยคิดเดินทางออกจากเมือง

แม้ว่าฮูหยินโจวกั๋วบอกชัดเจนแล้วว่าคนที่ติดโรคห่าระบาดเหล่านี้ถูกพิษ แต่จือฝู่เป็นห่วงว่าไม่ใช่ยาพิษ ดังนั้นไม่กล้าปล่อยคนออกนอกเมือง ราษฎรที่คิดออกนอกเมืองจึงปะทะกับทหารทางการ สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายอย่างที่สุด

สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นนำลูกน้องออกมาแสดงสถานะตนเอง ชาวเมืองเซียงที่ติดโรคก็แน่ใจว่าไม่ใช่โรคห่าระบาด แต่มีคนวางยาพิษ คนผู้นี้วางยาพิษในบ่อน้ำ

ตอนนี้ฮูหยินโจวกั๋วกำลังคิดหาทางถอนพิษ ทุกคนอย่าได้ตื่นตกใจ

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่นานก็สงบลง แต่วันเวลาพ้นผ่านไป หลายคนก็เริ่มแสดงอาการ ทำเอาเมืองเซียงวุ่นวายกันไปทั้งเมืองอีกครั้ง

ความจริงลู่เจียวปรุงยาถอนพิษได้แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ต้องการสมุนไพรจำนวนมากมาต้มเป็นยาน้ำ จือฝู่เมืองเซียงได้แต่สั่งการให้ลูกน้องไปรวบรวมสมุนไพรจากเมืองโดยรอบ

แต่ราษฎรในเมืองที่กำลังวุ่นวายต่างไม่รู้เรื่องพวกนี้ รู้สึกเพียงแค่ตื่นตกใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

แอบลือกันไปว่าเลือดของฮูหยินโจวกั๋วถอนพิษได้ ขอเพียงกรีดเลือดนางใส่ลงในบ่อน้ำ ก็จะถอนพิษได้

เริ่มแรกยังแพร่กันวงแคบ ต่อมาเริ่มมีคนรู้กันมากขึ้น

ชาวเมืองเซียงไม่ว่าถูกพิษหรือไม่ถูกพิษ ล้วนมุ่งไปยังพื้นที่ระบาดเพื่อจับตัวนาง

“จับตัวฮูหยินโจวกั๋ว เลือดนางถอนพิษได้ ขอเพียงกรีดเลือดนางใส่ลงในบ่อน้ำ พวกเราก็จะไม่เป็นอันใดแล้ว”

“รีบจับตัวนางไว้”

“รีบจับนางไว้ กรีดเลือดนาง”

ราษฎรที่เริ่มเสียสติไม่อาจคุมตนเอง พากันพุ่งเข้าหาลู่เจียว

เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบพาลูกน้องมาปกป้องลู่เจียว สีหน้าเขาย่ำแย่อย่างยิ่ง โมโหเหล่าราษฎรที่สูญเสียสติสัมปชัญญะเช่นนี้ “พวกเจ้าเสียสติหรือ เลือดฮูหยินโจวกั๋วจะถอนพิษได้อย่างไร พวกเจ้าไปเอาข่าวลือพวกนี้มาจากที่ใดกัน”

น่าเสียดายราษฎรที่สูญเสียสติสัมปชัญญะพวกนี้กลับไม่เชื่อ แต่ละคนพุ่งใส่ลู่เจียวราวกับคนเสียสติ

สีหน้าลู่เจียวไม่ดีอย่างยิ่ง มองบรรดาผู้คนที่แทบจะกลืนกินนาง คิดถึงว่าตนเองทะลุมิติมาในนิยาย ทำเพื่อชาวบ้านมามากมาย ในเวลานี้นางพลันรู้สึกหนาวยะเยือกในใจ ไร้เรี่ยวแรงกำลัง แทบไม่มีแรงคิดทำเพื่อคนเหล่านี้อีก

“พวกเรา ไป”

ลู่เจียวยื่นมือไปดึงซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน นางวางยาซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน จากนั้นก็ยื่นมือไปดึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าไปในห้วงอากาศ

ชาวบ้านที่กำลังโมโหบ้าคลั่งอยู่ด้านนอกเห็นทั้งสามคนหายตัวไปก็พากันตกใจตัวแข็งเป็นหินไปทันที

แต่ไม่นานก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “นังปีศาจ ฮูหยินโจวกั๋วเป็นนังปีศาจ นางคือนังปีศาจ”

“ใช่ นางคือนังปีศาจ”

เสียงตะโกนดังเข้ามาในห้วงอากาศ ลู่เจียวได้ยินก็เงียบงัน อารมณ์ไม่ดีอย่างมาก

เซี่ยอวิ๋นจิ่นก้าวมาตรงหน้านาง ยื่นมือขึ้นกอดนางไว้ “อย่าได้เสียใจไป พวกเขาล้วนเป็นคนโง่เขลา อย่าได้ให้ค่าคนโง่เขลาเหล่านั้น”

ลู่เจียวฝืนยิ้มกล่าวว่า “ข้าทำเพื่อพวกเขามากมาย แต่สุดท้ายถึงกับถูกพวกเขาเรียกเช่นนั้น ในใจก็ยากทนรับได้ นับแต่นี้ไปข้าน่าจะไม่ทุ่มเททำเพื่อพวกเขาอีกแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version