ตอนที่ 1029 รัชทายาทหญิงร่วมว่าราชกิจ 1
ปีที่ 26 รัชศกหย่งผิง แคว้นต้าโจวประชาเป็นสุข พืชผลอุดมสมบูรณ์
ยามเอ่ยถึงฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ทุกคนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ ฝ่าบาททรงเป็นฮ่องเต้ปรีชา ไม่เพียงแต่ทุ่มเทเพื่อราษฎร ยังประนีประนอมกับขุนนางในราชสำนัก ไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์ขัดแย้งจนถึงขั้นลงดาบโหดเหี้ยม
หากจะกล่าวว่าฮ่องเต้มีอันใดทำให้ผู้คนไม่พึงใจ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่มีฮองเฮาเพียงพระองค์เดียว ไม่ทรงรับพระสนม
แน่นอนว่าหากฮองเฮาให้กำเนิดองค์ชายได้สักหลายพระองค์ ราษฎรแคว้นต้าโจวก็คงมิเอ่ยอันใด แต่ฮองเฮาพระองค์นี้หลังอภิเษกกับฝ่าบาทก็ให้กำเนิดเพียงองค์หญิงสองพระองค์ องค์หญิงสามเซียวหวง องค์หญิงสี่เซียวเย่ว์
ตอนนี้ฮ่องเต้มีองค์ชายสองพระองค์ องค์หญิงสี่พระองค์ แต่องค์ชายทั้งสองต่างไม่ได้รับการยอมรับ
ตอนนี้อดีตรัชทายาทเซียวจิ่งถูกส่งไปเฝ้าสุสานหลวง แม้ว่าองค์ชายรองเซียวอันสิบแปดชันษาแล้ว แต่ผู้ใดก็ไม่เห็นว่าองค์ชายรองจะมีความสามารถเหนือสามัญอันใด เป็นเพียงแค่องค์ชายธรรมดา แผ่นดินแคว้นต้าโจวควรมอบให้คนเช่นนี้หรือ
ขุนนางในราชสำนักต่างกลัดกลุ้มใจกับเรื่องนี้จนหากไม่มีอันใดก็จะยื่นฎีกาเกลี้ยกล่อมให้ฝ่าบาทแต่งตั้งพระสนมให้กำเนิดองค์ชาย
ตอนนี้ฝ่าบาทเองก็สี่สิบต้นๆ แล้ว หากยังไม่ดำเนินการอีกก็จะไม่ทันกาลแล้ว
แต่ฮ่องเต้ก็ทำเหมือนหูหนวกตาบอด ทำเหมือนมองไม่เห็นและไม่ได้ยิน ไม่ว่าขุนนางในราชสำนักเสนออันใด ร้อนใจอย่างไร ก็ยังคงทำอันใดไม่ได้
แม้ว่าทุกคนกราบทูลกันจนโมโหแล้ว ก็ไม่อาจทำให้ฝ่าบาทคิดรับพระสนมได้
หลายปีผ่านไป ขุนนางในราชสำนักเองก็มองความคิดฮ่องเต้กระจ่างแล้ว ก็คือทรงเป็นคนรักมั่น หากตอนนี้มิใช่ฝ่าบาท พวกเขาย่อมแซ่ซ้องเช่นกัน แต่ตอนนี้คือฝ่าบาท ตอนนี้พระองค์ยังไม่มีรัชทายาทที่สมบูรณ์พร้อม ทำเช่นนี้จะได้อย่างไร
ขุนนางในราชสำนักพากันหารือว่าควรทำอย่างไรให้ฝ่าบาทยินยอมรับพระสนมเพิ่ม
ในวัง ฮองเฮากำลังเสวยพระกระยาหาร ไม่รับรู้ความร้อนใจของบรรดาขุนนางในราชสำนักแม้สักนิด
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองเซียวเหวินอวี๋ด้วยแววตาอ่อนโยน “เหวินอวี๋ เจ้าตัดสินใจจะให้เซียวหวงเป็นรัชทายาทหญิงจริงหรือ”
ใช่แล้ว การที่เซียวเหวินอวี๋ไม่ร้อนใจให้กำเนิดองค์ชาย เพราะในใจเขาตัดสินใจเรื่องหนึ่งแล้ว ก็คือจะแต่งตั้งองค์หญิงสามเซียวหวงเป็นรัชทายาทหญิง
ตอนเซียวหวงอายุได้หนึ่งปี เขาก็มีความคิดนี้แล้ว เพราะบุตรสาวของเขาคนนี้ฉลาดมากจริงๆ
ตอนสิบเดือนก็พูดจาได้แล้ว เฉลียวฉลาดอย่างที่สุดมาแต่เล็ก หลายปีมานี้เขายิ่งมองก็ยิ่งพึงใจ ไม่ใช่องค์ชายแล้วอย่างไร ขอเพียงนางมีความสามารถ เขาก็จะแต่งตั้งนางเป็นแห่งรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจว
เซียวเหวินอวี๋อมยิ้มกล่าวว่า “เราตกลงเรื่องนี้กันไว้นานแล้วไม่ใช่หรือ หลายปีมานี้ พวกเราทุ่มเทอบรมหวงเอ๋อร์ไปไม่น้อย นางเองก็พยายามมาตลอด ตอนนี้ก็ได้เวลาแต่งตั้งนางเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจวแล้ว พอแต่งตั้งแล้วก็จะให้นางได้ร่วมออกว่าราชกิจ วันหน้าพวกเราก็จะมีเวลาว่างกันแล้ว ถึงตอนนั้นข้าจะพาเจ้าไปเมืองหนิงโจวเยี่ยมท่านพ่อกับท่านแม่”
“ดีจริง”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรับคำเสียงหนึ่งอย่างดีใจ หลายปีมานี้ แม้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่พำนักอยู่เมืองหนิงโจว แต่ทุกปีพวกเขาได้แต่ส่งจดหมายถึงกัน ทุกเทศกาลนางก็จะเลือกของขวัญให้คนนำไปส่งที่เมืองหนิงโจว ส่วนท่านพ่อกับท่านแม่ก็นำของฝากจากเมืองหนิงโจวให้คนส่งเข้าเมืองหลวงมา โดยเฉพาะท่านแม่ ทุกครั้งที่ส่งของกลับมาก็มักจะมีสมุนไพรต่างๆ และจะถูกเซียวเหวินอวี๋แย่งเอาไปหลายขวดทุกครั้ง
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนคิดถึงอาการดังเด็กน้อยของเซียวเหวินอวี๋ก็นึกขำ
พอนางหัวเราะขำ เซียวเหวินอวี๋ก็รู้ได้ทันที หลายปีมานี้พวกเขาสองคนยังคงรักกันไม่จืดจาง และกลับยิ่งลึกซึ้ง ดังนั้นพอซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนหัวเราะ เขาก็รู้ว่านางต้องกำลังหัวเราะเขา
“เจ้ากำลังหัวเราะข้าหรือ รีบบอกมาว่าหัวเราะอันใด”
เซียวเหวินอวี๋ยื่นมือออกไปจักจี้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนอดหัวเราะขำดังไม่ได้ ร้องขอว่า “ฝ่าบาท ไว้ชีวิตด้วย ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้วเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋ได้ยินนางร้องขอชีวิตก็เริ่มส่งสายตาลึกซึ้ง หากมิใช่กลางวันแสกๆ เขาอยากจะกดนางไว้บนเตียง เริงรักกันสักครา
ผู้ใดให้นางยังคงงดงามไม่แปรเปลี่ยนกัน
เซียวเหวินอวี๋คิดไปก็ก็เขยิบเข้าไปกระซิบข้างหูแผ่วเบา “คืนนี้จะให้เจ้าร้องให้พอ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนถลึงตาใส่เซียวเหวินอวี๋ทีหนึ่ง “ผีบ้ากาม”
เซียวเหวินอวี๋ยิ้มได้ใจ กล่าวว่า “ดื่มด่ำกามา เป็นเรื่องธรรมดาของคนเรา”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนโต้คารมสู้เขาไม่ได้จริงๆ ผู้ชายพอเอ่ยวาจาไม่หยุดขึ้นมาก็ร้ายกาจยิ่งกว่าผู้หญิง
“เอาละ รีบไปประชุมท้องพระโรงยามเช้าได้แล้วเพคะ”
นางกล่าวจบก็พลันคิดถึงบุตรสาวตนขึ้นมา จึงถามนางข้าหลวงใหญ่ข้างกายว่า “องค์หญิงสามเป็นอย่างไรบ้าง เรียบร้อยแล้วหรือยัง”
“บ่าวไปดูหน่อยนะเพคะ”
“ได้ บอกนางว่าเสด็จพ่อกำลังรอนางอยู่”
“เพคะ ฮองเฮา”
ตำหนักซีเหอกง นางกำนัลในชุดงดงามหลายคนกำลังแต่งฉลองพระองค์เกล้าพระเกศาให้กับสาวน้อยอยู่ในตำหนัก วงคิ้วดำขลับ ผิวพรรณขาวผุดผาดราวหิมะ ใบหน้าแฉล้มแช่มช้อยประณีตราวกับช่างบรรจงสลัก หากแต่งแต้มมากไปกว่านี้ก็จะมากเกินไป หากแต่งแต้มน้อยไปกว่านี้ก็จะจางเกินไป ดวงตาดุจดาราดั่งจันทรา จมูกราวกับบุปผาฉยงฮวา ริมฝีปากแดง กิริยาท่าทางสูงสง่าดุจสวรรค์สร้าง นางยืนนิ่งดุจดังภาพหญิงงามสมบูรณ์ในภาพวาด
อย่าว่าแต่ผู้ชาย แม้แต่นางกำนัลในพระตำหนักได้เห็นนางจนชินแล้วก็ยังอดมองอย่างตกตะลึงมิได้ สาวน้อยพลันส่งเสียงหัวเราะดังขึ้น นิ้วมือเรียวราวหยกสลักเชยคางนางกำนัลนางหนึ่ง เอ่ยเย้าว่า “โอะๆ อาชิงเรามองตาค้างแล้ว รีบบอกมาว่าข้าสวยหรือไม่”
นางกำนัล ที่ชื่ออาชิงถูกหยอกเย้าจนหน้าแดง เขินอายไปหมด
“องค์หญิง ทรงทำเช่นนี้อีก บ่าวจะไปทูลฟ้องฮองเฮา”
สาวน้อยพอได้ฟังอาชิงก็รีบลูบศีรษะนางกล่าวปลอบใจว่า “เด็กดี พวกเราต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟัง อย่าเอะอะก็ไปฟ้องนี่นั่น ทำเช่นนั้นไม่ดี รู้หรือไม่”
อาชิงหน้าแดงจนไม่กล้ามองพระพักตร์องค์หญิงอีก
แม้องค์หญิงสามเป็นองค์หญิง แต่มีรูปโฉมงามระดับสาวงามล่มเมือง ไม่เพียงแต่ใบหน้างดงาม รูปร่างก็งดงาม
องค์หญิงสามที่ฮ่องเต้และฮองเฮาให้กำเนิดผู้นี้สืบทอดความงามของพวกเขามาทั้งหมด นางไม่เพียงแต่รูปโฉมงดงาม หากยังฉลาดมีไหวพริบ เป็นที่รักของฮ่องเต้และฮองเฮามาตั้งแต่เล็ก
เพียงแต่องค์หญิงสามชอบเย้าแหย่ นางกำนัลข้างกายมักถูกนางหยอกเล่นอยู่เสมอ แต่ก็เป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นกันภายในเท่านั้น ภายนอกองค์หญิงสามยังคงดำรงตนสุขุมอย่างมาก
ในตำหนัก องค์หญิงสามเซียวหวงกำลังหยอกล้อนางกำนัลของตนเอง นางข้าหลวงใหญ่ก็นำคนเดินเข้ามา
พอนางเข้ามาก็ทูลรายงานว่า “องค์หญิงเพคะ ฮองเฮาให้คนมาทูลเชิญองค์หญิงเสด็จเพคะ ฝ่าบาทกำลังรอองค์หญิงอยู่เพคะ”
เซียวหวงเบะปากหันไปมองนางข้าหลวงใหญ่มู่เซียงผู้ดูแลงานในวัง นางยิ้มเดินเข้าไปคล้องแขนมู่เซียง “ท่านอามู่เซียง พวกเราไปกันเถอะ”
มู่เซียงอมยิ้มมององค์หญิงสาม เรียวตาองค์หญิงสามคล้ายฮองเฮา แต่ลุ่มลึกกว่าฮองเฮา ยามมองผู้คนก็มักทำให้ทุกคนรู้สึกขัดเขิน สรุปขอเพียงนางคิดจัดการ ไม่มีผู้ใดที่นางจะคว้าใจมาครองไม่ได้
มู่เซียงพยักหน้า “องค์หญิง เชิญเสด็จเพคะ ฝ่าบาททรงรอองค์หญิงอยู่”
“ไป ไป”
องค์หญิงสามยิ้มตาหยีคล้องแขนมู่เซียงเดินออกไป
ยามนี้ฟ้าเริ่มสางแล้ว อากาศกระจ่างแจ่มใสอย่างมาก
องค์หญิงสามค่อยๆ หลับตาลงสูดอากาศแจ่มใสเต็มปอด รู้สึกสบายไปทั้งตัว อารมณ์ดีอย่างไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน