Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 1053

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 1053

ตอนที่ 1053 ตราประทับ

เซียวหวงกล่าวจบก็ไม่ได้เอ่ยเรื่องให้หญิงเหล่านั้นขึ้นแทนตำแหน่งพวกเจ้ากรมเถียนอีก

เซียวเหวินอวี๋เอ่ยขึ้นว่า “เราหวังว่า พวกท่านจะเข้าใจได้เรื่องหนึ่ง ในเมื่อเราแต่งตั้งรัชทายาทแล้ว วันหน้านางก็คือฮ่องเต้หญิงแคว้นต้าโจว หากพวกท่านทำการขัดประสงค์นางอีก ก็ถือว่ารนหาที่ตายแล้ว”

ขุนนางหลายคนในท้องพระโรงที่คิดหาเรื่องเซียวหวง ต่างมีสีหน้าซีดเผือด ก้มหน้าลงไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่คำเดียว เกรงว่ารัชทายาทจะจดจำพวกเขาเอาไว้ ตอนนี้พวกเขาแทบจะรับรู้แล้วว่าไม่ควรหาเรื่องรัชทายาทจริงๆ และนางไม่ไว้หน้าผู้ใดแม้สักนิด คนที่ล่วงเกินนางต่างไม่มีจุดจบที่ดี

ใต้เท้าวังโส่วฝู่กับใต้เท้าฟางรองโส่วฝู่ต่างไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์อันใด พากันคุกเข่าน้อมรับผิดอย่างนอบน้อม

แต่พวกเจ้ากรมเถียนที่น่าสงสารต้องโทษหนัก เพราะเจ้ากรมเถียนซื้อขายตำแหน่งขุนนาง ยังแอบจับกลุ่มกันเป็นการส่วนตัว ทำผิดกฎบัญญัติอย่างเปิดเผย ไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา เจ้ากรมเถียนและเจ้านายหลายคนในตระกูลเถียนที่ทำผิดล้วนต้องโทษประหารตัดศีรษะ ที่เหลือถูกเนรเทศ

พอตัดสินโทษเช่นนี้ ก็ทำเอาสะเทือนไปทั้งในและนอกเมืองหลวง ทุกคนต่างกล่าวว่ารัชทายาทเหี้ยมโหดไร้น้ำใจ เลือดเย็นและไม่ไว้หน้าผู้ใดแม้สักนิด ดังนั้นทุกคนอย่าได้ตกอยู่ในกำมือรัชทายาทจะดีที่สุด

ยามนี้สองพี่น้องตระกูลฟู่กำลังคุยเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้คุณชายรองตระกูลฟู่คิดแต่งกับรัชทายาท ยามนี้กลับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่ดีนัก “ข้าว่า ข้าสงบเสงี่ยมแต่งกับหญิงทั่วไปดีกว่า พระสวามีฮ่องเต้หญิงไม่ได้เป็นกันง่ายดายเพียงนั้น แม้รัชทายาทรูปโฉมงดงามดุจเทพธิดา แต่นิสัยนางไม่ได้จริงๆ คนมากมายเช่นนั้นสั่งประหารก็ประหารเสียอย่างนั้น หากวันหน้าข้าทำให้นางไม่พอใจ เกรงว่าคงไม่ทันได้พบแม้แต่ญาติมิตร”

ฟู่ซือได้ฟังฟู่เซวียนก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “พี่รอง รัชทายาทไม่ดีกับพวกเขา เพราะคนพวกนั้นทำความผิด หากพี่รองดีต่อนาง นางจะไม่ดีกับพี่รองได้อย่างไร”

ฟู่เซวียนคิดถึงคนตระกูลเถียนที่ถูกประหารก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่ ข้าไม่เอาดีกว่า ข้าว่าเจ้าไปหาพี่ใหญ่เจ้าดีกว่า รัชทายาทดีต่อเขาไม่กับเหมือนผู้อื่น พี่ใหญ่ต้องทำได้แน่นอน”

ฟู่เซวียนกล่าวจบก็รู้สึกว่าความคิดตนเองนี้ไม่เลว หากพี่ใหญ่ตนได้แต่งเป็นราชบุตรเขยรัชทายาท วันหน้าตระกูลฟู่ก็จะเป็นของเขา วันหน้าตระกูลพวกเขาก็นับได้ว่าเป็นพระญาติ รอให้รัชทายาทขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้หญิง อย่างไรตระกูลพวกเขาก็ต้องได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ พี่ใหญ่ได้เป็นพระสวามีฮ่องเต้ เช่นนั้นบรรดาศักดิ์ของตระกูลก็ย่อมตกเป็นของเขา

ฟู่เซวียนแค่คิดก็ดีใจจนแทบโบยบินขึ้นฟ้า สวรรค์ ก่อนหน้านี้ทำไมเขาคิดการผิดพลาดไปได้

ฟู่ซือกำลังคิดเอ่ย ด้านหลังพลันมีเสียงฝีเท้าดังมา พร้อมกับน้ำเสียงเย็นเยียบไม่พอใจ “พูดจาอันใดกัน”

ฟู่เซวียนกับฟู่ซือสองคนหันหน้าไป เห็นฟู่หลินพี่ใหญ่พวกเขาเดินมา

กล่าวตามตรง ฟู่หลินทำให้พวกเขารู้สึกกลัว สองพี่น้องเห็นเขาต่างนั่งตัวตรงทันทีด้วยสัญชาตญาณ ไม่กล้าทำตัวตามสบายแม้แต่น้อย

ฟู่หลินเดินเข้ามานั่งลงข้างโต๊ะหิน เทน้ำชาแก้วหนึ่งดื่มพลางมองไปยังฟู่เซวียนกับฟู่ซือ “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าคุยอันใดกันอยู่”

ฟู่เซวียนกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “พวกเรากำลังคุยกันถึงเรื่องพี่ใหญ่แต่งกับรัชทายาท”

ฟู่เซวียนกล่าวจบก็แอบเหล่มองฟู่หลินอย่างระมัดระวัง กลัวว่าวาจานี้จะทำให้เขาไม่พอใจ แต่แม้ว่าฟู่หลินสีหน้าเป็นปกติ แต่ฟู่เซวียนก็รู้สึกได้ว่าวาจาตนทำให้พี่ใหญ่อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

ฟู่ซือเองก็รู้สึกได้ นางเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “รัชทายาทดีต่อพี่ใหญ่ไม่เหมือนกับผู้อื่น หากพี่ใหญ่ยินดีแต่งกับรัชทายาท ไม่แน่ว่ารัชทายาทอาจยินดีแต่งด้วย”

ฟู่หลินได้ยิน มุมปากก็อดกระดกเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ แต่กลับไม่แสดงออก ลุกขึ้นยืนกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องของรัชทายาท พวกเจ้าอย่าได้ยุ่งเกี่ยว”

เขากล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินไปฝึกวิทยายุทธ์

ฟู่เซวียนถามฟู่ซืออย่างระมัดระวัง “เจ้ารู้สึกไหมว่าพี่ใหญ่คล้ายว่าดีใจ”

“ข้าเองก็รู้สึกได้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่คัดค้านที่จะแต่งกับรัชทายาท พี่ว่ารัชทายาทจะเลือกพี่ใหญ่เป็นราชบุตรเขยหรือไม่ อย่างไรนางก็ดีต่อพี่ใหญ่ไม่เหมือนกับผู้อื่น”

ฟู่ซือกล่าวจบ พลันคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา รีบกล่าวว่า “พี่รอง ข้าคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ อีกสองวันฮองเฮาจะจัดงานเลี้ยงที่โรงบ้านหลวง[1] หากไม่เหนือความคาดหมาย งานนี้จัดเพื่อให้รัชทายาทเลือกคู่ เพียงแต่ตระกูลเราไม่ได้รับบัตรเชิญ เช่นนี้พี่ใหญ่จะเข้าไปร่วมได้อย่างไร หรือว่าพวกเราหาทางหาบัตรเชิญมาสักใบ”

ฟู่เซวียนรีบพยักหน้า “ตกลง”

เพื่อบรรดาศักดิ์ เขาต้องสู้ อย่างมากก็นำเงินส่วนตัวไปซื้อหามาสักใบ

สองวันถัดมา ณ โรงบ้านหลวง ฮองเฮาจัดงานเลี้ยงเชิญบรรดาฮูหยินมาร่วมงาน ยังรับสั่งให้พาคุณชายตระกูลตนมาด้วย คุณชายติดตามมารดาเข้ามาร่วมงานเลี้ยงที่โรงบ้านหลวง

ในการนี้ ตระกูลวัง ตระกูลฟาง จวนอ๋องผิงหลิง จวนกั๋วกง จวนหย่งหนิงโหว จวนเฉิงเอินโหว ต่างได้รับเทียบเชิญให้พาคุณชายมาร่วมงาน บุตรชายแม่ทัพหลายคนก็ได้รับเชิญ

ครั้งนี้ฮองเฮาตั้งใจเลือกมาสิบกว่าคน เพื่อให้รัชทายาทเลือกราชบุตรเขย

ตัวเลือกสิบกว่าคนนี้ส่วนใหญ่เป็นคุณชายมาจากตระกูลขุนนางมือสะอาดหรือไม่ก็มาจากตระกูลสูงศักดิ์ หน้าตาไม่ต้องเอ่ยถึง ส่วนนิสัยไม่ใช่เรื่องที่ฮองเฮาจะเข้าใจได้ ล้วนต้องให้รัชทายาททำความเข้าใจด้วยตนเอง

แต่นอกจากบรรดาฮูหยินแต่ละตระกูลกลัวรัชทายาท คุณชายบางคนเองก็กลัวรัชทายาท รัชทายาทประหารผู้คนในวาจาเดียว ตระกูลเถียนพริบตาก็หลั่งโลหิตนองดังสายน้ำ หากพวกเขามีเรื่องกับนางใช่ว่าต้องประสบเคราะห์ร้ายหรือ

เพราะเรื่องนี้ ตอนพวกเขาเห็นรัชทายาทก็ยากจะไม่หวาดกลัว กิริยาท่าทางก็ขาดความสง่างามตามปกติไปบ้าง เห็นได้ชัดว่าพวกนี้ขี้ขลาด เซียวหวงย่อมไม่พึงใจคนเช่นนี้ ไม่คิดอยู่กับพวกเขาต่อ จึงได้พานางกำนัลตนเองออกไปเดินรอบนอกโรงบ้านหลวง เดินไปได้ระยะหนึ่งก็รู้สึกได้ว่ามีคนแอบมองนาง เซียวหวงพลันหันกลับไปมอง เห็นมีคนกำลังมองนางอยู่จากศาลาริมทะเลสาบ พอเห็นนางมองกลับไปก็รีบเสหันหน้าไปมองน้ำในทะเลสาบด้านหลังแทน

เซียวหวงเห็นว่าคนที่มองมาก็คือฟู่หลิน หลายวันนี้นางยุ่งกับงานในสำนักหงเหวินก่วน ไม่ได้ไปเยี่ยมฟู่หลิน ยามนี้ได้เห็นเขา นางจึงพบว่าตนเองเหมือนจะคิดถึงเขาอยู่บ้าง เซียวหวงครุ่นคิดแล้วก็ก้าวไปยังริมทะเลสาบ

เพียงแต่นางเดินไปถึงศาลาริมทะเลสาบก็พบว่าฟู่หลินไม่ได้หันหน้ามามองนาง พอนางไปเดินถึงข้างกายเขา ก็พบว่าเขากำลังตกอยู่ในภวังค์เหม่อลอยและแลดูเศร้าสร้อย

เซียวหวงพลันเป็นห่วงขึ้นมา รีบถามเขาว่า “ฟู่หลิน เป็นอันใดหรือ เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

ฟู่หลินหันไปมองนางทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองผืนน้ำนิ่งในทะเลสาบ เอ่ยว่า “ไม่มีอันใด ตอนนี้พวกเราไม่เหมือนภพก่อนแล้ว ภพก่อนข้าคิดอยากพบเจ้าก็ได้พบเจ้า ชาติภพนี้เจ้าเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว แต่ข้าเป็นเพียงบุตรชายขุนนางระดับห้า ข้าคิดอยากพบเจ้าสักครั้ง ยากดังขึ้นสวรรค์ ครั้งนี้กว่าจะมาโรงบ้านหลวงได้ยังต้องทุ่มเทมากมายกว่าจะหาเทียบเชิญมาพบเจ้าได้ ครั้งนี้มาพบเจ้าแล้ว วันหน้าข้าจะไม่มาพบเจ้าตามอำเภอใจเช่นนี้อีกแล้ว”

เขากล่าวจบก็จ้องมองเซียวหวงทีหนึ่ง แววตาหม่นหมองเช่นนั้น คล้ายดังดวงดาวหายวับไป เซียวหวงเห็นแววตาเขาเช่นนี้ก็อดคิดถึงตอนสุดท้ายที่เขาตายหน้าหลุมศพนางไม่ได้ ในใจนางก็พลันเจ็บปวดรวดร้าวอย่างมาก

นางเดินถึงไปข้างกายฟู่หลิน รั้งเขาไว้พลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พูดจาเหลวไหลอันใด แม้สถานะพวกเราเปลี่ยนไป แต่เจ้ายังคงเป็นน้องชายข้า”

เซียวหวงกล่าวจบ ก็หยิบตราประทับที่พกติดตัวส่งให้ฟู่หลิน “นี่คือของแทนตัวข้า วันหน้าหากเจ้าคิดพบข้า ก็นำตราประทับนี้เข้าวังมาหาข้าได้”

………

[1] โรงบ้านของชาวบ้านทั่วไปจะตั้งอยู่นอกเมือง เป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์เพาะปลูกบนพื้นที่ขนาดใหญ่ โรงบ้านหลวงในที่นี้ก็คือที่ดินที่ทำกิจกรรมเหมือนกิจกรรมของชาวบ้าน เก็บเกี่ยวผลผลิตส่งให้ราชวงศ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version