Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 368

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 368

ตอนที่ 368 ลูกหลานเชื้อพระวงศ์

ราษฎรเห็นนายอำเภอหูคุกเข่าลงต่อหน้าทุกคน ก็พากันคุกเข่าตาม พร้อมกันกล่าวขอบคุณท่านอ๋องเยียน

“ขอบพระทัยท่านอ๋องเยียนที่ทรงคืนความเป็นธรรมให้แก่อำเภอชิงเหอ”

“ขอบพระทัยท่านอ๋องเยียนที่ทรงทำให้อำเภอชิงเหอคืนสู่ความโปร่งใส”

ม่อเป่ยมองนายอำเภอหูพร้อมกับแอบเม้มมุมปากเล็กน้อย นายอำเภอชิงเหอขุนนางระดับเจ็ดเล็กๆ นี่รู้งานเหมือนกัน ไว้ต้องรายงานเจ้านายสักหน่อย

ในใจม่อเป่ยครุ่นคิด สีหน้านิ่งขรึมก้าวออกมากวาดตามองชาวบ้าน สุดท้ายกล่าวว่า “ท่านอ๋องเยียนมีรับสั่งว่า โจรชั่วหยางและเผิงเป็นขุนนางราชสำนัก แต่รับสินบนจนทำให้กฎหมายอำเภอชิงเหอไร้ความเป็นธรรม ราษฎรลำบากไร้ที่พึ่ง วันนี้มีคำสั่งให้นายอำเภอหูตรวจสอบให้กระจ่าง ตรวจสอบคนที่ให้สินบนพวกเขาให้กระจ่าง ลงโทษไม่ละเว้น ผู้ใดก็ห้ามให้การคุ้มครอง”

นายอำเภอหูรับคำสั่งเสียงดังทันที “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับบัญชาท่านอ๋องเยียน”

ม่อเป่ยประคองนายอำเภอหูขึ้นมาด้วยตนเอง นายอำเภอหูเริ่มไต่สวนรองนายอำเภอหยางและเผิงจู่ปู้ทั้งสองคน ม่อเป่ยนำคนไปจัดการเรื่องเงินสองแสนกว่าตำลึง พวกเขาต้องคุ้มกันเงินก้อนนี้ไปส่งให้กรมคลังที่เมืองหลวง

เงินก้อนนี้ไม่อาจแตะต้องและไม่อาจทำหาย หากทำหายไป สุดท้ายอาจทำให้ฮ่องเต้ทรงสงสัย ว่าเจ้านายแตะต้องเงินสองแสนตำลึงนี้

ม่อเป่ยไปจัดการเรื่องนี้ นายอำเภอหูก็ไต่สวนความผิดรองนายอำเภอหยางและเผิงจู่ปู้ ให้พวกเขาสารภาพคนที่ติดสินบนพวกเขา ทั้งสองคนรู้แล้วว่าตนเองสูญเสียอำนาจแล้ว

แต่ทั้งสองคนไม่ได้สารภาพตัวคนบงการเบื้องหลังออกมา ต่างกัดฟันแน่นไม่ยอมพูดอะไร ทำให้ชาวบ้านอำเภอชิงเหอโมโหโกรธแค้นขว้างปาสิ่งของใส่พวกเขา

สุดท้ายทั้งสองคนถึงกับถูกเขวี้ยงปาจนสลบไป นายอำเภอหูเห็นว่าไม่อาจสอบสวนได้ความในระยะเวลาอันสั้นนี้ ได้แต่สั่งให้คนพารองนายอำเภอหยางและเผิงจู่ปู้ไปขังที่ที่ว่าการอำเภอไว้ก่อน

เพราะไม่เชื่อใจมือปราบในที่ว่าการอำเภอ นายอำเภอหูส่งผู้คุ้มกันในจวนตนเองมาคุม และให้มือปราบจ้าวคุมทั้งสองคนด้วยตนเองด้วย

ในบ้านตระกูลเซี่ย

ลู่กุ้ยกำลังออกท่าออกทางเล่าเรื่องนายอำเภอหูไต่สวนรองนายอำเภอหยางและเผิงจู่ปู้ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวฟัง

ตอนที่เล่าถึงม่อเป่ยออกมา ราษฎรอำเภอชิงเหอซาบซึ้งในน้ำพระทัย เขาก็อดมองลู่เจียวไม่ได้ กล่าวว่า “พี่รู้ไหมว่าองครักษ์อันระดับหนึ่งข้างกายท่านอ๋องเยียนคือใคร ก็คือคนก่อนหน้านี้ที่ส่งขุนพลหวังมาหอยาเป่าเหอให้พี่เจียวรักษาต่อแขนให้คนนั้นอย่างไร”

ลู่กุ้ยเคยไปหอยาเป่าเหอเอายาให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นครั้งหนึ่ง เขาเคยเห็นม่อเป่ย ดังนั้นพอม่อเป่ยปรากฏตัว เขาก็จำได้ทันที

ในห้องลู่เจียวเลิกคิ้วตกใจ จากนั้นก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นฝั่งตรงข้ามทันที

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็มีสีหน้าตกใจ เทียบกับผู้อื่นตกใจแล้ว ในใจเขาตกใจกระหน่ำยิ่งกว่า

อ๋องเยียน? คนผู้นั้นเป็นถึงอ๋องเยียน?

กล่าวเช่นนี้ บิดาแท้ๆ ของซื่อเป่าเป็นถึงองค์ชายแคว้นต้าโจว เขาคือลูกหลานเชื้อพระวงศ์แคว้นต้าโจว เช่นนั้นเขาควรทำเช่นไรดี จะบอกสถานะให้เขารู้ไหม

หากเขาไม่บอก วันหน้าหากเขารู้เข้าจะโกรธแค้นเขาไหม หากเขาบอกซื่อเป่าเรื่องบิดาเขา ลู่เจียวก็คงจะเสียใจอย่างมาก

เดิมเขาคิดว่าบิดาซื่อเป่าเป็นคุณชายตระกูลชนชั้นสูงศักดิ์ ดังนั้นไม่คิดจะบอกชาติกำเนิดให้เขารู้ แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

ลู่เจียวในห้องเลิกคิ้วคิดไตร่ตรอง ที่แท้ชายที่เปี่ยมไปด้วยรัศมีสูงศักดิ์ที่โดนธนูหัวแฉกยิงผู้นั้นเป็นอ๋องเยียนแห่งแคว้นต้าโจว

ในนิยาย อ๋องเยียนผู้นี้คือว่าที่ฮ่องเต้แคว้นต้าโจว ดังนั้นสองคนที่จ้าวหลิงเฟิงส่งมา หากไม่เหนือความคาดหมาย ก็น่าจะเป็นอ๋องเยียนให้จ้าวหลิงเฟิงส่งมา ยังมีอีกเรื่องที่จ้าวหลิงเฟิงสุดท้ายจะได้เป็นหย่งหนิงโหว ก็เพราะเขาช่วยทำงานให้อ๋องเยียน

ลู่เจียวตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิด ตาเฒ่าเหวินก็ก้าวเข้าประตูมา รายงานว่า “นายท่าน มีคุณชายแซ่ม่อมาขอพบ”

ในห้อง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพลันได้สติหันมาสบตากัน แน่ใจว่าคุณชายม่อน่าจะเป็นม่อเป่ย

ลู่เจียวมองไปยังลู่กุ้ยกล่าวว่า “ไปเชิญองครักษ์ม่อเป่ยเข้ามา”

ลู่กุ้ยตกใจ วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น บ้านพวกเขาถึงกับมีสายสัมพันธ์กับองครักษ์ระดับหนึ่งติดตามข้างกายอ๋องเยียน ร้ายกาจจริง

วันนี้ม่อเป่ยมาบ้านตระกูลเซี่ยก็เพื่อเป็นตัวแทนอ๋องเยียนขอบคุณเซี่ยอวิ๋นจิ่นโดยเฉพาะ

เพราะการที่อ๋องเยียนได้รับประโยชน์ครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นเพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นมอบให้

จ้าวหลิงเฟิงไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้ ดังนั้นอ๋องเยียนรู้เรื่องนี้แล้ว จึงให้ม่อเป่ยมาบ้านตระกูลเซี่ยกล่าวขอบคุณเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยตนเอง

“ท่านอ๋องเยียนให้ข้าน้อยมาในวันนี้เพื่อคารวะขอบคุณซิ่วไฉที่มอบน้ำใจนี้ให้ วันหน้าหากเซี่ยซิ่วไฉต้องการความช่วยเหลือจากท่านอ๋องเยียน ก็ให้ท่านจ้าวมาส่งข่าวได้”

ยามนี้ม่อเป่ยไม่ปิดบังว่าจ้าวหลิงเฟิงคือคนทำงานให้อ๋องเยียน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นแววตาหรี่ลงพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “หากต้องการความช่วยเหลือ จะต้องขอให้อ๋องเยียนช่วยเหลืออย่างแน่นอน”

ในช่วงเวลานี้ เขาไม่คิดใกล้ชิดอ๋องเยียนมากเกินไป เขาจะรู้ไหมว่าซื่อเป่าเป็นบุตรชายเขา ตอนนี้เขายังไม่ตัดสินใจว่าจะคืนซื่อเป่าให้อ๋องเยียน

ม่อเป่ยพยักหน้าขอตัวกลับ เขามีภารกิจต้องทำ ต้องคุ้มกันนำเงินสองแสนตำลึงไปส่งเมืองหลวง

“เช่นนี้ข้าก็ขอลาก่อน วันหน้าหากมีวาสนาคงได้พบกันใหม่”

หากไม่เหนือความคาดหมาย เจ้านายเห็นความสามารถเซี่ยซิ่วไฉ วันหน้าย่อมต้องใช้งานเขา พวกเขายังคงได้พบกันอีก

ม่อเป่ยกล่าวจบก็หันกายจะจากไป ลู่เจียวด้านหลังลุกขึ้นออกไปส่งม่อเป่ย

ม่อเป่ยเป็นองครักษ์ระดับหนึ่งติดตามข้างกายอ๋องเยียน สถานะสูงศักดิ์ เซี่ยอวิ๋นจิ่นตอนนี้ได้รับบาดเจ็บ ได้แต่ให้นางผู้เป็นเจ้าบ้านหญิงออกไปส่งแล้ว

“องค์รักษ์ม่อเป่ย เชิญ”

ม่อเป่ยหันไปมองลู่เจียว เดิมเขาคิดว่าจะเห็นท่าทางตกใจของลู่เจียว ปรากฏเห็นแต่ความสงบนิ่งที่นิ่งเสียยิ่งกว่านิ่ง

ในใจม่อเป่ยก็อดหล่นวูบไม่ได้ แต่ก็กลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว

“รบกวนลู่เหนียงจื่อแล้ว”

ลู่เจียวผายมือเชิญด้วยสีหน้านิ่ง “องค์รักษ์ม่อเป่ย เชิญ”

ทั้งสองคนเดินตามกันออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังครุ่นคิดเรื่องซื่อเป่า ดังนั้นไม่ได้สนใจสีหน้าม่อเป่ยสักเท่าไร

ลู่เจียวเดินออกมาส่งม่อเป่ย เดิมม่อเป่ยคิดว่านางอาจพูดจาตามมารยาทมากอีกหน่อย เช่น คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับเป็นองครักษ์ระดับหนึ่งติดตามข้างกายอ๋องเยียน คิดไม่ถึงว่าลู่เจียวไม่พูดอะไรทั้งนั้น

พอเห็นว่ากำลังจะก้าวออกจากประตูใหญ่ตระกูลเซี่ยแล้ว ม่อเป่ยก็อดยู่ปากไม่ได้ กล่าวว่า “เจ้าไม่ตกใจหรือ”

ลู่เจียวหันไปมองม่อเป่ยอย่างนึกขำ “ตกใจอะไร ก่อนหน้านี้ข้าก็รู้สถานะสูงศักดิ์ของเจ้านายท่านแล้ว แม้ว่าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์องค์ฮ่องเต้ แต่น่าจะเป็นคุณชายตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหลวง ตอนนี้รู้ว่าเขาเป็นอ๋องเยียนแห่งแคว้นต้าโจวก็ไม่แปลกนี่ แต่ข้าได้รู้แล้วว่าทำไมท่านจึงได้เย่อหยิ่งไม่เห็นผู้ใดในสายตาเช่นนั้น ที่แท้เพราะตนเองเป็นองค์รักษ์ระดับหนึ่งติดตามข้างกายอ๋องเยียนนี่เอง”

คำพูดลู่เจียวทำเอาม่อเป่ยโมโหแทบตาย เขาถลึงตาใส่ลู่เจียวอย่างอารมณ์เสีย กล่าวว่า “ทำไมเจ้าไม่ว่าตัวเองว่าละโมบเล่า ดึงธนูให้เจ้านายข้าทีถึงกับเรียกเอาตั้งห้าพันตำลึง”

ลู่เจียวหันหน้าไปมองเขา จงใจกล่าวว่า “หากรู้เจ้านายท่านเป็นอ๋องเยียน ไม่แน่ข้าอาจจะเรียกหมื่นตำลึง”

ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่รอให้ม่อเป่ยกล่าวต่อ เอ่ยต่อว่า “เอาละ องค์รักษ์ม่อเป่ย ค่อยๆ เดินนะ”

นางกล่าวจบก็หันหลังกลับเข้าบ้านตระกูลเซี่ย ไม่สนใจม่อเป่ยที่โมโหแทบตายอยู่หน้าประตู

ม่อเป่ยถลึงตาจ้องลู่เจียว ผู้หญิงอะไรกันนี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version