ตอนที่ 426 ผู้หญิงควรอ่อนโยน
ในห้องโถงลู่เจียวรู้สึกอายหันถง จึงส่งสายตาปรามเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้สงบเสงี่ยมหน่อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบยิ้มพยักหน้ารับว่าทราบแล้ว ตอนเขาหันไปมองหันถง แววตากลับคืนสู่ความสงบนิ่งดังเดิม
ในใจหันถงแอบกล่าวว่าลำบากอวิ๋นจิ่นแล้ว รู้สึกไม่พอใจที่ถูกปฏิบัติต่างกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สนใจว่าเขาพอใจหรือไม่ เขามองหันถงด้วยแววตานิ่งเรียบ “เล่าเรื่องขบวนการค้ากับร้านค้าให้พี่สะใภ้เจ้าฟังหน่อย อีกอย่าง เล่าเรื่องแผนการวันหน้าของขบวนการค้าพวกเราด้วย”
หันถงรีบมองไปยังลู่เจียว แนะนำเรื่องร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้
“ร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้นี้ อวิ๋นจิ่นเป็นคนคิด หลักๆ ก็คือขนส่งสินค้าจากแคว้นโดยรอบ แคว้นต้าโจว เรามีการติดต่อค้าขายกับชายแดนอยู่ตลอด พวกเราซื้อสินค้าทางใต้กลับมาแล้วก็เอาไปขายทำกำไรสูงขึ้นที่ทางเหนือ แล้วค่อยเอาสินค้าชายแดนทางเหนือมาขายราคาสูงที่ทางใต้”
“แผนระยะเริ่มต้นของพวกเราก็คือเปิดสองร้านก่อน ร้านหนึ่งที่อำเภอชิงเหอ อีกร้านในตัวเมือง แต่ตอนนี้ทั้งสองร้านยังเปิดเล็กๆ ไปก่อน ประการแรก ไม่เป็นที่สะดุดตา ประการที่สอง ไม่ทำให้ผู้อื่นตกใจ หากการค้าดีย่อมทำให้คนอิจฉาตาร้อน ถึงตอนนั้นจะเกิดเรื่องได้ง่าย ดังนั้นพวกเราทำเล็กๆ ก่อน รอไว้วันหน้ามีความสามารถค่อยเปิดร้านค้าสาขาไปทั่วทุกเมืองใหญ่ในแคว้นต้าโจว”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกว่าไม่เลว “ไม่เลว เยี่ยมมาก”
พอลู่เจียวเอ่ยชม เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยืดอกตรง เจียวเจียวชมว่าการค้าไม่เลวก็เท่ากับชมเขา นี่เป็นการค้าที่เขาคิดขึ้นมา
ลู่เจียวไม่สนใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น หันไปกล่าวกับหันถงว่า “ขบวนการค้าต้องระวังเรื่องความปลอดภัย”
หันถงยิ้มกล่าวว่า “ทราบแล้ว พี่สะใภ้ ในขบวนการค้าย่อมมีอาจารย์รู้วิชายุทธ์ร่วมขบวนไปด้วย พวกเรายังขอให้สำนักคุ้มภัยตระกูลเถียนส่งคนมาช่วยคุ้มกันคนและสินค้าในขบวนการค้าของเราด้วย”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มกล่าวกับหันถงว่า “เจ้าย่อมทำการค้าเก่งกว่าพวกเรา วันหน้าเรื่องพวกนี้เจ้าตัดสินใจก็แล้วกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่พอใจที่เจียวเจียวชมหันถง
หันถงรีบรับคำทันที แต่พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่พอใจ ก็รีบมองไปยังลู่เจียว “ตระกูลข้าแม้ว่าทำการค้า แต่ข้าเองทำการค้าไม่ค่อยฉลาดเท่าไร แต่ไรมาก็ล้วนเป็นอวิ๋นจิ่นช่วยข้า เขาถึงจะนับได้ว่าฉลาดเรื่องการค้าอย่างแท้จริง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองหันถงอย่างพึงพอใจ ไม่ได้อบรมสั่งสอนมาเสียเปล่า ไม่เลว
ลู่เจียวมองอย่างนึกขำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับหันถงผ่านความลำบากมาด้วยกันมากมายก่อนหน้านี้ หากไม่เหนือความคาดหมาย วันหน้าทั้งสองคนก็คงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน
“อืม ข้ารู้แล้ว วันหน้าหากเจ้ามีอะไรตัดสินใจไม่ได้ ก็ค่อยมาหาพวกเรา”
หันถงรีบพยักหน้า เขารู้อวิ๋นจิ่นฉลาด แต่พี่สะใภ้เองก็เก่งกาจ ไม่เพียงแต่วิชาการแพทย์สูงส่ง ทำการค้ายังร้ายกาจ ถึงขนาดสร้างโรงหีบน้ำมัน โรงเวชสำอางและโรงผลิตยาขึ้นมาเงียบๆ อย่างไม่มีผู้ใดรู้มาก่อนได้
น้ำมันในโรงหีบน้ำมันก็เริ่มออกวางขายแล้ว ตระกูลพวกเขายังรับสินค้ามาด้วย แต่รับมาได้ไม่มาก ไม่พอแบ่งขายจริงๆ
“พี่สะใภ้ พี่บอกพวกเฉิงเสียงสักคำได้ไหมว่า วันหน้าตระกูลข้านำเข้าน้ำมัน ขอสินค้ามากอีกหน่อย”
ลู่เจียวมองหันถง พยักหน้ากล่าวว่า “ได้ ครั้งหน้าพวกเขามา ข้าจะบอกพวกเขา”
ครั้งนี้ทำหันถงดีใจมาก เลือกพึ่งพาถูกคนแล้ว ไม่เพียงแต่ได้พึ่งพาพี่น้อง ยังได้พึ่งพาพี่สะใภ้ด้วย
“พรุ่งนี้ขบวนการค้าก็จะออกเดินทางแล้ว บ้านเจ้าตอนนี้กำลังมีเรื่อง ก็ไม่ต้องไปส่งพวกเขาแล้ว เรื่องทั้งหมดมอบให้ข้าจัดการก็พอ”
หันถงกล่าวจบก็นำหนังสือสัญญาร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้ส่งให้ลู่เจียว “พี่สะใภ้ นี่คือหนังสือสัญญาที่ลงทะเบียนไว้ที่ที่ว่าการอำเภอ”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ เจ้าไปทำงานเถอะ”
หันถงเอ่ยขอตัวลากลับไปแล้ว ลู่เจียวก็เปิดสัญญาออกอ่าน จากนั้นก็ตกใจเอ่ยว่า “แบ่งกำไรสี่ส่วน?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้เอาเงินจากนางไป เช่นนั้นเงินเปิดร้านสองร้านล้วนเป็นเงินตระกูลหัน ตอนนี้หันถงยังแบ่งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นถึงสี่ส่วนจากทั้งหมดสิบส่วน นี่มากไปสักหน่อยไหม
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “มากไปสักหน่อยไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็อดหัวเราะไม่ได้ “เดิมเขาจะแบ่งห้าส่วนด้วยซ้ำ แต่ข้ายืนยันว่าสี่ส่วน เขาจึงได้ยอม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็ยื่นมือไปกุมมือลู่เจียว “เขาอยากทำเช่นนี้ก็ตามใจเขา อย่างไรวันหน้าพวกเราสองตระกูลก็จะไปมาหาสู่กันบ่อย มากนิดน้อยหน่อยไม่ใช่เรื่องต้องมาคิดเล็กคิดน้อย วันหน้าหากเขามีเรื่องเดือดร้อน พวกเราก็จะช่วยเหลือ”
ลู่เจียวคิดแล้วก็เห็นว่ามีเหตุผล
“อืม ข้ารู้แล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบก็มองมือเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่กุมมือนางไว้ อดเอ่ยเตือนไม่ได้ “เจ้าควรไปห้องหนังสืออ่านตำราแล้ว แม้ว่าไม่ไปสำนักศึกษา แต่อยู่บ้านก็ต้องทบทวนตำราให้ดี อย่าลืมว่าปีหน้ามีการสอบเซียงซื่อ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังคงนิ่งไม่ขยับ ลู่เจียวหันหลังเดินออกไปก่อน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังได้แต่ลุกขึ้นเดินไปห้องหนังสือ เจียวเจียวกล่าวได้ถูกต้อง เขาต้องพยายามอ่านตำรา พยายามแย่งชิงตำแหน่งที่หนึ่งของการสอบเซียงซื่อในปีหน้ามาให้ได้ เขามีภรรยาและลูกต้องปกป้อง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงว่าเซี่ยเหนียงจื่อภรรยาอาจารย์ใหญ่หลูที่ดูแคลนนาง เพราะนางสถานะต่ำต้อยไม่ใช่หรือ
วันหน้าพวกเขาย่อมต้องพบเจอคนเช่นนี้อีกมาก ดังนั้นเขาต้องนำตำแหน่งฮูหยินตราตั้งมาให้เจียวเจียวให้ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่ในบ้าน นอกจากอ่านตำราก็คอยอยู่เป็นเพื่อนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับลู่เจียว
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจอย่างมาก เดิมเพื่อนๆ ไม่ได้มาเรียนด้วยกัน พวกเขาก็รู้สึกเหงามาก แต่ปรากฏบิดาอยู่บ้านเป็นเพื่อนพวกเขา ยังฝึกวิชายุทธ์เป็นเพื่อนพวกเขา สอนพวกเขาวาดรูปอีก
มารดาพวกเขาคำนวณ ระยะนี้ยังสอนพวกเขาท่องสูตรคูณแม่เก้า
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ท่องได้รวดเร็ว เรียนเป็นอย่างรวดเร็ว ว่างๆ ก็จะหยิบออกมาท่องเล่น ราวกับกำลังขับร้องเพลงเด็ก
ทั้งครอบครัวมีความสุขอย่างมาก ตอนเช้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นฝึกยุทธ์เป็นเพื่อนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เสร็จ ทั้งครอบครัวก็กินอาหารเช้าด้วยกัน จากนั้นก็เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปห้องหนังสืออ่านตำรา เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเรียน ระหว่างนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังหาเวลาว่างมาสอนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่วาดรูป นอกจากจัดการเรื่องในบ้านแล้ว ลู่เจียวยังรักษาให้หลิวจื่อเหยียนกับเถียนจิ้นอาน
อาการหลิวจื่อเหยียนกับเถียนจิ้นอานดีขึ้นมาก แม้โรคหนาวเหน็บของหลิวจื่อเหยียนจะยังไม่หายขาด แต่มือเท้าไม่ได้เย็นเหมือนก่อนแล้ว ตอนนอนก็ไม่สะดุ้งตื่น นี่เป็นช่วงเวลาที่เบิกบานที่สุดในหลายปีนี้ของเขา
อย่าได้เอ่ยว่าท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวตระกูลหลิวซาบซึ้งใจลู่เจียวเพียงใด ทำแต่ของอร่อยมาให้นางตลอดเวลา ล้วนเป็นท่านย่าหลิวลงมือทำด้วยตนเอง
ลู่เจียวไม่รับก็ไม่ได้ ตอนนี้ท่านปู่ท่านย่าหลิวเห็นลู่เจียวเหมือนหลานสาวแท้ๆ
สมองของเถียนจิ้นอานแห่งตระกูลเถียนก็กระจ่างขึ้นมาก สติปัญญาเริ่มฟื้นคืน พูดจาก็ไม่เหมือนเด็กไม่กี่ขวบ ค่อยๆ เหมือนผู้ใหญ่แล้ว ที่น่ายินดีที่สุดก็คือเถียนจิ้นอานที่สติปัญญาฟื้นคืนแล้ว ถึงกับฉลาดอย่างมาก คนตระกูลเถียนเชิญอาจารย์มาสอนเขาเรียนหนังสือ เขาถึงกับเรียนได้เร็วมาก
คนตระกูลเถียนดีใจอย่างที่สุด ให้เถียนฮวนนำของเป็นคันรถมาขอบคุณถึงที่
ลู่เจียวไม่รับก็ไม่ได้ สุดท้ายได้แต่รับไว้ ตอนนี้เถียนฮวนมีสายสัมพันธ์อันดีกับลู่เจียวมาก ทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเกิดอาการหึงหวง
“ผู้หญิงควรอ่อนโยน หญิงผู้นั้นไม่อ่อนโยนสักนิด เสียทีที่เกิดเป็นหญิง”