Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 448


ตอนที่ 448 เช่นนั้นข้าเล่า

พอลู่เจียวเห็นสีหน้าพวกอาจารย์ใหญ่หลู ก็รู้ว่าเหล่าอาจารย์ไม่พอใจ เหลือบมองไปทางเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เห็นสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นปกติ ไม่ได้รู้สึกตื่นตกใจแม้แต่น้อย

“อาจารย์ใหญ่กับอาจารย์ทุกท่านมาเยือน เชิญทุกท่านเข้าไปนั่งด้านในก่อน”

อาจารย์ใหญ่หลูกับพวกอาจารย์หวัง เดินเข้าไปยังโถงเรือนด้านหน้าตระกูลเซี่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึง

ลู่เจียวไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นหลังกล่าวทักทายพวกอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังแล้ว ก็คิดจะไปเรือนด้านหลังอาบน้ำกินอาหาร

ระยะนี้เหนื่อยมาก ตอนนี้นางคิดแค่อยากจะอาบน้ำแล้วเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้ให้สบาย กินอาหารสักหน่อย

ไม่คิดว่าพอนางเอ่ย อาจารย์ใหญ่หลูก็ห้ามนางไว้

“ลู่เหนียงจื่อ เจ้าเองก็นั่งฟังด้วย”

ลู่เจียวได้แต่นั่งลงมองพวกอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวัง

อาจารย์ใหญ่หลูมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวแล้วก็เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พวกเจ้าเลอะเลือนจริง อีกสองสามเดือนก็จะสอบเซียงซื่อ[1]ที่จัดเพียงสามปีครั้ง ผู้อื่นกินนอนในสำนักศึกษาทุ่มเทกับการศึกษาเล่าเรียน พากเพียรพยายามเพื่อให้มีชื่อติดประกาศในการสอบเซียงซื่อปีหน้า พวกเจ้าดีเลย พากันไปตะลอนในหมู่บ้าน สอนชาวบ้านปลูกสมุนไพรในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้”

อาจารย์ใหญ่หลูกล่าวจบ ไม่ทันรอให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวตอบ ก็กล่าวต่ออีกว่า “ข้ารู้ว่าการเพาะปลูกสมุนไพรเป็นเรื่องที่จะส่งผลดีต่อชาวบ้าน แต่เรื่องดีก็ควรแยกแยะหนักเบา อวิ๋นจิ่น เจ้าเป็นผู้มีความสามารถ จะมาถูกเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ขัดขวางไว้ได้อย่างไร”

“หากเจ้าสอบเป็นจวี่เหรินได้ วันหน้าก็จะเข้าสอบหุ้ยซื่อ เตี่ยนซื่อ ได้เป็นจิ้นซื่อ วันหน้าเจ้าก็จะได้ช่วยเหลือคนมากมาย ไม่ควรวิ่งไปสอนชาวบ้านปลูกสมุนไพรตามหมู่บ้านในเวลานี้”

อาจารย์ใหญ่หลูกล่าวจบ ไม่รอให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดก็มองลู่เจียวกล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ ข้าขอต่อว่าเจ้าสักสองสามคำ เจ้าเป็นภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น เหตุใดจึงไม่เตือนเขา ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถด้านวิชาการแพทย์ร้ายกาจ ยังทำการค้าช่วยชาวบ้านอำเภอชิงเหอได้ แต่หากอวิ๋นจิ่นสอบเคอจวี่ได้ วันหน้าก็จะช่วยชาวแคว้นต้าโจวได้มากมาย ไม่ใช่เพียงแค่ชาวบ้านในอำเภอเล็กๆ นี้เท่านั้น”

“หากเขาสอบเคอจวี่ไม่ได้ ก็จะเป็นเพียงแค่ซิ่วไฉ จะช่วยได้แค่ชาวอำเภอชิงเหอ อีกอย่าง แม้เจ้ารักษาโรคและทำการค้าเป็น แต่ที่ช่วยได้ก็เพียงแค่ชาวแคว้นต้าโจวเท่านั้น เจ้าจะทำได้มากกว่านี้หรือ”

อาจารย์ใหญ่หลูกล่าวจบ พวกอาจารย์หวังก็พยักหน้าหงึก เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินอาจารย์ใหญ่หลูตำหนิลู่เจียวก็อารมณ์ก็ไม่ดี สีหน้าเริ่มเย็นเยียบเล็กน้อย

พอลู่เจียวเห็นสีหน้าเขา ก็กลัวเขามีเรื่องกับพวกอาจารย์ใหญ่หลู

อย่างไรอาจารย์ใหญ่หลูก็เป็นอาจารย์เขา และยังหวังดีกับเขา

ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังอาจารย์ใหญ่หลูทันที “อาจารย์ใหญ่หลู ท่านกล่าวได้ถูกต้อง จากนี้ไป พวกเราไม่ไปสอนชาวบ้านในหมู่บ้านปลูกสมุนไพรแล้ว วันหน้าข้าจะคอยเฝ้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้ขยันอ่านตำรา พากเพียรพยายามเพื่อการสอบเซียงซื่อปีหน้าให้มีชื่อติดประกาศให้ได้”

พออาจารย์ใหญ่หลูได้ฟังคำพูดลู่เจียว ในใจก็โล่งอก พยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนี้จึงจะถูกต้อง เช่นนี้ก็ดี”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ก็ไม่พูดอันใดอีก

ลู่เจียวกล่าวกับอาจารย์ใหญ่หลูอีกว่า “พรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะไปอ่านตำราที่สำนักศึกษาต่อ จนกระทั่งสำนักศึกษาหยุด แต่แม้สำนักศึกษาหยุด กลับบ้านมา ข้าก็จะคอยเฝ้าให้เขาอ่านตำรา”

“อืม ไม่เลว หากอวิ๋นจิ่นสอบติด วันหน้าเจ้าก็จะได้มีวาสนาตามไปด้วย”

ลู่เจียวกล่าววาจาดีงามอีกสองสามประโยค ก็กล่อมพวกอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังกลับไปได้

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นพวกอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังไปแล้ว ก็รีบขอโทษลู่เจียวทันที

“เจียวเจียว ข้าให้ร้ายเจ้าจนถูกอาจารย์ใหญ่ตำหนิ เป็นความผิดข้าเอง”

ลู่เจียวไม่ได้ตำหนิเขา แต่ไม่ลืมกำชับเขา

“แต่นี้ไปก็ไปอ่านตำราที่สำนักศึกษาให้ดี หากยังไม่ไปสำนักศึกษาอีก ดูซิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”

ขณะทั้งสองคนกำลังคุยกัน นอกประตู เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็วิ่งตึงตังกันเข้ามา มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวอย่างรู้สึกอัดอั้นตันใจ

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ระยะนี้พวกท่านยุ่งกับเรื่องอันใดกัน พวกเราไม่ได้พบท่านพ่อท่านแม่มานานแล้ว”

ระยะนี้ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นยุ่งแต่กับเรื่องการเพาะปลูก ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ กลับก็ค่ำมืด ทุกครั้งที่กลับมา เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็หลับไปแล้ว

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดถึงบิดามารดามาก วันนี้พอได้ยินว่าทั้งสองคนกลับมาก็รีบวิ่งมาหา

ใบหน้าเล็กน่ารักสี่ดวงเต็มไปด้วยความไม่พอใจและน้อยใจ

ซื่อเป่ากอดคอลู่เจียวไว้ไม่ยอมปล่อย “ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านแม่แล้ว คืนนี้ท่านแม่นอนกับข้าได้หรือไม่”

ลู่เจียวมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่แล้วก็มองเซี่ยอวิ๋นจิ่น รู้สึกว่าตนเองทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ นางควรจัดการดูแลคนในครอบครัวให้ดีก่อน มีเวลาว่างค่อยไปช่วยชาวบ้านในหมู่บ้าน ไม่ควรทำตัวดังเช่นตอนนี้ ไม่สนใจแม้แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ วิ่งไปช่วยเหลือแต่ชาวบ้านในหมู่บ้าน

ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วแววตาอ่อนโยนก้มหน้าลงปลอบใจซื่อเป่า “เอาละ ความผิดแม่เอง ระยะนี้ไม่ได้คิดถึงพวกเจ้า เช่นนั้นแม่จะชดเชยให้ คืนนี้ไปนอนเป็นเพื่อนพวกเจ้า”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็หัวเราะดีใจ

เซี่ยอวิ๋นจิ่นอดบ่นไม่ได้ “แล้วข้าเล่า”

ลู่เจียวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คืนนี้เจ้าจุดตะเกียงอ่านตำรา แต่นี้ไปข้าจะเฝ้าเจ้าอ่านตำรา อย่าได้คิดแอบเกียจคร้าน”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็รีบถามว่า “เช่นนั้นเจ้าไม่ไปสอนชาวบ้านในหมู่บ้านปลูกสมุนไพรแล้วจริงหรือ”

ลู่เจียวส่ายหน้า “พวกเราสอนชาวบ้านในหมู่บ้านปลูกสมุนไพรเป็นแล้ว วันหน้าก็มอบให้พวกฉีเหล่ยไปจัดการต่อ ใกล้ปีใหม่แล้ว ข้าก็ต้องเตรียมของขวัญให้ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลเซี่ย เตรียมให้พวกพี่รอง ยังมีตระกูลจ้าว ตระกูลหันและตระกูลเถียนที่ก่อนหน้านี้มอบของปีใหม่มาให้ พวกเรายังต้องเตรียมมอบคืนกลับไปอีก สรุปคือเรื่องที่ต้องทำระยะนี้มีมากมาย เรื่องเพาะปลูกก็มอบให้ผู้อื่นไปจัดการก็แล้วกัน”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังพยักหน้าอย่างดีใจแสดงความเห็นด้วย ความจริงเขาไม่ค่อยอยากให้ลู่เจียวเอาแต่ไปที่หมู่บ้าน แม้ว่าเป็นการทำเรื่องดี แต่เห็นนางทุ่มเทความสนใจให้คนนอก เขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ดีใจกันอย่างมาก “ท่านแม่ พรุ่งนี้ท่านไม่ไปที่หมู่บ้านแล้วใช่หรือไม่”

“ไม่ไปแล้ว”

“อืม อืม เช่นนั้นพวกเราก็จะได้เจอท่านแม่ทุกวัน”

“ใช่ อีกสองสามวัน ท่านพ่อก็จะหยุดแล้ว พวกเราจะได้กลับไปหมู่บ้านตระกูลเซี่ยกัน ดังนั้นสองสามวันนี้พวกเราก็หาเวลาไปเลือกซื้อของขวัญให้คนในหมู่บ้านกัน”

เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินว่าจะได้ออกไปเดินซื้อของกับลู่เจียว ก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก ลืมเรื่องไม่สบายใจก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น

“ท่านแม่ พรุ่งนี้พวกเราไปซื้อของกันดีหรือไม่”

“ได้สิ”

ลู่เจียวรับปากทันที ยามนี้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจแท้จริง ซื่อเป่ากอดคอลู่เจียวกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านแม่ พวกเราไปนอนกันเถอะ คืนนี้ข้าจะร้องเพลงให้ท่านแม่ฟังดีหรือไม่”

“ดีสิ”

ลู่เจียวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปอาบน้ำแปรงฟันเข้านอน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมรู้ความ ไม่ไปรบกวนแม่ลูก ก่อนหน้านี้ตนเองทำให้เจียวเจียวโดนพวกอาจารย์ใหญ่หลูอาจารย์หวังตำหนิ เขาควรรู้ตัวเอง

วันรุ่งขึ้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ตื่นแต่เช้าพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปฝึกยุทธ์ จากนั้นก็กินอาหารเช้าและไปอ่านตำราที่สำนักศึกษาอำเภอชิงเหอ

……………

[1] ระบบการสอบเคอจวี่หรือการสอบของบัณฑิตเพื่อไปสู่การรับราชการเป็นขุนนางในสมัยโบราณของจีน แบ่งออกเป็นหลายระดับ กล่าวโดยสรุปได้แก่

หนึ่ง “การสอบเซี่ยนซื่อ” ผ่านได้เป็น “ถงเซิง”

จากนั้นเข้าร่วม “การสอบฝู่ซื่อ” ผ่านได้เป็น “ซิ่วไฉ”

ถัดไปเข้าร่วม “การสอบเซียงซื่อ” ผ่านได้เป็น “จวี่เหริน” ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งเรียกว่า “เจี่ยหยวน”

ต่อไปก็เป็น “การสอบหุ้ยซื่อ” ผ่านได้เป็น “ก้งซื่อ” ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งเรียกว่า “หุ้ยหยวน”

สุดท้ายคือ “การสอบย่วนซื่อ” ผู้ที่สอบได้สามอันดับแรกก็จะได้ตำแหน่ง “จ้วงหยวน (จอหงวน)” “ปั้งเหยี่ยน” และ “ทั่นฮวา” ตามลำดับ ที่เหลือจะเรียกว่า “จิ้นซื่อ”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version