Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 534

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 534

ตอนที่ 534 ตบจนส่งเสียงร้องไม่ออกจึงยุติ

ลู่เจียวอดส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้ ค่อยๆ กล่าวว่า “ดังนั้นก็คือที่คุณชายรองพวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ ก็เพราะข้าช่วยรักษาให้ท่านหญิง เพราะข้าพบเรื่องราวเซียงจวินในปีนั้น ทำให้เขาแค้นใจข้าหรือ”

ลู่เจียวยิ่งพูดยิ่งโมโหพฤติกรรมชายผู้นี้ แค่นเสียงกล่าวว่า “ที่แท้ก็นับถือโจรเป็นมารดา”

เห็นอยู่ว่าเหลียงฉินทำร้ายน้องสาวเขา ยังทำร้ายมารดาเขา ปรากฏว่าเขาไม่สงสารมารดาตนเอง แต่กลับไปสงสารเหลียงฉิน ใต้หล้านี้คนเช่นไรล้วนมีหมด แต่เหลียงฉินก็ร้ายกาจไม่ธรรมดา ถึงกับเลี้ยงดูบุตรชายท่านหญิงให้มีใจเป็นหนึ่งกับนางได้

หากนางไม่พบเรื่องของท่านหญิง ไม่นานท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ก็จะถูกทำร้ายจนตาย จากนั้นนางก็เข้าแทนที่ตำแหน่งอย่างไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เป็นสตรีร้ายกาจจริงดังคาด มิน่าจึงเสี้ยมสอนเด็กให้มีใจเป็นหนึ่งเดียวกับนางได้

ลู่เจียวกล่าวจบ คุณชายรองจวนอู่กั๋วกงตรงหน้าก็ส่งเสียงด่าทอดขึ้นว่า “เจ้าหญิงบ้าเสียสตินี่หุบปากซะ อะไรที่เรียกว่านับถือโจรเป็นมารดา นางเลี้ยงดูพวกเราจนโต นางมีบุญคุณต่อพวกเรา พวกเราไม่อาจมองดูนางไปตายเช่นนี้ได้”

ก่อนหน้านี้เขาไปขอร้องบิดามาแล้ว น่าเสียดายบิดาไม่ได้สนใจ เขาไปขอร้องท่านยาย ท่านยายโมโหในทันที เอ่ยว่าวันหน้าไม่มีหลานชายเช่นเขา

เนี่ยเยี่ยเจินยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ถลึงตาใส่ลู่เจียวอย่างโกรธแค้น จะมาคิดบัญชีกับนางให้ได้ ไม่คิดว่าด้านหลังมีเสียงฝีเท้าดังมา ทุกคนหันหน้าไปมองด้วยสัญชาตญาณ

เห็นว่าคนที่มาถึงเป็นองค์หญิงใหญ่กับอู่กั๋วกง และซื่อจื่อจวนอู่กั๋วกงพร้อมกับคนอื่นๆ

ทุกคนเดินตรงมา องค์หญิงใหญ่เดินนำมาพร้อมกับเอ่ยขึ้นก่อนว่า “เนี่ยเยี่ยเจิน เจ้าเดรัจฉาน เจ้าคิดทำอันใด”

องค์หญิงใหญ่กล่าวจบก็หันไปมองอู่กั๋วกง กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “หากจวนอู่กั๋วกงพวกเจ้าไม่อาจให้บุตรสาวข้าได้รักษาตัวอย่างสงบได้ เช่นนั้นข้าก็จะพานางกลับจวนองค์หญิงใหญ่”

แม้ว่าอู่กั๋วกงเป็นที่ไว้วางพระทัยฮ่องเต้ แต่ก็ไม่กล้ามีเรื่องกับองค์หญิงใหญ่ มองบุตรชายรองเนี่ยซื่อเจินด้วยสายตาดุดัน ตวาดว่า “ยังไม่รีบไสหัวไป”

น่าเสียดายเนี่ยซื่อเจินร้อนใจจะช่วยคน ไม่เพียงแต่ไม่ไป ยังหันไปทางบิดาตนเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ท่านไม่อาจไม่ช่วยน้าเหลียง หลายปีมานี้นางอยู่ปรนนิบัติดูแลข้างกายท่านมาตลอด ที่นางเป็นเช่นนี้ก็เพราะท่าน ข้าได้ยินน้าเหลียงเล่าว่าเรื่องงานแต่งงานของนางกับท่านในปีนั้นกำหนดไว้แล้ว ท่านแม่ข้ามาแย่งท่านไป หากท่านจะว่าผิด ก็คงเป็นท่านแม่ข้าที่ผิดก่อน”

องค์หญิงใหญ่หันหน้าไปแค่นหัวเราะมองอู่กั๋วกง “ในปีนั้นเจ้ากับเหลียงฉินมีกำหนดแต่งงานแล้วหรือ”

อู่กั๋วกงรีบปฏิเสธ “ข้าไม่ได้หมั้นหมายกับเหลียงฉิน ในปีนั้นมารดาข้าคิดให้เหลียงฉินแต่งกับข้า แต่ข้าเป็นซื่อจื่อจวนอู่กั๋วกง งานแต่งงานข้าไม่อาจกำหนดเองได้ ดังนั้นข้าจึงได้ปฏิเสธงานไป ยังบอกกับมารดาว่า ในฐานะซื่อจื่อ งานแต่งงานไม่อาจตัดสินใจเองได้ งานแต่งงานของพวกเราย่อมต้องได้รับพระราชทานจากฝ่าบาท”

องค์หญิงใหญ่แค่นหัวเราะกล่าวว่า “ในปีนั้นตอนฝ่าบาทพระราชทาน ข้าถามเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า เจ้ายินยอมแต่งบุตรสาวข้าหรือไม่ และบอกให้ดูแลนางให้ดี เจ้าตอบเช่นไร นี่คือคำตอบเจ้าหรือ มีสัมพันธ์หลบซ่อนกับน้องสาวลูกพี่ลูกน้องเจ้า สุดท้ายทำร้ายบุตรสาวและหลานสาวข้า”

อู่กั๋วกงรีบคุกเข่าลงทันที “ท่านแม่ ในปีนั้นเหลียงฉินอยู่ต่อก็เป็นความต้องการของมารดาข้า และท่านเองก็เห็นด้วย ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้มีสัมพันธ์ใดๆ กับเหลียงฉินแม้แต่น้อย”

องค์หญิงใหญ่มองอู่กั๋วกงนิ่งลึกก่อนจะมีคำสั่งไปยังองครักษ์ด้านหลัง “พวกเจ้าไปกรอกยาเหลียงฉินให้นางรีบตายไปซะ ทำร้ายบุตรสาวข้า กลับยังมีชีวิตยืนยาวต่อมาได้ คิดว่าตนเองเป็นตัวอะไรกัน”

องครักษ์องค์หญิงใหญ่รีบรับคำสั่ง “ขอรับองค์หญิง”

เขาหันหลังจะไปปฏิบัติหน้าที่ เนี่ยเยี่ยเจินด้านหลังก็พลันส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง “ท่านยาย ข้าขอร้องท่าน ปล่อยน้าเหลียงไป”

องค์หญิงใหญ่ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยคน ยังออกคำสั่งองครักษ์ข้างกายว่า “นำตัวเขาออกไปตบปาก ตบจนส่งเสียงร้องไม่ออกจึงหยุด”

นางกล่าวจบก็หันหน้าไปมองเนี่ยเยี่ยเจิน น้ำเสียงดุดันกล่าวว่า “ข้าเคยบอกแล้วว่า วันหน้าข้าไม่มีหลานชายเช่นเจ้า ดังนั้นอย่าได้เรียกข้าว่าท่านยายอีก หากเรียกก็จะสั่งให้คนตบปากเจ้า”

เนี่ยเยี่ยเจินฟังจนนิ่งอึ้งตกใจมององค์หญิงใหญ่ เห็นสีหน้านางเอาจริงอย่างมาก

องครักษ์องค์หญิงใหญ่รีบเข้ามาลากตัวเนี่ยเยี่ยเจินออกไป

อู่กั๋วกงและซื่อจื่อจวนอู่กั๋วกงไม่ส่งเสียงสักคำ ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ราวกับคนเสียสติ ผู้ใดเข้ายุ่งผู้นั้นโชคร้าย แม้พวกเขาสงสารเนี่ยเยี่ยเจิน แต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากขอร้อง ส่วนเหลียงฉิน แม้พวกเขาเห็นใจ แต่ก็รู้ว่านี่เป็นโทษความผิดที่นางควรได้รับ

หญิงผู้หนึ่งถึงกับแม้แต่ท่านหญิงก็กล้าให้ร้าย นี่มีความกล้าเหิมเกริมเพียงใดกัน คนทำร้ายเซี่ยนจู่และเซียงจวินยังมีชีวิตอยู่ ช่างรังแกข่มเหงผู้อื่นโดยแท้

องค์หญิงใหญ่จัดการเสร็จก็หันไปมองลู่เจียว สีหน้าอ่อนโยนลงมาก “ลู่เหนียงจื่อ เชิญ”

ยามนี้ลู่เจียวอารมณ์ดีมาก คนไม่แยกแยะผิดถูกเช่นเนี่ยเยี่ยเจินโดนตบเช่นนี้ ควรสมน้ำหน้า!

แต่ลู่เจียวยังคงทอดถอนใจ ผู้ใดว่าพระญาติมีชีวิตที่ดี ชีวิตเช่นนี้ช่างน่าหวาดระแวงให้ต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ขนาดเชื้อพระวงศ์เช่นท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ยังมีคนกล้าทำร้าย ลองคิดดูว่าสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในตระกูลจะมีแต่อุบายชั่วร้ายแก่งแย่งกันเช่นไร ยังดีที่นางเกิดในบ้านนา ยังดีที่ชีวิตพวกนางสงบสุข

ลู่เจียวทอดถอนใจไปก็เดินตามองค์หญิงใหญ่ไปห้องนอนท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ วันนี้ท่านหญิงอารมณ์สงบนิ่งมาก พอเห็นลู่เจียวเข้ามา ก็เอาแต่ยิ้มกอดหมอนตนเองโยกไปมาด้วยสีหน้าราวมารดาผู้เมตตาอารี

ลู่เจียวตรวจชีพจรให้ท่านหญิงและเริ่มฝังเข็มให้นาง เข็มนางชุบน้ำพุจิตวิญญาณ ดังนั้นหลังฝังเข็ม ท่านหญิงก็จะยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ

ลู่เจียวฝังเข็มแล้วก็ลุกขึ้นกล่าวอำลา วันรุ่งขึ้นค่อยมาใหม่

องค์หญิงใหญ่ให้ชิวเยว่ไปส่งนางออกจากจวนอู่กั๋วกง ตลอดทางมา ชิวเยว่เอ่ยขอโทษนางเบาๆ

“ลู่เหนียงจื่อ ท่านอย่าได้สนใจคุณชายรอง สมองเขาเลอะเลือน เห็นอยู่ว่าท่านหญิงจึงจะเป็นมารดาเขา เขาถึงกับปกป้องน้าเหลียง ความจริงก่อนที่เซียงจวินจะหายไป ท่านหญิงรักบุตรชายมาก เซียงจวินติดพี่ชายทั้งสองมาก คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขารู้ว่าน้าเหลียงทำร้ายเซียงจวินกับท่านหญิง ถึงกับคิดขอร้องแทนนาง ช่างไร้คุณธรรมเสียจริง”

ชิวเยว่กล่าวจนสุดท้ายก็ร้องไห้ออกมา ลู่เจียวปลอบใจนางกล่าวว่า “เจ้าเองก็อย่าได้เสียใจไป โลกนี้คนชั่วใดล้วนมี ไม่จำเป็นต้องไปเสียใจให้กับคนแล้งน้ำใจเช่นนี้”

ชิวเยว่พยักหน้า ลู่เจียวพาเฝิงจือกับหร่วนจู๋ออกจากจวนอู่กั๋วกง

พอออกจากจวนอู่กั๋วกง เฝิงจือก็อดด่าทอไม่ได้ “คุณชายรองจวนอู่กั๋วกงไม่ใช่คนจริงๆ”

หร่วนจู๋เอ่ยว่า “หากเป็นบุตรชายข้า ต้องตีเขาให้ตาย”

ลู่เจียวหัวเราะขำมองหร่วนจู๋ “เจ้าไม่มีแม้แต่ผู้ชาย ยังเอ่ยถึงบุตรชาย”

หร่วนจู๋หน้าแดงก่ำวิ่งหนีไปด้วยความเขินอายทันที

พอลู่เจียวขึ้นรถม้า เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็หลับไปแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นดึงนางไปนั่งข้างกายเขา ถามนางอย่างห่วงใย “เป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นอันใดกระมัง”

ลู่เจียวส่ายหน้า แต่ก็มิได้ปิดบังเซี่ยอวิ๋นจิ่น เล่าเรื่องเนี่ยเยี่ยเจินมาขวางทางนางไว้ให้เขาฟัง

สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นนิ่งขรึมลงทันที กุมมือลู่เจียวแน่นเป็นนานก่อนจะกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เจียวเจียว ช้าเร็วสักวันหนึ่ง ข้าจะต้องขึ้นไปตำแหน่งที่สูง จะไม่มีผู้ใดกล้ารังแกเจ้าอีก”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบตัดสินใจแน่วแน่ หากสอบจิ้นซื่อได้ครั้งนี้ เขาจะไม่อยู่เมืองหลวงต่อ แต่จะขอพระราชทานพระราชานุญาตออกไปเป็นขุนนางท้องถิ่น เช่นนี้เจียวเจียวก็ไม่ต้องถูกชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงรังแก รอให้เขาสร้างผลงานกลับเข้าเมืองหลวง ตำแหน่งก็จะสูงขึ้นอีก ถึงตอนนั้นก็จะไม่ถูกคนมากมายรังแกแล้ว

ในรถม้า ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยิ้ม ท่านนี้คือว่าที่โส่วฝู่แห่งแคว้นต้าโจว นางย่อมไม่เป็นห่วงว่าจะถูกคนรังแก และที่ทำให้ลู่เจียวดีใจก็คือครอบครัวพวกนางมาเมืองหลวงกันทั้งครอบครัว เซี่ยอวิ๋นจิ่นเหมือนมิได้ถูกเรื่องราวในนิยายบังคับ พวกนางก็ไม่ต้องแยกจากกัน เช่นนี้ย่อมดีมาก

“อืม ข้าเชื่อท่านพี่”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version