ตอนที่ 531 น่าตกใจ
อู่กั๋วกงจ้องมองเหลียงฉิน แต่ไรมาเขาคิดว่าเหลียงฉินเป็นหญิงเมตตาอารี เพื่อความปรองดองของตระกูลหลิน ถึงกับไม่คิดมีบุตรของตนเอง แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้ว เกรงว่าไม่ได้เป็นดังที่ตนเองคิดแล้ว
“ก็หวังว่าที่เจ้ากล่าวมานั้นเป็นจริง”
เขากล่าวจบก็มองไปยังองค์หญิงใหญ่ “หากสืบพบว่านางไม่ได้ทำอันใด หวังว่าองค์หญิงจะไม่ทำอันใดนางอีกเช่นกัน”
วาจาแฝงความนัยว่าหากสืบพบว่าเหลียงฉินทำอันใดจริง เขาเองก็จะไม่ปกป้องเหลียงฉิน
สีหน้าเหลียงฉินยิ่งซีดเผือด แววตาสิ้นหวัง หลายปีมานี้นางติดตามปรนนิบัติพี่ชายลูกพี่ลูกน้องตนเอง แต่กลับไม่ได้ความโปรดปรานจากเขาแม้แต่น้อยนิด นางพ่ายแพ้แล้ว อย่างไรเขาก็เป็นชายใจร้าย
องค์หญิงใหญ่ไม่สนใจเหลียงฉินอีก หันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “ตอนนี้จะรักษาอาการบุตรสาวข้าได้อย่างไร”
“กินยาก่อนหน้านี้ต่อไป อีกสักครู่ข้าจะเขียนรายการอาหารให้ชุดหนึ่ง ต้องทำอาหารตามรายการที่ให้อย่างเคร่งครัด อย่าเติมอะไรลงไป”
“ได้”
“วันหน้าข้าจะมาฝังเข็มให้ท่านหญิงทุกวัน น่าจะหนึ่งอาทิตย์ นางก็จะไม่คลุ้มคลั่งกัดคนหรือทุบทำร้ายคนอีก สามเดือนก็น่าจะหายดี แต่โรคทางใจยังคงอยู่ วันหน้าหากแตะต้องเรื่องนี้ก็จะกำเริบได้ง่าย โรคทางใจต้องให้หมอโรคทางใจให้ยา วิธีการรักษาที่ดีที่สุดก็คือหาตัวหลิงตังบุตรสาวท่านหญิงให้พบ ขอเพียงหาหลิงตังพบ นางก็จะไม่เกิดความผิดปกติอีก”
องค์หญิงใหญ่ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็มีสีหน้าหนักใจ ค่อยๆ หันไปมองเหลียงฉิน ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นไปได้มากว่าการที่หลิงตังหายตัวไปเกี่ยวข้องกับเหลียงฉิน เช่นนั้นไม่แน่อาจสืบความจริงเรื่องหลิงตังได้จากปาก เหลียงฉิน
แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของจวนอู่กั๋วกง องค์หญิงใหญ่ไม่คิดสืบความต่อหน้าคนนอก ดังนั้นนางมองไปยังลู่เจียว กล่าวว่า “เจ้าไปช่วยเขียนรายการอาหารให้บุตรสาวข้า ชิวเยว่พาลู่เหนียงจื่อไปห้องหนังสือ”
“เพคะ องค์หญิงใหญ่”
ชิวเยว่หันหลังเชิญลู่เจียวให้ตามนางไปเขียนรายการอาหาร ลู่เจียวดึงเข็มเงินออกจากตัวท่านหญิง เหวินอันเซี่ยนจู่ ก่อนจะหันเดินตามชิวเยว่ออกไป นอกประตู เฝิงจือกับหร่วนจู๋ก็รีบตามไป
นายผู้เฒ่าฉีกับฉีเหล่ยตามนางออกมาด้วย ตลอดทางมา นายผู้เฒ่าฉีอดยกนิ้วโป้งชื่นชมนางไม่ได้ “เจียวเจียวร้ายกาจ”
นายผู้เฒ่าฉีกล่าวจบก็ถอนหายใจกล่าวว่า “พวกเราไม่ค่อยใส่ใจรายละเอียดเพียงพอ ทำให้ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ต้องทนทุกข์ทรมานมานานหลายปี”
ฉีเหล่ยกระซิบถามว่า “พวกเจ้าว่า หลิงตังจะเป็นเหลียงฉินผู้นั้นทำหายไปหรือไม่”
ลู่เจียวกับนายผู้เฒ่าฉีพากันเงยหน้าค้อนใส่เขาทีหนึ่ง
ลู่เจียวไปห้องหนังสือ เขียนรายการอาหารให้ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ พร้อมกำชับชิวเยว่ “จะต้องทำอาหารตามรายการนี้อย่างเคร่งครัด อาหารบางอย่าง พวกเจ้าไม่รู้ว่าฤทธิ์ของมัน ดูเดี่ยวๆ ก็ไม่เป็นไร แต่หากรวมกันขึ้นมาก็จะทำให้เกิดอาการรุ่มร้อนใจได้ง่าย ตอนนี้ท่านหญิงห้ามกินอาหารที่ทำให้รุ่มร้อนใจ”
“เจ้าค่ะ บ่าวจดจำได้แล้ว”
ชิวเยว่นอบน้อมต่อลู่เจียวมาก เหนียงจื่ออายุน้อยผู้นี้วิชาการแพทย์กลับสูงส่งเช่นนี้ วันหน้าจะต้องยิ่งร้ายกาจมาก
ชิวเยว่ครุ่นคิดแล้วก็ตามคนเข้ามาพาลู่เจียวออกไป ตนเองนำรายการอาหารไปเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่
ตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กำลังเป็นห่วงลู่เจียว ดังนั้นพอลู่เจียวกลับมา พ่อลูกก็พากันผ่อนคลายลง แต่ละคนเข้าไปรุมล้อมอย่างดีใจ
“เจียวเจียว เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
ลู่เจียวยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ไม่เป็นไร จวนอู่กั๋วกงไม่ใช่สระมังกรรังพยัคฆ์เสียหน่อย มีเพียงผู้ป่วยที่ต้องรักษาเท่านั้น”
นางกล่าวจบก้มหน้ามองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “ท่านแม่ร้ายกาจมากเลยนะ”
เจ้าแฝดสี่หัวเราะดังลั่น พยักหน้าเต็มแรง “ใช่ ท่านแม่ข้าร้ายกาจที่สุด”
“ใต้หล้านี้ไม่มีโรคที่ท่านแม่รักษาไม่ได้”
“ท่านแม่ข้าเป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่งในใต้หล้า วันหน้าข้าจะเป็นหมอเทวดาอันดับสอง”
วาจาซานเป่าทำเอาทุกคนหัวเราะขัน
ซื่อเป่ายื่นมือไปคว้ามือลู่เจียวไว้ ยู่ปากกล่าวว่า “แต่ว่าท่านแม่ พวกเราเป็นห่วงมาก”
ลู่เจียวย่อกายลงอุ้มเขาขึ้นมา “วันหน้าอย่าได้เป็นห่วง การรักษาผู้ป่วยไม่ได้มีอันตรายต่อแม่ มั่นใจในตัวแม่ได้หรือไม่”
วาจาปลอบใจนางทำซื่อเป่ายิ้มจนตาหยี รับคำเสียงดังว่า “ได้”
ทั้งครอบครัวเดินไปกินอาหารกันอย่างเบิกบานใจ
วันรุ่งขึ้น จวนตระกูลหลิวก็ส่งเทียบมาเรียนเชิญอีก เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ค่อยอยากไป เพราะพวกเขาพอรู้มาบ้างว่าฮูหยินตระกูลหลิวอะไรนั่นไม่ชอบพวกเขา เช่นนั้นพวกเขาจะไปจวนตระกูลหลิวทำไม
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นคุยให้พวกเขาฟังว่า “ฮูหยินผู้นั้นไม่ดี แต่ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวดีมาก และท่านน้าจื่อเหยียนก็เป็นคนดี ก่อนหน้านี้แม่กับจื่อเหยียนสาบานเป็นพี่น้องกัน เพียงเพราะฮูหยินหลิวคนเดียวก็ไม่ไปเยี่ยมเขาหรือ พวกเจ้ารู้ไหม ฮูหยินหลิวผู้นั้นคือมารดาเลี้ยงของน้าจื่อเหยียน ท่านแม่เขาถูกคนตระกูลหลิวรังแก พวกเราไม่ควรไปช่วยช่วยพวกเขาหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวเสริมว่า “จวนตระกูลหลิวเป็นจวนโส่วฝู่ในตอนนี้ พวกเจ้ารู้ใช่ไหมว่าโส่วฝู่เป็นตำแหน่งขุนนางใหญ่เก่งกาจของแคว้นต้าโจว คนเขาส่งเทียบเชิญมา แม้ไม่ชอบก็ไม่อาจแสดงออก พวกเจ้าเติบโตไปต้องพบเจอคนมากมาย บางคนไม่ชอบ แต่กลับต้องสมาคมกับคนผู้นั้น จะทำเช่นไร แม้ไม่ชอบก็ไม่อาจแสดงออก เก็บไว้ในใจก็พอ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดแล้วก็เห็นด้วย กล่าวรับคำจริงจังว่า “พวกเราทราบแล้ว”
พวกเขาแม้ว่าอายุยังน้อย แต่เคยพบคนที่ไม่ชอบ สุดท้ายยังต้องอดทนอยู่ร่วมกับพวกเขา
“ท่านพ่อ พวกเราเข้าใจแล้ว”
ทั้งครอบครัวแต่งตัวเรียบร้อย ก็นำบ่าวรับใช้เดินทางไปจวนตระกูลหลิว
ณ ตระกูลหลิว หลิวโส่วฝู่หาเวลาว่างครึ่งวันมาต้อนรับแขกโดยเฉพาะ
ลู่เจียวรักษาบุตรชายเขาหาย นับว่าเป็นแขกมีเกียรติของจวนโส่วฝู่ หากเขาไม่ต้อนรับแล้วถูกขุนนางตรวจสอบรู้ คงยื่นฎีกาตำหนิเขา ดังนั้นเขาต้องทำตามมารยาทให้ดี แต่หลิวโส่วฝู่ก็ยังคงซาบซึ้งใจลู่เจียว อย่างไรนางก็รักษาบุตรชายเขาหาย
“ท่านนี้คือลู่เหนียงจื่อ?”
หลิวโส่วฝู่เห็นลู่เจียวก็ตกใจ พร้อมกับมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
แม้เขารู้มาก่อนแล้วว่าคนที่รักษาบุตรชายหายเป็นสตรีอายุน้อย แต่พอได้พบจริง ก็แทบไม่อยากจะเชื่อ
ประเด็นคือสตรีนางนี้ไม่เพียงแต่อายุน้อย หน้าตายังงดงาม คนเช่นนี้มักทำให้คนมองข้ามความสามารถนางไปได้อย่างง่ายดาย
ณ โถงกลางตระกูลหลิว ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวถลึงตาใส่บุตรชายตนอย่างไม่พอใจ
“นี่ก็คือเจียวเจียว นางเป็นคนรักษาบุตรชายเจ้าหาย เจ้ายังไม่ขอบคุณนางอีก”
หลิวโส่วฝู่ได้ทำตามบิดามารดาตน รีบขอบคุณลู่เจียว “ขอบคุณลู่เหนียงจื่อที่รักษาบุตรชายข้าจนหาย”
ลู่เจียวพยักหน้ายิ้มกล่าวว่า “แม้เขาไม่ใช่บุตรชายหลิวโส่วฝู่ ข้าก็ย่อมให้ความช่วยเหลือ”
พูดถึงเรื่องนี้ ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวก็มีสีหน้าภาคภูมิใจเอ่ยว่า “วาจาเจียวเจียวนี้กล่าวได้ไม่ผิด นางไม่ได้มาเพราะหลิวโส่วฝู่ เจียวเจียวช่วยเหลือคนมากมาย เช่นว่าเพื่อนบ้านเราป่วย ก็ล้วนไปหาเจียวเจียวตรวจรักษา เจียวเจียวก็รักษาให้หมด”
ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวกล่าวจบ ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ก็แค่นเสียงฮึเยียบเย็นไม่พอใจ “ท่านแน่ใจหรือว่านางไม่ได้สร้างเรื่องพวกนี้ให้พวกท่านดู”
วาจานี้กล่าวกระจ่างชัดว่าเพราะลู่เจียวรู้สถานะหลิวโส่วฝู่ ดังนั้นจึงจงใจแสดงละครให้ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวดู
