Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 616

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 616

ตอนที่ 616 ตีเหล็กเมื่อร้อน

พอลู่เจียวกล่าว มหาบัณฑิตหลิวก็โมโห “กล่าวเช่นนี้ ก่อนหน้านี้บรรดาคนที่รักษาอาการป่วยมีเจตนาร้ายต่อนางทั้งหมด ทำให้นางโมโหหรือ”

มหาบัณฑิตหลิวโมโห ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวบนเตียงก็ตกใจ หันหน้าไปมองอย่างตื่นตระหนก

ลู่เจียวรีบปลอบใจนาง “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”

นางกล่าวจบหันไปมองมหาบัณฑิตหลิว เขารีบร้อนตัวไม่พูดอันใดอีก ลู่เจียวกล่าวกับเขาว่า “ท่านอย่าเอาแต่โมโหเดือดดาลเช่นนี้ การทำเช่นนี้จะยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของนางทำให้นางระเบิดโทสะขึ้น”

มหาบัณฑิตหลิวรับคำอย่างเชื่อฟัง “ข้าทราบแล้ว”

เขากล่าวจบก็ถามลู่เจียว “เจ้ารู้ว่าภรรยาข้าป่วยด้วยโรคอันใดหรือไม่”

“ความจริงก่อนหน้านี้ตอนข้าเข้าก็ได้สอบถามพวกเขามาบ้างแล้ว อาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่า ข้าก็พอจะคาดเดาได้ว่านางป่วยด้วยโรคอันใด”

มหาบัณฑิตหลิวมองลู่เจียวอย่างตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล่าวอย่างมั่นใจว่าภรรยาเขาป่วยด้วยโรคอันใด หลายคนก่อนหน้านี้มาตรวจแล้วก็ไม่อาจกล่าวออกมาได้ตรงๆ ว่าฮูหยินผู้เฒ่าป่วยด้วยโรคอันใด แม้แต่หมอหลวงในวังก็พูดไม่กระจ่าง พอตรวจเสร็จ สักครู่ก็บอกว่าหลอดเลือดสมองฮูหยินหลิวไม่ดี อีกสักครู่ก็บอกว่านางอาจหลอดเลือดสมองอุดตันเข้าแล้ว

แต่พวกเขาจ่ายยามาไม่น้อย ก็รักษาไม่หาย ยังมีคนบอกว่านางเป็นโรคสูญเสียการควบคุมตนเอง ปรากฏจ่ายยามาก็ไม่ถูกโรคอีก

ลู่เจียวหลังจากตรวจดูภายนอก ก็แน่ใจว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเป็นโรคอัลไซเมอร์จริง

“ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเป็นโรคอัลไซเมอร์ ก็คือโรคคนชราสมองเสื่อม ตอนนี้อยู่ในระยะกลาง ความคิดสับสน ไม่อาจพูดจา ไม่อาจอยู่เพียงลำพัง อารมณ์หงุดหงิดง่าย มักเดินไม่หยุด และปัสสาวะราด รอจนระยะสุดท้าย ชีวิตประจำวันก็ไม่อาจจัดการตนเองได้ ปัสสาวะอุจจาระก็จะไม่อาจควบคุม จนกระทั่งสลบไม่ได้สติ”

มหาบัณฑิตหลิวได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ยิ่งสะเทือนใจ ยืนขึ้นอย่างตื่นตระหนกไม่อาจควบคุม “นี่ไม่ใช่หลอดเลือดสมองอุดตันหรือ”

ลู่เจียวส่ายหน้า “ไม่ใช่หลอดเลือดสมองอุดตัน หากหลอดเลือดสมองอุดตันยังรักษาค่อนข้างง่าย แต่โรคชราความจำเสื่อมรักษายากมาก”

ลู่เจียวกล่าวจบ มหาบัณฑิตหลิวก็คล้ายสะเทือนใจ ยามนี้เหม่อลอยไร้สติ แววตาถึงกับแดงก่ำ เขามองฮูหยินผู้เฒ่าหลิวบนเตียง กล่าวว่า “นางป่วยเช่นนี้ต้องเป็นเพราะข้าทำร้ายนาง เป็นข้าทำร้ายนางเอง”

ลู่เจียวคิดเอ่ยแต่ก็มิได้เอ่ยออกมา ในบรรดาคนชราก็จะมีอาการป่วยเช่นนี้ไม่น้อย

แต่คิดถึงว่าความทุกข์ของฮูหยินผู้เฒ่าหลิวที่เคยประสบมา ลู่เจียวได้แต่เงียบ

ครั้งเห็นอารมณ์มหาบัณฑิตหลิวไม่อาจควบคุมได้เช่นนี้ นางก็เอ่ยขึ้นว่า “แต่ข้าเคยศึกษาโรคพวกนี้มาเคยค้นหาวิธีการรักษามา ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าหลิวยังมีความหวังว่าจะรักษาหายได้”

หากนางไม่มีน้ำพุจิตวิญญาณ กล่าวตามตรงก็ไม่มีทางรักษาหายจริงๆ แต่เพราะนางมีน้ำพุจิตวิญญาณ ดังนั้นรักษาได้ นี่นับว่าเป็นโชคดีของฮูหยินผู้เฒ่าหลิวกระมัง

มหาบัณฑิตหลิวได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็รีบหันไปมองลู่เจียวทันที “เจ้าว่าเจ้ารักษาได้?”

“ใช่ ข้าเคยศึกษาการรักษาโรคนี้มา ไม่อาจกล่าวว่าหายดี แต่ย่อมรักษาจนนางจดจำคนได้ มีชีวิตดังคนปกติได้”

นี่นับเป็นผลการรักษาที่ดีที่สุดแล้ว มหาบัณฑิตหลิวดีใจมาก เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “เช่นนั้น เจ้ารักษานาง ขอเพียงเจ้ารักษานางหาย ไม่ว่าเจ้าต้องการอันใด ข้ารับปากเจ้าได้หมด”

ลู่เจียวรีบยิ้มรับคำ “เช่นนั้น มหาบัณฑิตหลิวก็รับบุตรชายข้าเป็นศิษย์ได้หรือไม่”

มหาบัณฑิตหลิวก้มหน้ามองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทันที กล่าวตามตรง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่หน้าตาน่ารักมาก รับคนไหนไม่รับคนไหนก็ทำเอาเขาลำบากใจไม่น้อย

มหาบัณฑิตหลิวถามลู่เจียว “เจ้าคิดให้ลูกคนไหนคารวะข้าเป็นอาจารย์”

ลู่เจียวกล่าวอย่างไม่เกรงใจทันทีว่า “ให้ทั้งสี่คนคารวะมหาบัณฑิตหลิวเป็นอาจารย์ดีหรือไม่”

ลู่เจียวกล่าวจบ ในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เงยหน้าพรึ่บมองไปยังลู่เจียว นี่ตีเหล็กเมื่อร้อนหรือ ยังเป็นดังสิงโตงับคำโตอีกด้วย

มหาบัณฑิตหลิวคิดว่าตนเองฟังผิด เงยหน้ามองลู่เจียว

เขาอายุปูนนี้แล้ว รับศิษย์หนึ่งคนไว้เป็นสีสันชีวิตวัยชราสักหน่อยก็พอ รับสี่คนไม่ใช่ทำเอาเขาเหนื่อยตายหรือ

แต่มหาบัณฑิตหลิวเห็นสีหน้าหนักแน่นจริงจังของลู่เจียว

มหาบัณฑิตหลิวหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “มากเกินไปกระมัง”

ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “เจ้าหนูน้อยทั้งสี่บ้านเราฉลาดมาก รับรองไม่ทำให้ท่านต้องหนักใจอันใด ท่านก็รับพวกเขาไว้เถอะ”

ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่รอให้มหาบัณฑิตหลิวตกปากรับคำ กล่าวต่อทันทีว่า “หากท่านรับบุตรชายข้าทั้งหมดไว้ วันหน้าสมุนไพรใช้รักษาฮูหยินผู้เฒ่าข้าออกเอง กล่าวตามตรงในจำนวนยาพวกนี้มีสมุนไพรมีราคาไม่น้อย ยังต้องให้ข้าเป็นคนปรุงเป็นยาน้ำเองอีก มีราคาดังทองคำพันชั่ง มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ หากนายผู้เฒ่ารับบุตรชายทั้งสี่ข้าไว้ ข้าก็จะรับภาระทั้งหมดนี้เอง”

มหาบัณฑิตหลิวไม่กลัวเสียเงินทอง ประเด็นคือเขากลับคิดว่าหากว่าไม่รับ ลู่เจียวก็จะสะบัดหน้าไปไม่รักษาให้เขา

เขารู้ว่าโรคของภรรยาตนเอง นอกจากลู่เจียว ตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดรักษาได้ และท่าทางพูดอย่างมั่นใจของลู่เจียวเช่นนี้ ย่อมต้องมีวิธีการรักษาที่ดี เขาจะปฏิเสธนางได้อย่างไร

มหาบัณฑิตหลิวมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ สุดท้ายก็กัดฟันกล่าวว่า “ข้าทดสอบก่อน ทดสอบพวกเขาเสียก่อน หากได้ ข้าก็จะรับไว้ทั้งหมด หากไม่ได้ เจ้าก็อย่าได้โทษข้า แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะรับไว้คนหนึ่ง”

เขากล่าวเช่นนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็วางใจ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พวกเขาได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี ไม่กลัวการทดสอบของมหาบัณฑิตหลิว ขอเพียงเขาได้ลองทดสอบ ย่อมต้องยอมรับพวกเขาทั้งสี่ไว้

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวยิ้มพร้อมกัน “ตกลง”

มหาบัณฑิตหลิวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปห้องหนังสือ

ลู่เจียวหันไปเป็นเพื่อนคุยฮูหยินผู้เฒ่าหลิว คนป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ การจดจำยากลำบาก ไม่ยอมรับคนแปลกหน้า ลู่เจียววางแผนจะอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่าก่อน จากนั้นก็ค่อยรักษานาง

เพราะลู่เจียวเปล่งประกายแห่งความเมตตา ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมไม่ปฏิเสธนาง เล่นกับนางได้ครู่หนึ่งก็ถึงกับเข้าไปดึงมือนางมาทำท่าเล่นแข่งขัน

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นภาพทุกอย่างนี้ ในใจก็พึงพอใจ สายตาที่มองลู่เจียวเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

ทางห้องหนังสือ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทำมหาบัณฑิตหลิวตกใจตะลึงไปแล้ว เด็กอายุหกขวบฉลาดเช่นนี้หรือ ไม่เพียงแต่จดจำอักษรได้มากมาย ประเด็นสำคัญก็คือท่องหนังสือได้คล่องราวสายน้ำ ยังมีความรู้อื่นอีกมากมาย เช่นเรื่องการเกษตร วาดภาพ คำนวณ ทักษะภาษาและการอ่าน

มหาบัณฑิตหลิวทดสอบแล้ว ก็ไม่ลังเลที่จะตัดสินใจรับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เอาไว้ ไม่อบรมสั่งสอนทั้งสี่ให้ดี ถือว่าเสียของยิ่ง

เหตุใดตระกูลเซี่ยจึงได้เลี้ยงดูออกมาเช่นนี้ได้ มหาบัณฑิตหลิวถามต้าเป่า “พวกเจ้าล้วนเก่งมาก ผู้ใดสอนพวกเจ้า”

“ท่านพ่อข้ากับท่านแม่ข้า แต่ท่านแม่ข้ามากกว่า ท่านแม่ข้าร้ายกาจมาก ก่อนหน้านี้นางสร้างอนุบาลที่บ้านด้วย ท่านมหาบัณฑิตหลิวรู้ไหมว่าอนุบาลคืออันใด”

เอ้อร์เป่ากล่าวอย่างดีใจว่า “ก็คือที่ที่เด็กๆ จะได้เล่นกันเป็นหลัก ไม่ใช่เรียนเป็นหลัก อนุบาลบ้านเรามีห้องนิทาน ห้องวาดภาพ ห้องต่อภาพ ยังมีแปลงปลูกให้เรียนรู้การหว่านเพาะ ใช่แล้ว ยังออกไปเล่นแข่งขันด้านนอกได้ด้วย เหล่านี้ล้วนเป็นท่านแม่ข้าคิดออกมา”

ซานเป่ามองมหาบัณฑิตหลิวกล่าวว่า “ท่านแม่ข้านอกจากเป็นเรื่องพวกนี้แล้ว นางยังรักษาอาการป่วยได้ ใช่แล้ว ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะเจริญรอยตามเป็นหมอเหมือนท่านแม่ข้า เป็นหมอเทวดารักษาคน”

นายผู้เฒ่าหันมองไปยังซานเป่าทันที “เป็นเด็กที่มีปณิธานยอดเยี่ยมมาก”

มหาบัณฑิตหลิวไม่ได้รู้สึกว่าคนฉลาดต้องไปสอบเคอจวี่แต่อย่างใด คนเราทำในสิ่งที่ตนชอบ เรื่องที่ตนชอบก็พอ

ซานเป่ากล่าวจบ ซื่อเป่าก็รีบกล่าวทันทีว่า “ปณิธานข้าก็คือเป็นคหบดีร่ำรวยที่สุดในแคว้นต้าโจว ข้าจะหาเงินให้มากๆ จากนั้นก็จะซื้อบ้านที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นต้าโจวให้ท่านแม่ข้า ในบ้านจะมีบ่าวรับใช้มากมายคอยปรนนิบัติท่านแม่ข้า ทุกวันนางแค่ปลูกดอกไม้ปลูกพืช หาคนมาคุยด้วยก็พอแล้ว”

ซื่อเป่ากล่าวจบก็เสริมอีกว่า “ตอนนี้นางยุ่งมาก เหนื่อยมาก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version