ตอนที่ 936 ไม่ขยับ
ลู่เจียวมองเฝิงเจิน พลันคิดถึงว่ารางวัลความสามารถอ่านใจหลังทำภารกิจภพก่อนสำเร็จ
มาถึงตอนนี้นางยังไม่รู้ว่า ความสามารถอ่านใจนี้มีประโยชน์หรือไม่ วันนี้ได้ทดลองใช้พอดี
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็รีบเพ่งความสามารถอ่านใจ แน่นอนว่ากำลังอ่านใจเฝิงเจินตรงหน้า
ความสามารถอ่านใจเริ่มขึ้น ลู่เจียวพลันเห็นเหนือศีรษะเฝิงเจินมีคำพูดลอยขึ้นมาเป็นชุด หากไม่เหนือความคาดหมายก็คือความคิดที่เฝิงเจินคิดจะทำ
หญิงผู้นี้วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น เสียสติหรือ อยู่ดีๆ เหตุใดจึงเสียสติไปได้ นางต้องการทำอันใดกันแน่
คงไม่ใช่สมองถูกกระทบกระเทือนกระมัง
ลู่เจียวอ่านใจครู่หนึ่ง พบว่าในใจหญิงผู้นี้กำลังด่านาง
ลู่เจียวอ่านใจครู่หนึ่งก็ไม่คิดสนใจอีก ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินออกไป ตอนเดินผ่านเฝิงเจิน ยังมองไปยังแฝดชายหญิงข้างกายเฝิงเจินทีหนึ่ง แฝดชายหญิงไม่เหมือนกับตู้เยี่ยนแม้แต่นิดเดียว
ตู้เยี่ยนร่างผอมเล็กคล้ายเด็กอายุสามสี่ขวบแต่แฝดชายหญิงเฝิงเจินกลับเลี้ยงดูจนอ้วนขาวจ้ำม่ำ ตอนไม่พูดจาก็น่ารักมาก แต่สองคนนี้ถูกคนตระกูลตู้เอาใจจนเสียคนไปเสียแล้ว
เด็กสองคนเห็นลู่เจียวมองพวกเขาก็ไม่กลัว ถลึงตาใส่นางก่อนเชิดหน้าท่าทางไม่เกรงกลัวนาง
ลู่เจียวอดเม้มปากยิ้มไม่ได้ นางมีวิธีจัดการอบรมเด็กน้อยมากมาย
ลู่เจียวเดินผ่านสองเด็กน้อย เดินไปหาตู้เยี่ยน พบว่าเด็กน้อยผงะถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ แววตาเย็นเยียบระวังตัว แม้ว่าในใจนางเกลียดท่านแม่ แต่ก็กลัวนาง
ลู่เจียวไม่ได้คิดสานสัมพันธ์กับนางในตอนนี้ เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ตามมา”
นางกล่าวจบก็หันหลังออกไป ตู้เยี่ยนกลัวโดนตี ได้แต่ค่อยๆ เดินตามนางไป พอเดินถึงประตูก็ก้าวอยู่นาน กว่าจะโงนเงนก้าวออกไปได้ ตู้หลิงซีกับตู้จั๋วด้านหลังส่งเสียงหัวเราะเยาะไล่ตามหลังมาทันที
“ฮ่าๆ เหมือนตัวโง่เง่าเลย ก้าวข้ามประตูก็ไม่พ้น สวะ”
“ยังคิดตีพวกเรา ครั้งหน้าตีอีก พวกเราก็จะตีนางให้ตาย”
วาจาเด็กน้อยสองคนไม่กลัวที่จะเอ่ยต่อหน้าลู่เจียว เฝิงเจินแสร้งอบรมท่าทางไม่พอใจ “พูดจาเหลวไหลอันใด นั่นเป็นพี่สาวพวกเจ้านะ”
แต่วาจาที่กล่าวออกไปไม่ได้ดูน่าเกรงขามอันใด ดังนั้นเด็กน้อยสองคนก็มิได้หุบปาก
ตู้เยี่ยนก้าวข้ามธรณีประตูมา หันหน้าไปมองพวกเขาด้วยแววตาแค้นใจ ตู้หลิงซีโมโหเอ่ยว่า “มองอันใด มองอีกข้าจะตีเจ้า”
กล่าวจบมองเฝิงเจินเอ่ยเรียกว่า “ท่านแม่ ก่อนหน้านี้นางตีข้า ท่านแม่รีบให้คนจับนางไปขังไว้ในศาลบรรพชน”
ลู่เจียวตรงหน้าได้ยินแล้ว แววตาก็เยียบเย็น หันหน้าไปเรียกตู้เยี่ยน “ยังไม่ตามมา”
ตู้เยี่ยนรีบตามไป ไม่สนใจคนด้านหลังอีก
เพราะลู่เจียวเป็นผู้ใหญ่ก้าวได้ยาวกว่า ตู้เยี่ยนด้านหลังตัวเล็ก เดินได้ช้า ดังนั้นลู่เจียวเดินได้สองก้าวก็หยุดรอนาง
เช่นนี้พอรอพวกนางเดินถึงเรือนด้านหน้า บ่าวรับใช้จวนป๋อก็มารอกันแล้ว
แต่ก็มีบ่าวรับใช้ไม่น้อยไม่ได้มา คนเหล่านี้บ้างก็เป็นผู้ดูแลที่ต่างๆ บ้างก็เป็นคนของฮูหยินผู้เฒ่า พวกเขาล้วนไม่เห็นเจ้าของร่างเดิมอยู่ในสายตา ฮูหยินผู้นี้ก็เป็นเพียงแค่ตำแหน่งว่างเปล่าไร้อำนาจเท่านั้น
ลู่เจียวมาถึง หรงหมัวมัวรีบยกเก้าอี้มาให้นางนั่ง เบื้องหน้าเสียงดังเซ็งแซ่ หลายคนไม่เข้าใจลู่เจียวให้คนตามพวกเขามาด้วยเหตุใด
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น “แท้จริงมีเรื่องอันใดกัน อยู่ดีๆ ตามพวกเรามากันทำไม พวกเรากำลังยุ่งอยู่เลย”
“ใช่ พวกเรายุ่งมาก ไม่มีอันใดเรียกพวกเรามาทำอันใดกัน”
ลู่เจียวฟังพวกเขาพูดอยู่ครู่หนี่ง ก็เอ่ยช้าๆ ว่า “พวกเจ้ายุ่งมากหรือ”
มีคนส่งเสียงดังขึ้น “ใช่ ฮูหยิน พวกเรายุ่งมาก ต้องทำงาน”
เฝิงเจินเอ่ยว่า “ใช่ ท่านพี่ พวกเขาล้วนมีงาน ท่านพี่มีงานก็สั่งการข้าก็ได้ ไยต้องเรียกพวกเขามาด้วย”
ลู่เจียวหันไปมองเฝิงเจิน ค่อยๆ กล่าวว่า “น้องสาวข้าอยู่จวนเหวินชางโหว เจ้าในฐานะอนุ มีสิทธิ์เรียกข้าว่าท่านพี่หรือ วันหน้าเรียกข้าว่าฮูหยิน”
พอกล่าววาจานี้ออกไป ทุกคนในที่นั้นต่างนิ่งอึ้งมอง เฝิงเจินเองก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน นางมองลู่เจียวด้วยสีหน้าตกใจ “ท่านพี่ ท่านพี่หมายความเยี่ยงไร”
ลู่เจียวยิ้มอ่อนโยนกล่าวว่า “วาจาข้ายากเข้าใจหรือ ในฐานะอี๋เหนียงก็ควรรู้ตนเองในฐานะอี๋เหนียง อย่าได้สับสนสถานะตนเอง ให้ผู้อื่นเรียกเจ้าว่าฮูหยินรอง เจ้าก็กลายเป็นฮูหยินรองหรือ”
กล่าวจบ ลู่เจียวก็ไม่สนใจเฝิงเจิน หันไปมองบ่าวรับใช้ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “วันนี้ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อบอกพวกเจ้าว่า นับแต่วันนี้ไป จวนป๋อต้องมีธรรมเนียม อย่าได้ทำเช่นเมื่อก่อนที่ไร้ธรรมเนียมเช่นนั้น ไม่รู้จักฮูหยินหรืออนุ ทำเอาวุ่นวายสับสนกันไปหมด”
“นับแต่วันนี้ไป จวนจงอี้ป๋อ ข้าหลิ่วเสียนพูดคำใดคำนั้น ผู้อื่นล้วนไม่มีสิทธิ์จัดการเรื่องในจวนป๋อ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ขึ้น
เฝิงเจินร้องไห้ขึ้นมา “ท่านพี่เสียน วันนี้ท่านพี่เป็นอันใดไปหรือ คิดทำอันใด”
ลู่เจียวหันไปมองเฝิงเจิน เอ่ยเยาะว่า “เฝิงอี๋เหนียง ดูแลจวนจนสมองเสื่อมหรือ วาจาข้ายากเข้าใจหรือ เจ้าในฐานะอี๋เหนียงก็ควรดำรงสถานะอี๋เหนียง วันหน้าไม่มีอันใดก็อยู่แต่ในเรือนตนเอง เย็บปักถักร้อยปลูกต้นไม้ไป อย่าได้แล่นออกมาเสนอหน้าอย่างไม่รู้จักสถานะตนเอง คิดไปเองว่าตนเองมีความสามารถ ข้าไม่อยากให้วันหน้าในจวนป๋อมีคำว่าฮูหยินรองอันใดอีก จวนป๋อมีเพียงอี๋เหนียง ไม่มีฮูหยินรอง”
วาจานี้ฉีกหน้าเฝิงเจินหมดสิ้น นางโมโหถลึงตาใส่ลู่เจียว กัดฟันกรอดกล่าวว่า “ท่านพี่เสียนทำเช่นนี้ไม่กลัวท่านพี่จะลงโทษหรือ”
ลู่เจียวแค่นยิ้มกล่าวว่า “เหอะๆ เพื่ออี๋เหนียงคนหนึ่ง ลงโทษภรรยาเอก หากเขาไม่กลัวขุนนางตรวจการยื่นฎีกาว่าเขาโปรดปรานอนุทำร้ายภรรยาเอก ข้าก็ไม่ถือสาหากเขาจะมาลงโทษข้า เขากล้าลงโทษข้าหรือ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่มองเฝิงเจินอีก แต่มองไปยังตู้หลิงซีกับตู้จั๋ว กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “บุตรอนุสองคนนี้ถึงกับกล้าแย่งของพี่สาวบุตรีภรรยาเอก ธรรมเนียมตระกูลตู้ใช้ไม่ได้จริงๆ”
นางกล่าวจบก็หันไปสั่งการว่า “นำตัวคุณหนูรองกับคุณชายใหญ่ออกไปตีมือคนละยี่สิบที”
น่าเสียดายลู่เจียวกล่าวจบ ไม่มีผู้ใดสนใจ
ยามนี้ลู่เจียวยิ้มมองไปยังทุกคน “ดูท่าข้าสั่งการพวกเจ้าไม่ได้สินะ”
นางกล่าวจบมองไปยังพ่อบ้านทังจงจวนจงอี้ป๋อ
ทังจงเป็นพ่อบ้านเก่าแก่ในจวนป๋อ ตั้งแต่เฝิงเจินดูแลจวน เขากับฮูหยินรองก็สนิทกันมาก ตอนนี้ฮูหยิน พลันมีคำสั่งให้ทำเรื่องนี้ ทังจงรู้สึกลำบากใจ
เพียงแต่ต่อหน้าสายตาบีบคั้นของลู่เจียว ทังจงไม่กล้า
“พ่อบ้านทังจะเตรียมตัวย้ายไปอยู่ตระกูลอื่นหรือ”
พ่อบ้านทังตกใจมาก เขาอายุปูนนี้แล้วจะย้ายไปอยู่ตระกูลใดได้กัน
บ่าวรับใช้จวนป๋อคนอื่นๆ ไม่รู้ แต่ทังจงรู้ว่าที่จวนป๋อมีหน้ามีตาได้อย่างราบรื่นก็เพราะฮูหยินนำสินออกเรือนของตนเองออกมาหมุนเวียนใช้จ่ายทุกเดือน หากนางไม่นำเงินมาหมุนเวียน จวนป๋อไม่มีทางมีเงินพอใช้
อย่าเห็นว่าจวนจงอี้ป๋อมีหน้ามีตา ความจริงภายในกลวงมาก เพราะก่อนฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองราชย์ จวนจงอี้ป๋อเลือกข้างผิด ต่อมาถูกฝ่าบาทหาข้อบกพร่องลดบรรดาศักดิ์จากโหวเป็นป๋อ
ตอนนี้จวนป๋อก็แค่ภายนอกดูดีเท่านั้น ความจริงกล่าวตามตรง ทุกคนในจวนป๋อล้วนอาศัยสินออกเรือนของฮูหยิน พวกเขาล้วนใช้เงินทองของฮูหยินทั้งสิ้น