ตอนที่ 112-2
ลูบคลำก้นท่านมั่ว
“ข้าไม่มีวันโกหกเสี่ยวเกอเอ๋อร์” นํ้าเสียงอันผ่อนคลายของซือมั่ว ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกราวกับได้รับคำสาบานอันหนักแน่น
นางมองเขา พลางคิดในใจว่า ‘ชายผู้นี้ ยิ่งใหญ่ทว่าลึกลับ เชื่อได้จริงๆ รึ’ ภาพทั้งหมดในช่วงเวลาที่ได้รู้จักกับซือมั่วได้โลดแล่นเข้ามาในหัวของนางราวกับภาพในโทรทัศน์
จนกระทั่งภาพได้กลับมาในตอนนี้ นางพบว่า ดูเหมือนชายผู้นี้ไม่เคยทำอะไรที่ส่งผลเสียต่อนางเลย ในทางกลับกัน นางต่างหากที่คอยระแวงเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงขั้นอ้างถึงเขาเพื่อให้ตนเองโกหกได้สำเร็จ
เช่นนี้ ราวกับว่าตนเองต่างหากที่ไม่ดีพอ แก้มแดงกํ่าขึ้นมาในทันที ความรู้สึกกีดกันในใจที่มีต่อซือมั่วก็ลดลงไปมาก แต่ทว่า การเป็นศัตรูในจินตนาการและคู่แข่งที่ท้าทายยังคงไม่แปรเปลี่ยน เพียงแค่ไม่จำกัดความเขาว่าเป็นบุคคลอันตรายดังเช่นที่ผ่านมา
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์พวกเราทำเรื่องต่อไปกันได้แล้วรึยัง?” อยู่ๆ ซือมั่วก็พูดขึ้นมา
“เรื่องอะไรหรือ” มู่ชิงเกอที่ได้สติจากความรู้สึกอันสับสนวุ่นวายอึ้งไป
“แน่นอนว่า…” ในขณะที่ซือมั่วพูดก็ได้พลิกตัวอย่างกะทันหัน ทำให้ทั้งสองใกล้กันมากขึ้น ซือมั่วกดร่างบางของมู่ชิงเกอลงบนเตียง “ให้ข้าอุ่นเตียงให้เจ้า” สายตาของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไปในทันที ดวงตาทั้งสองค่อยๆ หรี่ลง พลันผุดรอยยิ้ม “ได้สิ” พูดจบ นางก็ยื่นมือออกไป หลังจากนั้นก็สอดมือล้วงเข้าไปในเสื้อตัวหลวมของซือมั่ว มือทั้งสองจับเอวที่มีกล้ามเป็นมัดๆ เอาไว้ จนถึงขั้นที่ว่าออกแรงดึงเขาเข้ามาอย่างใจกล้า ทำให้ระยะห่างของทั้งสองกลายเป็นศูนย์ ใบหน้าอันงดงามละเอียดลออของซือมั่วแฝงความตะลึง มู่ชิงเกอที่ใจกล้าเช่นนี้เขายังไม่เคยเจอ
แม้ว่านางจะไม่ได้เสแสร้งเหมือนดั่งหญิงสาวทั่วไป แต่ก็ไม่ได้เป็นดั่งตอนนี้แน่นอน
ในส่วนลึกของดวงตาสีนํ้าผึ้ง มีความฉงนใจเกิดขึ้น
ร่างกายส่วนล่างของเขา สามารถกระตุ้นความอยากในใจของเขาได้ในส่วนลึกของดวงตาของเขาคือใบหน้าที่เขาเฝ้ารอคอยทุกวันทุกคืน………….
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เปลี่ยนแปลงไปของตนเองอย่างชัดเจน
หากว่าก่อนที่จะมาคราวนี้ เขายังไม่มั่นใจว่าตนเองรู้สึกอย่างไรกับมู่ชิงเกอ ทว่าตอนนี้เขาเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว
เสี่ยวเกอเอ๋อร์จะต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว! เขาจะไม่ยอมให้ใครได้เชยชมความดีงามของนาง เขาจะร่วมชื่นชมแบ่งปันโลกใบนี้ไปพร้อมกับนาง และจะท่องไปยังโลกทั้งใบเคียงคู่กับนาง
เขายอมรับว่าตนเองป่วย และยาชนิดเดียวที่จะสามารถรักษาเขาได้ก็อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็คือคนที่อยู่ในสายตาและหัวใจของเขาในเวลานี้
นางไม่ใช่เพียงเจ้าหนุ่มที่สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้เขาดั่งเช่นที่พบกันครั้งแรกอีกแล้ว แต่เป็นผู้ที่สามารถแบ่งปันทุกอย่างกับเขา และเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้เขายอมสละทุกอย่างเพื่อนางได้ ความรู้สึกเช่นนี้ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน ในช่วงเวลานับหมื่นปีที่ผ่านมาของเขา ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน จนถึงขั้นที่ว่า เขาเคยรังเกียจความรู้สึกเช่นนี้ และรู้สึกว่ามันจะต้องไม่เกิดขึ้นกับตัวเขาเองแน่ เขาไม่ชอบเป็นอย่างมาก!
แต่ทว่า…ในตอนนี้เขากลับพ่ายแพ้อย่างราบคาบ!
พ่ายแพ้อย่างราบคาบ ด้วยนํ้ามือของหญิงผู้นี้ ทั้งยอมจำนนและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ริมฝีปากของซือมั่วสั่นเล็กน้อย นํ้าเสียงตํ่ากว่าที่เคยหลายเท่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ เจ้ากำลังเล่นกับไฟ”
“ไม่ ข้ากำลังเล่นกับท่าน” ในรอยยิ้มของมู่ชิงเกอแฝงความร้ายกาจ ราวกับเป็นปีศาจตัวน้อยที่กำลังวางแผนการซึ่งเป็นสิ่งที่นางชื่นชอบ
อารมณ์ที่เปลี่ยนไปของฝ่ายชาย นางสัมผัสได้ตั้งนานแล้ว
แต่ว่า นางเป็นใคร?
ชาติที่แล้วยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษสองด้านของหน่วย มีอะไรบ้างที่ยังไม่เคยพบเจอ อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของชายหนุ่ม บ่งบอกถึงอะไรนั้น นางรู้แจ้งเป็นอย่างดี
แม้ว่าจะปากแข็ง แต่ทว่าในใจของนางกลับตึงเครียดเป็นอย่างมาก ‘หากว่าโดนใช้กำลังบังคับจะทำอย่างไรดี?’
“เล่นกับข้าหรือ” ซือมั่วเลิกคิ้วเบาๆ และเข้าใจแผนการของนางในทันที
“ใช่” มู่ชิงเกอตอบสนๆ เพียงคำเดียว และดึงมือกลับมาข้างหนึ่งอย่างกะทันหัน และเลื่อนลงไปบริเวณบั้นท้ายที่ทั้งหนั่นแน่นและได้รูปของซือมั่ว พลันบีบอย่างสุดแรงทีหนึ่ง แล้วจึงอุทานว่า “ให้สัมผัสไม่เลวเลย!”
การกระทำที่กล้าหาญเช่นนี้ทำให้ซือมั่วแอบด่าในใจคำหนึ่ง “สมควรตาย!”
การกระทำอันเย่อหยิ่งของเขากำลังค่อยๆ หายไป ร่างกายของเขาเกิดความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยและไม่สามารถควบคุมตนเองได้ “เสี่ยวเกอเอ๋อร์หากเจ้ายืนยันว่าจะเล่นกับไฟ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ถือสาสักนิด” ซือมั่วหรี่ตาทั้งสองข้างลง เพื่อปกปิดความต้องการอันแท้จริงที่แสดงออกมาทางสายตา เอ่ยเตือนมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอยิ้มชวนให้ใจสั่นทีหนึ่ง นางสัมผัสได้ว่าชายผู้นี้ใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว หากยังจะเล่นต่อไป เกรงว่าผู้ที่ต้องเสียใจคือตัวนางเอง
ทันใดนั้น นางก็ดึงมือของตนเองกลับอย่างรวดเร็วพร้อมผลักซือมั่วออกไปในทันที
ซือมั่วที่ไม่ทันได้ตั้งตัว จึงกลิ้งตกลงจากเตียงไป
หลังจากนั้น ผ้าม่านก็ถูกปิดลง บดบังเงาร่างของมู่ชิงเกอเอาไว้
บนเตียงมีเสียงที่เต็มไปด้วยความยั่วเย้าของมู่ชิงเกอดังลอยออกมา “ตัวประหลาดเฒ่า ท่านช่างไม่มีความอดทนเอาเสียเลย ราวกับเป็นหนุ่มน้อยที่ยังไม่แตกเนื้อหนุ่ม อย่างนั้นรีบจัดการให้เรียบร้อยเสีย ข้ากลัวจะอุจาดตา” จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ซือมั่วนั่งอยู่บนพื้น ทั้งโมโหทั้งขัน
‘เจ้าปีศาจน้อยที่ชอบทรมานคน!’ ซือมั่วลุกขึ้นอย่างจำยอม และปลอบใจตนเองว่า ‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์ยังเด็กนัก อดทนอีกนิด ไม่อาจทำร้ายนาง อดทน ทนอีกหน่อย’ เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู เสียงหัวเราะของมู่ชิงเกอจึงค่อยๆ หายไป
นางที่นอนตะแคงอยู่บนเตียง หันหลังให้กับม่าน มือทั้งคู่กำชายผ้าห่มเอาไว้แน่น พลันถอนหายใจเฮือกใหญ่
ที่นางหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่นี้ ก็เพียงแค่ต้องการกลบเกลื่อนความตื่นเต้นในใจก็เท่านั้น
ที่นางนิ่งสงบในตอนแรก นั่นนางเพียงแสร้งทำ มีเพียงฟ้าที่รู้ว่า เมื่อครู่นี้นางกลัวว่าเจ้าตัวประหลาดเฒ่าจะหมดความอดทนและตัดสินโทษประหารให้นางจริงๆ
ถึงตอนนั้น ก็เท่ากับนางจุดไฟเผาตัวเอง! และยังเป็นการทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมาทั้งชีวิตด้วย!
คืนนี้ มู่ชิงเกอไม่ได้หลับสบายมากนัก ในฝัน นางมักจะเห็นฉากอันลึกซึ้งและงดงาม แม้ว่าในฝันภาพจะถือว่าไม่ได้เกินเลยอะไร แต่ก็มากพอที่จะทำให้นางตื่นขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำและหัวใจที่เต้นโครมครามอย่างรุนแรง
“มีชีวิตอยู่มาสองภพชาติแล้วยังฝันถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เช่นนี้!” มู่ชิงเกอที่นอนอยู่บนเตียง ยกมือขึ้นเคาะหัวของตนเอง พร้อมพึมพำอย่างโมโห
ก๊อก ก๊อก——–