ตอนที่ 131-1
ปรมาจารย์โหลวโปรดระงับความโศกเศร้า
“ศิษย์น้องมู่ เจ้าเป็นคนหรือเปล่าเนี่ย!” ครู่หนึ่ง จ้าวหนานซิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
มู่ชิงเกอเงยสายตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง
จ้าวหนานซิงยกมือขึ้นพร้อมยิ้มขื่น “ที่พวกข้ามีถุงเฉียนคุน เป็นเพราะได้รางวัลจากอันดับบุคคลต้นแบบโรงโอสถ แต่ขนาดช่องว่างเพียงแค่เท่ากับร่างของคนคนหนึ่ง เจ้ามีสมบัติอันใดกันแน่ ถึงสามารถเก็บโครงกระดูกมังกรวารีไปได้อย่างง่ายดาย อายุยังน้อย แต่เป็นนักปรุงยาระดับสูง ทั้งยังเป็นสายนํ้าเงินระดับสูงสุด มีอาวุธเทพ รวมทั้งอาวุธช่องว่างขนาดใหญ่ เจ้าเป็นตัวประหลาดจากที่ใดกัน กดเสียพวกเราที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดฝีมืออายุน้อยและความภาคภูมิใจของสวรรค์แม้แต่เศษซากก็ไม่เหลือเช่นนี้!”
มู่ชิงเกอเอามือไพล่หลัง ยิ้มจนดวงตาทั้งคู่หรี่เล็ก “ข้าก็เพียงแค่โชคดีเล็กน้อยก็เท่านั้น”
เหอะๆ! โชคดีบ้าอะไรกัน! ช่างน่าตื่นตระหนกเกินไปแล้ว! เขาเองก็อยากจะโชคดีอย่างพลิกฟ้าเช่นนี้บ้าง!
จ้าวหนานซิงจ้องมู่ชิงเกอเขม็ง
“เราออกจากที่นี่ก่อนเถิด” สายตาที่แฝงความตื่นตระหนกของเหมยจื่อจ้งกลับมาสงบดังเดิมและพูดกับทุกคน
พวกเขาออกจากทะเลสาบเยวี่ย ระหว่างทางจูหลิงพูดกับมู่ชิงเกอว่า “ศิษย์น้องมู่วางใจเถิด สิ่งที่เราเห็นทั้งหมดในวันนี้จะไม่บอกใคร”
มู่ชิงเกอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม แล้วถามนางกลับว่า “ตอนนี้ท่านและเตียวหยวนได้แตกหักกันอย่างจริงจัง แล้วกลับไปจะทำอย่างไร” นางยังไม่ลืมว่า จูหลิงยังเป็นลูกศิษย์ของหัวชางซู่
จูหลิงยิ้มเศร้า “จะทำอย่างไรได้ในสำนักมีแต่หมาป่า ข้าจะไม่มีวันกลับไป ทำได้เพียงแค่ออกจากสำนักด้วยตนเอง”
“ออกอย่างไร” มู่ชิงเกอถาม
จูหลิงจึงพูดว่า “ออกจากสำนักด้วยตนเอง ต้องผ่านค่ายกลดาบ ทะเลไฟ รวมทั้งผืนป่าพิษ หากสามารถผ่านทั้งสามอย่างนี้ได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่ ถือว่าฟ้ายังให้ โอกาสในการรอดชีวิต สามารถประกาศอย่างเป็นทางการว่า ออกจากสำนักและจบหนี้บุญคุณทั้งหมด”
มู่ชิงเกอฟังจบ พลันพยักหน้า
ทั้งสามข้อนี้ ฟังแล้วล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย
“หากว่าหัวชางซู่จบความเป็นลูกศิษย์และอาจารย์กับท่านเองล่ะ” มู่ชิงเกอถามอีก
จูหลิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ราวกับไม่สามารถตีความคำพูดของนางได้อย่างกะทันหัน
แต่ซางจื่อซูที่เดินอยู่ข้างๆ นางกลับเป็นคนตอบแทนนาง “หากว่าหัวชางซู่เสนอตัดขาดความสัมพันธ์ด้วยตนเอง จูหลิงก็ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยง เพียงแต่ว่า ชื่อเสียงในอนาคตจะเสียหายและฝีมือการปรุงยาก็จะถูกตั้งคำถาม”
มู่ชิงเกอเงียบ ทางหนึ่งคือชื่อเสียง อีกทางคือชีวิต ทั้งสองล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นนักปรุงยา
จูหลิงกลับพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลแทนข้า จริงๆ แล้วยังมีอีกทาง”
มู่ชิงเกอและซางจื่อซูล้วนมองนางพร้อมกัน
จูหลิงพูดว่า “พวกเจ้าอย่าลืมว่า การเลือกบุคคลที่จะไปส่งยาจะเริ่มขึ้นแล้ว ครั้งนี้หลังจากที่ข้ากลับไปแล้ว จะหลบซ่อนตัวเอาไว้ จนกระทั่งเริ่มการคัดเลือก ข้าจะ พยายามรักษาสิทธิ์การส่งยาของตนเอง ถึงตอนนั้นข้าจะไปอยู่ที่โรงโอสถกลางและไม่กลับมาอีก หัวชางซู่และเตียวหยวนจะมือยาวเพียงใด ก็ยื่นไปไม่ถึงโรงโอสถกลาง!”
“แต่ว่า อย่างไรก็ตามหัวชางซู่ก็มาจากโรงโอสถกลาง หากว่าเขาให้ทางโรงโอสถกลางสร้างความลำบากใจให้กับเจ้า จะไม่เป็นการหนีเสือปะจระเข้หรือ” ซางจื่อซูพูดด้วยความเป็นห่วง
จูหลิงกลับพูดอย่างมีแผนการในใจว่า “หากว่าหัวชางซู่มีฐานะในโรงโอสถกลาง ก็คงจะไม่ถูกส่งมาที่โรงโอสถย่อยหรอก ข้าเคยสืบกับศิษย์พี่ที่ไปส่งยาที่โรงโอสถกลาง แท้จริงแล้วผู้คนทางโรงโอสถกลางล้วนดูถูกหัวชางซู่ ไม่ว่าจะเป็นนักปรุงยาหรือลูกศิษย์ สำหรับหัวชางซู่ยังมีหลายคนเย้ยหยัน หากข้าไปถึงโรงโอสถกลาง เพื่อการมีชีวิตที่ดีขึ้น จะต้องหาผู้มีอำนาจเอาไว้พึ่งพา ถึงตอนนั้น ข้าจะให้ทางนั้นเป็นฝ่ายเสนอจบความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับหัวชางซู่ จากนั้นก็จะตั้งใจฝึกการปรุงยา เพียงแค่ทักษะการปรุงยาของข้าเหนือกว่าหัวชางซู่ อนาคตหากพบกันอีก เขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้”
การตัดสินใจอันรอบคอบนี้ถือว่าตรงกับนิสัยกับของจูหลิง
พูดจนถึงตอนท้าย จูหลิงหันมองซางจื่อซูอย่างอาลัยอาวรณ์ “แต่ว่า ในอนาคตอาจจะยากที่เราจะได้พบกัน ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะไม่ไปจากปรมาจารย์โหลวง่ายๆ ข้าเองก็ไม่บังคับ แต่พวกเจ้าจงจำไว้เสมอว่า การนัดหมายของเรายังคงเหมือนเดิม หากวันหนึ่งพวกเจ้าจะออกจากหลินชวนพร้อมศิษย์น้องมู่ จะต้องเรียกข้าด้วยนะ”
ซางจื่อซูมองมู่ชิงเกอ หลังจากที่ซางจื่อซูพยักหน้าเล็กน้อย นางจึงพูดว่า “เจ้าวางใจเถิด พวกเราจะไม่ลืมเจ้า แม้ว่าวิธีของเจ้าจะเป็นวิธีที่ดี แต่ก็อันตราย เพราะฉะนั้น เจ้าจะต้องระวัง ไม่ว่าจะเถิดอะไรขึ้น เจ้าจะต้องรักษาชีวิตของตนเองเป็นหลัก”
จูหลิงพยักหน้า มู่ชิงเกอกลับเรียกเหมยจื่อจ้งเอาไว้อย่างกะทันหัน “ศิษย์พี่เหมย การทดสอบในครั้งนี้จบลงเมื่อไหร่” เหมยจื่อจ้งหันกลับมา มองพวกนางแวบหนึ่ง แล้วจึงพูดว่า “ได้หน่อจันทร์มายากลับโรงโอสถไปภายในครึ่งเดือน ก็ถือว่าสำเร็จ”
“ครึ่งเดือนอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกอศิดคำนวณเวลา ตั้งแต่เข้าสู่ผืนป่าหมีเมิ่งจนถึงตอนนี้ ก็ผ่านไปเจ็ดแปดวันแล้ว รวมกับเวลากลับแล้ว ก็ครึ่งเดือนพอดีจริงๆ
“ถ้าเช่นนั้น การแข่งขันเป็นตัวแทนการส่งยาเริ่มขึ้นเมื่อไหร่” มู่ชิงเกอถามอีก เหมยจื่อจ้งหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “จากวันนี้ อีกประมาณเดือนครึ่ง”
“หลังจากที่คัดเลือกแล้ว นานเท่าไหร่จึงจะออกเดินทาง” มู่ชิงเกอยังคงตั้งคำถาม
เหมยจื่อจ้งแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดมู่ชิงเกอจึงถามเช่นนี้ แต่ก็ตอบไปตามความจริง “เวลาออกเดินทางยึดจากฤดูของทะเลแห่งความจริง โดยปกติแล้ว ที่ทะเลแห่งความจริงปลายปีจะมีฝนและลมน้อย หากคำนวณแล้ว หลังจบการคัดเลือก ช้าสุดหนึ่งเดือน ก็จะต้องออกเดินทางจากโรงโอสถ ผ่านแคว้นลี่ เข้าสู่แคว้นฉินและนั่งเรือ จากเมืองมู่แห่งแคว้นฉินไปยังทะเลแห่งความจริง เพื่อเข้าสู่อาณาเขตของอาณาจักรเซิ่งหยวน”
“ออกจากโรงโอสถ และไปถึงท่าเรือที่เมืองมู่แห่งแคว้นฉิน อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามเดือน มันนานเกินไป ง่ายที่จะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า และมองจูหลิง
ราวกับกำลังบอกนางว่า ในการวางแผนของนาง มีข้อผิดพลาดอันยิ่งใหญ่
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้หลังจากที่นางกลับโรงโอสถ แล้วหลบซ่อนตัวจนกระทั่งการแข่งขันเพื่อคัดเลือก จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ แม้ว่านางจะผ่านการคัดเลือกได้ เวลาประมาณสี่เดือนก่อนขึ้นเรือ ในช่วงเวลานี้หากจะฉวยโอกาสในการวางแผนทำร้ายก็ไม่ใช่เรื่องยาก จูหลิงเม้มปากราวกับไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้นี้
นางรู้จักหัวชางซู่และเตียวหยวนมากกว่ามู่ชิงเกอ และรู้ดีว่าความเป็นไปได้ของเรื่องเหล่านี้คือเท่าไหร่
แต่ว่า นอกจากวิธีนี้แล้วนางก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด
“ทำได้ เพียงแค่ลองดูสักตั้ง หากข้าสามารถขึ้นเรือไปได้อย่างปลอดภัย ก็ถือว่าฟ้าเมตตาข้า หากไม่มีชีวิตรอดไปขึ้นเรือ ก็ถือว่าข้าทำสุดความสามารถแล้ว”
ท่าทางสิ้นหวังของนาง ซางจื่อซูไม่เคยเห็นมาก่อน นางกุมมือจูหลิงเอาไว้ แล้วพูดปลอบว่า “จะต้องมีวิธี”
ในขณะที่พูด นางก็หันมองมู่ชิงเกอ ความอ้อนวอนในสายตาชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่นางเองก็อาจจะยังไม่รู้ว่า เหตุใดตนเองจึงรู้สึกว่ามู่ชิงเกอสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ ในขณะนี้เอง เหมยจื่อจ้งและจ้าวหนานซิงเองก็เข้าใจ แล้วว่าก่อนหน้านี้ทั้งสามปรึกษาเรื่องอันใดกัน
แอบกล่าวโทษตนเองที่ประมาท ลืมไปว่าจูหลิงมีคนละจุดยืนกับพวกเขา หลังจากที่กลับไปแล้ว นางคงยากที่จะหนีพ้นโทษไปได้
เหมยจื่อจ้งมองท้องฟ้า และพูดกับทั้งสี่ว่า “นี่ก็คํ่าแล้ว เวลากลางคืนหมอกรอบๆ จะหนามาก เราหาที่สงบๆ แล้วค่อยช่วยกันคิดหาวิธี” ทั้งสี่ล้วนเห็นด้วย วางเรื่องนี้ลงก่อน แล้วหาที่พัก