ตอนที่ 186-1
สงครามระหว่างเสือและมังกร แพ้ชนะเพื่ออะไร?
ภายในกรง เงียบจนน่ากลัว
มู่ชิงเกอและเฉินปี้เฉิงยืนเผชิญหน้ากัน การแข่งขันในครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างพวกเขาสองคน!
นอกกรง เจียงหลีได้กลับไปนั่งที่ระเบียงบนหุบเขาแล้ว เดินไปถึงบริเวณที่ใกล้กรงที่มู่ชิงเกออยู่มากที่สุด แล้วจึงนั่งลง สายตาของนางไม่ได้ออกห่างจากกรงเลยแม้แต่เวลาเดียว ถึงตอนที่หวงฝู่ฮ่วนยกถาดผลไม้สดที่ล้างสะอาดแล้วมานั่งลงข้างๆ นาง สายตาของนางจึงได้ถอนกลับมา
เจียงหลีมองไปที่ถาดผลไม้สดนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาก็มองไปที่หวงฝู่ฮ่วนที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววขี้เล่นขึ้นมา “ไม่มีเรื่องไม่เอาของมาล่อ องค์รัชทายาทมีเรื่องอะไร?”
หวงฝู่ฮ่วนยิ้มๆ เอ่ยว่า “หรือว่าข้าไม่อาจปฏิบัติต่อฮ่องเต้เจียงอย่างเพื่อนได้?”
เจียงหลียิ้มอย่างขี้เล่นมากยิ่งขึ้น พูดตรงๆ กับเขาอย่างไม่เกรงใจ “เป็นถึงผู้สืบทอดของฮ่องเต้ เพื่อนอะไรนั้นก็เป็นแค่เพียงเพื่อเอาชนะใจคนก็เท่านั้น”
“เหตุใดฮ่องเต้เจียงจึงต้องพูดจาไม่น่าฟังเช่นนั้นเล่า?” หวงฝู่ฮ่วนยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมส่ายหน้า ดูเหมือนว่าการพูดคุยกับเจียงหลีจะทำให้เขาปวดหัว แต่ก็กลับยินยอมที่จะทำ
เจียงหลีเอ่ยอย่างไม่สนใจว่า “ข้าพูดจาแต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นเช่นนี้ หากว่าเจ้าไม่อยากฟัง ก็สามารถจากไปได้” พูดจบแล้วก็แสดงทำทาง ‘เดินระวังๆ ล่ะ ไม่ส่ง’ ออกมา
หวงฝู่ฮ่วนหยิบผลไม้ขนมาจากถาดอย่างหมดหนทาง ยื่นไปตรงหน้าของเจียงหลี “ถือว่าก่อนหน้านี้ข้าพูดผิดไป ขออภัยต่อเจ้า”
ท่าทางของหวงฝู่ฮ่วน ทำให้ในใจของเจียงหลีเกิดความระแวงขึ้นมา นัยน์ตาฉายแวววาววาบ ยื่นมือออกไป เผยให้เห็นแขนที่ขาวนวลรับผลไม้มาจากมือของเขา แต่ไม่ได้กิน กลับเล่นไปมาอยู่ในมือ
“รัชทายาทหวงฝู่ มีอะไรก็พูดมาให้ชัดเจน มาทำเรื่องไร้สาระอะไรกัน น่ารำคาญจริงๆ” เจียงหลีเงยหน้ามองเอ่ยออกมา
หวงฝู่ฮ่วนงงงวยเล็กน้อย ใบหน้าขาวดุจหยกกลับค่อยๆ แดงขึ้นภายใต้สายตาที่จ้องมองของเจียงหลี
ภายใต้การรอคอยของเจียงหลี ในที่สุดเขาก็เปิดปากออกมา “ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้เจียงและคุณชายมู่นั้นดีมาก” ประโยคนี้ทำให้ดวงตาของเจียงหลียิ่งหรี่เล็กลง นัยน์ตาฉายแวววาววาบ นางหัวเราะเอ่ยว่า “ด้านนอกไม่ใช่ล้วนแต่พูดว่าข้าเป็นผู้หญิงของคุณชายมู่มิใช่หรือ?” ความสัมพันธ์เช่นนี้เจ้าคิดว่าดีขนาดไหน?
“ข้าอยากจะได้ยินคำตอบจริงๆ จากปากของฮ่องเต้หญิง” อยู่ดีๆ หวงฝู่ฮ่วนก็จริงจังขึ้นมา นัยน์ตาที่ดูล้อเล่นของเจียงหลีถูกเก็บกลับ นางจ้องหวงฝู่ฮ่วน ดูเหมือนว่ากำลังพิจารณาความรู้สึกทุกอย่างบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
ไม่นาน นางถึงได้พูดออกมาอย่างไม่สุภาพว่า “รัชทายาทหวงฝู่ใช้สถานะอะไรมาถามข้า?”
หวงฝู่ฮ่วนเอ่ยอย่างจริงใจว่า “สถานะของคนที่กำลังไล่ตามความรัก”
คำสารภาพที่มีความตรงไปตรงมานี้ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เจียงหลีชะงัก แต่ก็อย่างรวดเร็ว นางตอบสนองออกมา หัวเราะลั่นขึ้นเสียงหนึ่ง
นางเหลือบตาไปทางด้านกรงที่มู่ชิงเกออยู่ เห็นนางกับเฉินปี้เฉิงยังไม่ได้ลงมืออย่างเป็นทางการ จึงหันมายิ้มให้กับหวงฝู่ฮ่วนพร้อมนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความสนุก “รัชทายาทหวงฝู่ นี่คือสารภาพกับข้าอย่างนั้นหรือ? คิดจะขุดกำแพงของคุณชายมู่รึ?”
ร่างกายของหวงฝู่ฮ่วนแข็งทื่อขึ้น สติกำลังบอกเขาว่า ตอนนี้เขามีเรื่องที่ต้องขอร้องมู่ชิงเกออยู่ ไม่ควรทำในสิ่งที่จะทำให้เขาไม่พอใจในเวลานี้ หากว่าเจียงหลีเป็นเช่นดั่งที่ภายนอกร่ำลือ เป็นดวงใจของมู่ชิงเกอ เช่นนั้นถึงแม้ว่าเขาจะมีความคิดอะไรก็ไม่สมควรทำในเวลานี้ ซึ่งอาจจะทำให้มู่ชิงเกอโกรธได้
อย่างไรก็ตามความหวั่นไหวของหัวใจที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ทำให้หวงฝู่ฮ่วนไม่อาจควบคุมได้ อารมณ์เป็นสิ่งที่บอบบางยากจะคาดเดาและก็มาอย่างกะทันหันทำ ให้คนไม่สามารถต้านทานได้
เขาเป็นผู้สืบทอดของฮ่องเต้ แต่ก็เป็นคนที่มีอารมณ์เช่นกัน
ดังนั้นถึงแม้ว่าจะไม่เหมาะสม แต่เขาก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเจียงหลีได้โดยหวังที่จะทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับมู่ชิงเกออ
ย่างชัดเจน
เมื่ออยู่ต่อหน้าความรู้สึกของตนเอง เขาไม่ลังเลเลยที่จะเป็นศัตรูความรักกับมู่ชิงเกอสักครั้ง
ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เขาก็จะต้องทำให้มันชัดเจน!
ความคิดบางอย่างของเขา เจียงหลีไม่ได้รู้เลย ที่นางคิดในตอนนี้ก็คือ อยู่ดีๆ รัชทายาทแห่งอาณาจักรเซิ่งหยวน ก็มาสารภาพกับนาง เป็นเรื่องจริงหรือว่าล่อลวงกันแน่ หากว่าล่อลวง เช่นนั้นจุดมุ่งหมายที่แท้จริงคืออะไร? จะส่งผลร้ายต่อมู่ชิงเกอหรือไม่
ดังนั้นด้านหลังแววตาที่ดูสนุกของนางจึงแอบซ่อนแววตาที่ดูเยียบเย็นและแข็งกร้าว
ดูเหมือนว่า หากนางแน่ใจว่าหวงฝู่ฮ่วนจะทำเรื่องที่ส่งผลร้ายกับมู่ชิงเกอ นางก็จะฆ่าต้นกล้านี้ด้วยเปลวไฟในทันที
“วีรสตรีที่ดี ได้วีรบุรุษที่ดีเป็นคู่ครอง ข้าไม่อาจพูดได้ว่า ตนเองนั้นเป็นวีรบุรุษ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่กล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกภายในใจของตนเอง” หวงฝู่ฮ่วนครุ่นคิดอยู่ รอบหนึ่งถึงได้เอ่ยออกมา
เจียงหลีหัวเราะเยาะก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตอนต่อหน้า เจ้ากับมู่ชิงเกอเรียกขานกันเป็นพี่เป็นน้อง แต่ลับหลังกลับมาสารภาพกับผู้หญิงของเขา? คงไม่สามารถเรียกว่า วีรบุรุษได้”
หวงฝู่ฮ่วนไม่ถือสาเอ่ยยิ้มๆ ว่า “นับแต่โบราณมาวีรบุรุษ ที่แท้จริงหากไม่ใช่ว่ายากจนจนตาย ขมขื่นจนตาย ก็ต้องเสียใจต่อเรื่องราวในอดีตจนตาย ข้าไม่อยากเป็นอย่างพวกเขาเก็บความรู้สึกจนตาย ในเมื่อฮ่องเต้หญิงยังไม่ได้แต่งงานกับคุณชายมู่ เช่นนั้นข้าก็ยังมีโอกาสที่จะไขว่คว้า”
“การงัดกำแพงของเจ้าในครั้งนี้ช่างงัดอย่างเปิดเผยยิ่งนัก!” ภายในรอยยิ้มของเจียงหลีไม่ได้ปกปิดการประชดประชัดตนเอง คำพูดของหวงฝู่ฮ่วนไม่ได้ทำให้นางหวั่นไหว หากว่านางถูกผู้ชายทำให้หวั่นไหวได้ง่ายๆ ก็คงไม่ใช่นางฮ่องเต้เจียงแล้ว
ความเย็นชาและการถากถางของนางไม่ได้ทำให้หวงฝู่ฮ่วนล่าถอย อยู่ดีๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนเอ่ยกับเจียงหลีว่า “ไม่ว่าฮ่องเต้หญิงจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ขอให้จดจำคำที่ข้าพูดวันนี้เอาไว้ให้ดี หากวันหน้าฮ่องเต้หญิงกับคุณชายมู่แต่งงานกันอย่างมีความสุข ข้าก็ขออวยพรให้ด้วยใจจริง แต่ก่อนหน้านั้นในเมื่อฮ่องเต้หญิงยังไม่ได้ตัดสินใจแต่งงาน ก็ขอให้พิจารณาข้าบ้าง”
พูดแล้ว เขาก็พยักหน้าให้กับเจียงหลี แล้วหันกายไป
ท่าทางที่ดูใจกว้างและสบายๆ เช่นนี้ทำให้คนรู้สึกนับถือได้จริงๆ
เจียงหลีตกตะลึงชะงักอยู่ที่เดิม หลังจากที่แผ่นหลังของหวงฝู่ฮ่วนหายไปจากสายตาแล้ว ถึงได้กะพริบตา มุมปากพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง “เจ้าบ้า!”
หลังจากนั้น นางก็ทิ้งเรื่องของหวงฝู่ฮ่วนไว้ข้างหลัง กลับมาสนใจภายในกรงที่มู่ชิงเกอและเฉินปี้เฉิงอยู่
การต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองสามารถพูดได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่น่าสนใจมากที่สุดในการแข่งขันรอบที่สอง ทั้งสองคนล้วนแต่เป็นคนรุ่นเยาว์การแข่งขันของทั้งสองจะสร้างสรรค์ความน่าสนใจอะไรออกมาบ้าง?
เจียงหลีกวาดตามอง จากที่นั่งของทั้งสี่ตระกูลมองไป
วันนี้นอกจากตระกูลหลาน คนของสามตระกูลที่เหลือก็ล้วนแต่อยู่ที่นี่
ดวงตาของเจียงหลีกวาดตามองไปทางที่นั่งว่างเปล่าของตระกูลหลาน และก็มองเห็นที่ว่างอีกสองที่นั่ง นั่นก็คือที่นั่งของสำนักหมื่นอสูรกับหอหลอมศาสตรา การที่ พวกเขาไม่อยู่ทำให้เจียงหลีเกิดความรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เจียงหลีโบกมือ ขุนนางหญิงแคว้นกู่วู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของนางก็เดินขึ้นมาข้างหน้า จนหยุดอยู่ในตำแหน่งด้านหลังที่ใกล้ชิดตัวนาง
“ส่งคนออกไปสืบสิว่าช่วงนี้คนของสำนักหมื่นอสูรกับหอหลอมศาสตรากำลังวุ่นวายกับอะไรอยู่” เจียงหลีออกคำสั่งเสียงเบา
ขุนนางหญิงรับคำสั่งถอยออกไป
ขุนนางหญิงแห่งแคว้นกู่วู่ผู้นั้นเพิ่งจะจากไปไม่นาน เฮยมู่แห่งสำนักหมื่นอสูรและโหลวเสวียนเถี่ยแห่งหอหลอมศาสตราก็ค่อยๆ มาถึงพร้อมกัน หลังจากที่ทั้งสองคนทักทายทุกคนแล้ว ก็นั่งลงบนที่นั่งของพวกเขา
เจียงหลีจ้องมองพวกเขาจากไกลๆ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา ถึงแม้ว่าในตอนนี้เฮยมู่และโหลวเสวียนเถี่ยจะปรากฏตัวแล้ว แต่นางก็ยังคงไม่ไว้ใจในพวกเขาทั้งสองคน
หลังจากถอนสายตาคืนมาแล้ว เจียงหลีก็มองไปทางมู่ชิงเกอและเฉินปี้เฉิงในกรงต่อ
ส่วนสายตาของนางก็จ้องหยุดมองที่ร่างของเฉินปี้เฉิงมากที่สุด
เพราะว่า นี่เป็นคนรุ่นเยาว์คนแรกในเทียนตูที่ถูกคนขนานนามว่าเจ้าบ้า ทำให้นางรู้สึกถึงความอันตราย เจียงหลีขมวดคิ้วขึ้นน้อยๆ ภายในดวงตาสีทองค่อยๆ ฉายแววเคร่งขรึม