ตอนที่ 186-4
สงครามระหว่างเสือและมังกร แพ้ชนะเพื่ออะไร?
มองไปที่ระเบียงบนหุบเขา นัยน์ตาของฟ่งอวี๋เฟยฉายแววกังวลเล็กน้อยมองไปที่จ้าวหนานซิงแล้วเอ่ย “ดึงดูดสายตาคนภายในอาณาจักรเซิ่งหยวนมากถึงขนาดนี้ไม่รู้ว่าสำหรับคุณชายแล้วจะเป็นผลร้ายหรือผลดี”
จ้าวหนานซิงฟังออกถึงความกังวลใจของนาง
นับจากโบราณมามีอัจฉริยะไม่น้อยก็จริง แต่อัจฉริยะที่ตายในวัยเยาว์ก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
มู่ชิงเกอเกิดที่แคว้นระดับสาม ถึงนางจะโดดเด่นสักแค่ไหน สำหรับแคว้นระดับสามแล้วก็ถือว่าเป็นความภูมิใจ แต่ความโดดเด่นของนางสำหรับแคว้นระดับสองและระดับหนึ่งแล้วเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่
กลุ่มอำนาจเหล่านี้ล้วนแต่กังวลเรื่องที่มีอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบเกิดมาทำลายระบบของหลินชวนและปรับเปลี่ยนขั้วอำนาจทั้งหมดในปัจจุบันใหม่
แม้ว่ามู่ชิงเกอจะสาบานว่าจะไม่มีความทะเยอทะยานดังกล่าว พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อถือเต็มร้อยแต่จะทำการเฝ้าระวังแทน สำหรับพวกเขาแล้ว มู่ชิงเกอที่เป็น อัจฉริยะที่โดดเด่นนั้นความตายคือบทสรุปที่ดีที่สุด
จ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟยเกิดในราชวงศ์ รู้จักความดำมืดภายใต้อำนาจเหล่านี้ชัดเจนกว่ามู่ชิงเกอ ดังนั้นพวกเขาถึงได้รู้สึกกังวลใจแทนมู่ชิงเกอ
เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดของฟ่งอวี๋เฟย จ้าวหนานซิงเงียบลงครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยออกมาว่า “ข้าเชื่อในความฉลาดและความสามารถของมู่ชิงเกอ ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เขาก็จะล้วนแต่สามารถบุกผ่านไปได้ไป ยืนอยู่ในที่สูงที่คนเหล่านั้นไม่กล้าคิดร้าย ก้มหน้าลงมามองผู้คน”
ฟ่งอวี๋เฟยเหลือบมองเขา มองเห็นถึงความเชื่อมั่นในดวงตาของเขา
ดูเหมือนนางจะพลอยได้รับความมั่นใจนี้ไปด้วย จึงพยักหน้าตาม
หลังจากที่ควันกระจายตัว มู่ชิงเกอกับเฉินปี้เฉิงก็ยังคงยืนอยู่ตำแหน่งเดิมในตอนเริ่มแรก ดูเหมือนว่า สองวันสองคืนที่ผ่านมานี้พวกเขาทั้งสองไม่ได้ขยับเลยสักนิด
อย่างไรก็ตามร่องรอยขีดข่วนบนกำแพงที่เดิมเรียบนั้นก็ได้พิสูจน์การกระทำของพวกเขาในสองวันสองคืนนี้ การต่อสู้สองวันสองคืน ทั้งสองคนไม่รู้ตัวเลยว่าต่อสู้กันไปกี่ครั้งแล้ว
ชนะหรือแพ้นั้นคนนอกมองไม่เห็นแต่ก็ชัดเจนในใจของทั้งสองคน
แม้ว่าตอนนี้เสื้อผ้าของพวกเขาจะยับย่นมีร่องรอยของ ความเสียหาย ผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าซีดขาว แต่ในแววตาของทั้งสองคนก็ยังมีเปลวไฟแห่งการต่อสู้ลุกโซน ไม่ยอมแพ้
สำหรับการแสวงหาความแข็งแกร่งนั้น พวกเขาทั้งสองคนเป็นเหมือนกัน
เมื่อมีการส่งเสริมกันและกัน การแสวงหานี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็นอนันต์
มู่ชิงเกอถือทวน ชี้ปลายทวนไปที่พื้น เฉินปี้เฉิงจับดาบวงพระจันทร์มังกรคราม ดาบวาววาบสะท้อนความเยียบเย็นออกมา ทั้งสองยืนอยู่ตรงข้ามกันและนิ่งเงียบ ครู่หนึ่ง เฉินปี้เฉิงก็เอ่ยขึ้นก่อนว่า “พลังจิตที่ข้าเหลืออยู่ เพียงพอแค่ปล่อยกระบวนท่าพิเศษเพียงท่าเดียว นี่เป็นทักษะสงครามที่ข้าคิดค้นขึ้นมาเอง ยังไม่เคยใช้ต่อหน้าใคร”
ทักษะสงครามที่คิดค้นขึ้นมาเองงั้นหรือ?
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกาย นัยน์ตาฉายแววรอคอย
“พลังจิตของข้าก็เพียงพอแค่ท่าเดียวเช่นกัน” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างสงบ
“เช่นนั้นก็ดี” เฉินปี้เฉิงเอ่ย
ฝีเท้าของมู่ชิงเกอเคลื่อนไหวเบาๆ จับทวนในมือแกว่งออกไป
“เช่นนั้นพวกเราก็มาใช้หนึ่งกระบวนท่าตัดสินแพ้ชนะเถอะ!” เฉินปี้เฉิงเอ่ยเสียงเข้ม สองมือกุมดาบวงพระจันทร์มังกรคราม ตวัดวาดมาที่ด้านหน้า หน้าอก ปลดปล่อยทักษะสงครามที่คิดค้นขึ้นมาเอง
“เพลิงแยกตะวัน—–! เผา!”
พร้อมกับเสียงของเฉินปี้เฉิงที่ดังขึ้น พลังจิตที่เหลืออยู่ภายในร่างของเขาค่อยๆ ออกมาจากร่างกายและถูกเปลี่ยนให้เป็นเปลวเพลิงด้วยวิธีพิเศษบางอย่าง
เปลวเพลิงเป็นชั้นๆ ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขาดุจดังคลื่นนํ้าล้นออกมา ครู่เดียวก็เปลี่ยนภายในกรงให้เป็นทะเลเพลิง พลังจิตเหล่านั้นที่เปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงลอยขึ้นไปในอากาศปกปิดท้องฟ้าปกคลุมดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาว
มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิม เบิกดวงตากว้างมองดูทักษะสงครามของเฉินปี้เฉิง
ในใจของนางตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
เฉินปี้เฉิงกลับสามารถสร้างทักษะสงครามเช่นนี้ออกมาได้ พลังของมันเกรงว่าอาจสูงกว่าระดับสวรรค์ชั้นสูงแล้ว เขายังหนุ่มแต่กลับสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ได้ ความสามารถของเขาช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ!
พลังจิตเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงที่ร้อนแรงเผาไหม้อยู่ตลอดเวลาล้อมรอบมู่ชิงเกอ
เปลวเพลิงเช่นนี้ดูเหมือนว่ากำลังเผาไหม้พลังจิตภายในร่างกายของมู่ชิงเกอกลืนกินกำลังของนาง
หากยังนิ่งต่อไป มู่ชิงเกอก็มีเพียงจุดจบเดียว นั่นก็คือพลังจิตและพลังกายเหือดแห้งจนตาย เฉินปี้เฉิงผู้นี้ช่างบ้าคลั่งจริงๆ
เพียงแค่ประลองกลับไม่สนใจอะไรใช้กระบวนท่าเช่นนี้ออกมา ไม่ได้กลัวว่าจะทำร้ายชีวิตของมู่ชิงเกอโดยไม่ได้ตั้งใจเลยหรือ ไม่เขาก็เชื่อใจในตัวมู่ชิงเกอ
คิดว่านางจะต้องไม่ตายภายใต้กระบวนท่าเช่นนี้อย่างแน่นอน!
‘รากวิญญาณเพลิงโดยกำเนิด!’ ทันใดนั้นภายในหัวของมู่ชิงเกอก็มีเสียงของเหมิงเหมิงดังขึ้นมาอย่างตกตะลึง แต่ว่านางกลับไม่เข้าใจ
นางขมวดคิ้วเอ่ยถามว่า “รากวิญญาณเพลิงโดยกำเนิดคืออะไร?”
แต่ว่าเหมิงเหมิงกลับไม่ได้ตอบ เงียบราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
ท้องฟ้าเหนือกรงถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ที่แท้จริงภายในได้
เมื่อเฉินปี้เฉิงใช้กระบวนท่านี้ออกมา ที่ตื่นตะลึงนั้นไม่ได้มีเพียงแค่มู่ชิงเกอเท่านั้นแต่ยังมีทุกคนที่ระเบียงบนหุบเขาด้วย
หลังจากจักรพรรดิหยวนหวงฝู่เฮ่าเทียนตกตะลึงแล้วก็ ถอนหายใจกล่าวว่า “ความสามารถของคุณชายสาม ช่าง…”
เขาพูดได้ครึ่งประโยค แต่ครึ่งหลังก็ปล่อยให้ผู้คนคาดเดาไปต่างๆ นานา และก็ไม่รู้ว่าเขาจงใจหรือไม่ได้ตั้งใจ
ในใจของประมุขตระกูลเฉินเยียบเย็นขึ้น เม้มริมฝีปากไม่พูดจา แต่นิ้วหัวแม่มือฝั่งขวาของเขากลับหมุนวนบนนิ้วด้านบน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ
เปลวเพลิง ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเปลวเพลิง—–
ภายในสายตาของมู่ชิงเกอก็ถูกยึดครองด้วยเปลวเพลิง
ทันใดนั้นนางก็ขยับ นางหมุนข้อมือชูทวนซ่อนเงาในมือขึ้น
พายุที่ไร้รูปพัดออกมาจากทวน เปลวเพลิงจากรอบด้านถูกพัดให้ถอยหลังไปชนกลับผนังที่กลายเป็นเปราะบางอยู่นานแล้ว
แครก—–! แครก—–!
กำแพงเกิดเสียงแตกร้าวดังออกมา ผนังเต็มไปด้วยรอยแตก มีรอยร้าวบางส่วนแตกหัก ด้านนอกเริ่มมองเห็นแสงไฟจางๆ
“พันทหารทำลาย!” มู่ชิงเกอเอ่ยเสียงเข้มออกมา
พันทหารทำลายก็เป็นหนึ่งในกระบวนท่าของทวนหลิงหลงเช่นเดียวกัน
ทักษะสงครามที่มู่ชิงเกอฝึกฝน สามารถพูดได้ว่ามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย แทนที่จะสนใจทักษะสงครามขนาดใหญ่เช่นนั้นนางกลับสนใจฝึกฝนกระบวนท่าทวนของตนเองมากกว่า
พันทหารทำลายเป็นกระบวนท่าหนึ่งที่ใช้ฆ่าศัตรูของทวนหลิงหลง
ในตอนที่มู่ชิงเกอเอ่ยชื่อกระบวนท่านี้ออกมา ในมือที่นางจับทวนซ่อนเงาก็ดูเหมือนว่าจะส่งเสียงดุจดั่งอยู่ในสงครามออกมา
ชั่วพริบตานั้นก็ดูเหมือนว่ามีกองกำลังม้านับพันนับหมื่นปรากฏอยู่เบื้องหลังของมู่ชิงเกอ ขี่ม้าถืออาวุธและโจมตีเปลวเพลิงรอบๆ
ส่วนนางก็ดูเหมือนกับแม่ทัพที่ไม่มีวันพ่ายแพ้ในสนามรบ พลังชั้นสีม่วงเข้มกลั่นตัวเป็นชุดเกราะคลุมตัวของนาง ทั้งตัวคนเผยให้เห็นเพียงนัยน์ตาที่นิ่งสงบ
“ฆ่า—–!”
มู่ชิงเกอกระซิบเบาๆ
กองกำลังม้านับพันตัวเงยหน้าขึ้นพร้อมกันส่งเสียงร้องอออกมา เหมือนมีแรงผลักดันให้ไม่สนใจกับความตาย วิ่งเข้าไปในเปลวเพลิงรอบตัว
ส่วนตัวนางก็จับทวนซ่อนเงากระโดดลอยขึ้นแทงพุ่งไปที่เฉินปี้เฉิง
กระบวนท่านี้ ดูทรงพลัง ดุจดั่งสายฟ้าฟาด ไร้ความเกรงกลัว! กระบวนท่าที่ร้ายแรงทำให้ทวนซ่อนเงาเกิดรอยแตกร้าว อาศัยเพียงพลังจิตจากมู่ชิงเกอที่ทำให้มันไม่แตกสลายไปก่อน
นี่เป็นกระบวนท่าของทวนชั้นเทวะไม่ใช่อะไรที่ยุทธภัณฑ์ชั้นสมบัติจะเทียบเคียงได้
เมื่อฝืนใช้ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน!
การโจมตีอย่างกะทันหันของมู่ชิงเกอ ทำให้เฉินปี้เฉิงหรี่ตาลง เขารีบยกดาบวงพระจันทร์มังกรครามออกไปรับศัตรูในทันที
เคร้ง—–!
ดาบวงพระจันทร์มังกรครามของเฉินปี้เฉิงถูกทวนซ่อนเงาสะท้อนลอยออกไปบนอากาศ
กำลังไฟโดยรอบถูกพลังจิตของมู่ชิงเกอดับไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว เหลือแค่เพียงเปลวเพลิงกลางอากาศที่ปิดบังสายตาของคนภายนอก ซึ่งก็ดูเหมือนว่ามู่ชิงเกอจงใจให้เป็นอย่างนั้น
อาวุธหลุดมือแต่เฉินปี้เฉิงก็ไม่ได้ตื่นตกใจ
เขาร้องออกมา ใช้สองมือโจมตีเข้าใส่ทวนที่แทงพุ่งมาทางเขา
ดวงตาของมู่ชิงเกอสงบ ในใจตกตะลึง “เจ้าบ้านี่ถึงกลับคิดจะใช้มือเปล่ารับคมทวน!”
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้แต่นางก็ไม่ได้คิดจะผ่อนปรน ตอนนี้ภายในดวงตาที่สดใสของนางก็เผยความบ้าคลั่งเช่นเดียวกับเฉินปี้เฉิง
“ฮ้า—–!”
ทวนซ่อนเงาแทงทะลุมือของเฉินปี้เฉิง เผาเนื้อหนังใจกลางฝ่ามือของเขา
ก่อนหน้านี้ มู่ชิงเกอก็ได้อธิบายถึงความกระหายเลือดและความสามารถในการดื่มเลือดของทวนซ่อนเงาแล้ว ตอนนี้มันเปิดฝ่ามือทั้งสองของเฉินปี้เฉิงได้เลือดบนฝ่ามือของเฉินปี้เฉิงที่ไหลออกมาล้วนถูกมันดื่มกินจนเกลี้ยง
รอยร้าวบนตัวทวนก็เพราะเหตุนี้จึงเกิดสีแดงแปลกๆ ขึ้น เฉินปี้เฉิงถูกมู่ชิงเกอใช้กำลังของหนึ่งทวนทำร้ายจนต้องถอยหลังไปไม่หยุด
ดาบวงพระจันทร์มังกรครามของเขาก็ตกลงจากอากาศลงบนพื้น
ฉากนี้ทำให้ดวงตาของเฉินปี้เฉิงเปล่งประกายขึ้น ดูเหมือนว่ามองเห็นความหวังที่จะโจมตีกลับ
อย่างไรก็ตามในขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงการโจมตีที่หน้าอกของตนเอง พลังภายในร่างของเขาถูกทำลาย กระอักเลือดออกมา
เขาก้มลงมอง เห็นทวนซ่อนเงาของมู่ชิงเกอไม่รู้ว่าจ่อไปอยู่ที่หน้าอกของตนเองตั้งแต่เมื่อไหร่
ฉากเมื่อครู่ก็คือถูกทวนซ่อนเงาแทง
เขาเบิกดวงตากว้าง ปลายแหลมของทวนที่ติดอยู่หน้าอกของเขากลับกลายเป็นชิ้นเล็กๆ แตกกระจาย
เงยหน้ามองไปอย่างตกตะลึง เขาถึงได้พบว่ามู่ชิงเกอได้ปล่อยมือที่จับทวน ส่วนทั้งตัวทวนกลับกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตกลงบนพื้นต่อหน้าเขา เพียงทิ้งร่องรอยและแผลจางๆ บนหน้าอกของเขาเท่านั้น
เปลวเพลิงหายไป ฉากที่ถูกปิดบังไว้ถูกเผยออกมา
ภาพในสายตาของทุกคนบนระเบียงก็ยังคงเป็นคนสองคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกันและกันในกรง…
สุดท้ายแล้วใครแพ้ใครชนะกันแน่?