ตอนที่ 187-2
รากวิญญาณเพลิงโดยกำเนิด การแข่งขันรอบที่สาม!
ในระหว่างที่กลับเรือนรับรอง มู่ชิงเกอก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายกับจ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟย กลับไปที่ห้องของตนเอง
เมื่อปิดประตูห้องแล้ว มู่ชิงเกอก็หันกายหายตัวไปจากที่เดิม เข้าไปในช่องว่าง
ภายในช่องว่าง ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะไม่ได้แตกต่างไปจากปรกติ หยวนหยวนยังคงเล่นอยู่บนสนามหญ้าข้างนอก หยินเฉินก็ฝึกวิชาอย่างนิ่งเงียบ
ที่ขาดไปอยู่อย่างเดียวก็คือเงาร่างของเหมิงเหมิง
“ลูกพี่ท่านแม่!” เมื่อมองเห็นมู่ชิงเกอแล้ว หยวนหยวนก็พุ่งเข้ามาหานางด้วยความยินดีในทันใด ก้อนเนื้อพุ่งเข้ามาในอก มู่ชิงเกอก็รีบยื่นสองมือออกไปรับ
หยวนหยวนที่กลืนกินพญาเพลิงปาฮวงซูคง ตอนนี้กลายเป็นลักษณะเหมือนเด็กอายุสามสี่ขวบแล้ว อยู่ดีๆ ก็กระโดดขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ยังคงทำให้แขนทั้งสองของมู่ชิงเกอรู้สึกหนัก
“ลูกพี่ท่านแม่ หยวนหยวนคิดถึงท่านมากเลย เหตุใดท่านถึงเพิ่งมา!” เมื่ออยู่ในอ้อมอกของมู่ชิงเกอ หยวนหยวนก็ซุกไซ้ไปตามชายเสื้อของนาง กลิ่นที่ออกมาจากตัวของมู่ชิงเกอ ทำให้เขารู้สึกสบายจนต้องหลับตาผ่อนคลายลง
สำหรับเด็กแล้ว มู่ชิงเกอไม่มีประสบการณ์ใดๆ แม้แต่การพูดคุยกับเด็กก็ยังน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
แม้ว่าหยวนหยวนไม่ใช่เด็กธรรมดาแต่เป็นพญาเพลิง ทั้งยังเป็นพญาเพลิงที่ถูกจัดวางเป็นอันดับหนึ่งในหลินชวนอย่างพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนด้วย
แต่ว่าเขาในตอนนี้ก็มีลักษณะเหมือนกับเด็กน้อย ทั้งยังเป็นเด็กน้อยที่ค่อนข้างแก่แดด
เมื่อรู้สึกว่าหยวนหยวนกำลังถูไปถูมาที่ด้านหน้าหน้าอกของตนเอง แม้ว่าจะมีเสื้อผ้าขวางกัน แต่ก็ยังคงทำให้มู่ชิงเกอหน้าแดง นางขยุ้มคอเสื้อของหยวนหยวนขึ้น โยนเขาไปอีกทางอย่างไม่เกรงใจ ทำหน้าขึงขังเอ่ยถามว่า “เหมิงเหมิงล่ะ?”
หยวนหยวนปีนขึ้นมาจากพื้นอย่างอดสู ลูบๆ ก้นของตนเอง “นางรู้ว่าลูกพี่ท่านแม่จะมาจึงไปแอบซ่อนตัวแล้ว”
มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก เดินไปทางบ่อสายฟ้า ทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่ง “ให้นางมาพบข้าที่บ่อสายฟ้า มิฉะนั้นผลที่ตามมาจะต้องรับผิดชอบเอง”
หลังจากที่ผ่านศึกครั้งใหญ่ระหว่างนางกับเฉินปี้เฉิงแล้ว ร่างกายก็เมื่อยล้านัก เป็นเวลาดีที่สุดที่จะปรับสภาพร่างกาย แน่นอนว่าไม่อาจจะพลาดได้
เมื่อเข้าไปภายในบ่อสายฟ้า มู่ชิงเกอก็พาร่างกายของตนเองให้จมลงไปทั้งหมด พลังสายฟ้าในบ่อสายฟ้าเคลื่อนไหวไปมาบนร่างกายของนางไม่หยุด เกิดเสียง ‘เปรี้ยง’ ดังขึ้น ผลัดผิวหนัง เลือดเนื้อและกระดูกของนาง มู่ชิงเกอที่อยู่ระหว่างการฝึกฝน รอจนพลังจิตของนางโคจรไปได้รอบหนึ่งแล้ว นางถึงค่อยลืมตาขึ้น พลังสายฟ้าสองสายพุ่งออกมาจากดวงตาของนาง
ส่วนมุมหนึ่งของบ่อสายฟ้า เหมิงเหมิงนิ่งอยู่ที่นั่น ในมือถือกิ่งไม้เล็กๆ อันหนึ่ง เคาะบนพื้นอย่างต่อเนื่อง
“เหมิงเหมิง” มองเห็นนาง มู่ชิงเกอก็เอ่ยปาก
เมื่อได้ยินเสียงของมู่ชิงเกออย่างกะทันหัน เหมิงเหมิงก็พลันตกใจจนทำให้กิ่งไม้ในมือตก รีบยืนขึ้น เอาสองมือไว้ด้านหลัง
ท่าทางของนางทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มขี้เล่น “เจ้าตกใจอะไร?”
“ไม่ ไม่มีอะไร!” เหมิงเหมิงกวาดตาไปมาไม่กล้าสบสายตากับมู่ชิงเกอ
ท่าทางที่ดูสำนึกผิดของนาง ดูแล้วก็ทำให้มู่ชิงเกอยิ้มเยาะขึ้นในใจ นางยังคงรักษาใบหน้าเดิม เอ่ยถามเสียงเข้มว่า “ข้าขอถามเจ้า ในตอนที่ข้าประลองกับเฉินปี้เฉิง อยู่ดีๆ เจ้าก็พูดขึ้นมาว่ารากวิญญาณเพลิงโดยกำเนิด นั่นหมายความว่าอย่างไร?” ถ้าหากว่านางไม่ได้จำผิดแล้วล่ะก็ แรกเริ่มที่นางเข้ามาในโลกแห่งนี้และใช้พลังสายฟ้านั้น ก็ได้ถูกซือมั่วพบเห็นและได้พูดประโยคหนึ่ง
ว่ารากวิญญาณสายฟ้า
“อ้า! ข้าไม่ได้พูด เป็นเพราะเจ้านายฟังผิดไปหรือเปล่า? ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย” เหมิงเหมิงส่ายศีรษะอย่างแรง
“ไม่ได้พูดจริงๆ น่ะหรือ?” มู่ชิงเกอหรี่ดวงตาลงอย่างอันตราย “เช่นนั้นก็ดี ต่อไปข้าก็ไม่มียาอะไรสำหรับเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
“อย่า—–!” เหมิงเหมิงตะโกนออกมา
ถึงแม้ว่าเม็ดโอสถจะไม่ได้เพิ่มพลังให้นาง แต่ก็มีบางอย่างที่เมื่อเสพติดแล้วก็จะเหมือนกับชิ้นส่วนในโครงกระดูกไม่อาจขาดได้ หากไม่มีแล้วก็มีผลถึงชีวิต เหมิงเหมิงร้องไห้เอ่ยว่า “เจ้านายใจร้าย! ทุกครั้งก็ล้วนแต่ข่มขู่ข้า!”
มู่ชิงเกอยกมือขึ้น นิ้วมือมีสายฟ้าแล่นผ่านเหมือนงูเลื้อย ตกลงไปตรงข้างเท้าของเหมิงเหมิง ระเบิดออกเป็นหลุมเล็กหลุมหนึ่ง เหมิงเหมิงตกใจมากรีบกระโดดถอยหนี หลบจากอันตราย
นางมองมู่ชิงเกอด้วยความหวาดกลัว
มู่ชิงเกอกลับเอ่ยด้วยท่าทางที่ดูเย็นชาว่า “มีหลายเรื่องที่เจ้ารู้แต่ติดที่ว่าระดับพลังของข้ายังไม่ถึงจึงปฏิเสธที่จะบอก แต่เจ้าต้องชัดเจนไว้หนึ่งเรื่อง ข้าถึงจะเป็นเจ้านายของเจ้า เจ้าจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า อะไรที่ทำประโยชน์ให้ข้า อะไรที่เป็นโทษต่อข้า คนที่จะตัดสินใจนั้นคือข้าไม่ใช่เจ้า”
“เจ้านาย…” เหมิงเหมิงมองมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอที่เป็นเช่นนั้นนางยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
มู่ชิงเกอค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากบ่อสายฟ้า เดินไปถึงตรงหน้าของเหมิงเหมิง ก้มหน้าลงมองนาง “ตอนนี้ข้าถามเจ้า อะไรคือรากวิญญาณ?”
บนหน้าของนาง ปกคลุมไว้ด้วยเงามืด หว่างคิ้วแผ่ความเยียบเย็นออกมาดุจนํ้าแข็ง
เหมิงเหมิงตกตะลึงอยู่ที่เดิม เงยหน้ามองมู่ชิงเกอ
นางคิดมาเสมอว่า มู่ชิงเกอกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ถึงแม้ว่านางในตอนนี้จะไม่ถือว่าอ่อนแอ แต่ก็ยังคงเหมือนกับกุ้งตัวเล็ก แต่ในตอนนี้ นางกลับสัมผัสได้ถึงจิตใจอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานของมู่ชิงเกอ
‘แม้ว่าพลังของเจ้านายยังไม่เพียงพอ แต่ว่าจิตใจของนางก็แข็งแกร่งจนยากที่จะหาใครมาเทียบได้!’ เหมิงเหมิงพูดอยู่ในใจขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“รากวิญญาณเพลิงโดยกำเนิดถือว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง วาสนานี้ตัดสินระดับที่เขาสามารถเข้าถึงได้ในอนาคต” ในที่สุดเหมิงเหมิงก็เอ่ยปาก
เมื่อเอ่ยปากแล้ว นางก็เก็บภาพลักษณ์ที่ดูน่ารักในเวลาปกติ เพิ่มความจริงจังขึ้นมา
นางเงยหน้ามองมู่ชิงเกอที่ใบหน้าถูกปกคลุมไปด้วยเงามืด ที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าของนางอย่างจริงจัง เอ่ยอย่างดูเป็นผู้ใหญ่ว่า “ในหลินชวนคลับคล้ายคลับคลาว่าจะไม่เคยมีเรื่องราวที่รากวิญญาณปรากฏขึ้นมาก่อน เจ้านายเป็นข้อยกเว้น เฉินปี้เฉิงนั่นก็เช่นกัน”
มู่ชิงเกอหรี่ดวงตาเล็กลง คำพูดของเหมิงเหมิง วนกลับไปมาภายในหัวของนางรอบหนึ่ง
นางถาม “รากวิญญาณเพลิงโดยกำเนิดกับสายเลือดแห่งเพลิงของหานฉายไฉ่มีความแตกต่างกันหรือไม่?”
เหมิงเหมิงขมวดคิ้ว มองไปรอบๆ ดูเหมือนว่ากำลังครุ่นคิดว่าจะตอบปัญหาของมู่ชิงเกออย่างไรดี
ครู่หนึ่งนางถึงกล่าวว่า “สามารถอธิบายได้เช่นนี้ คนที่มีรากวิญญาณเพลิง ถ้าหากพลังเกิดตื่นขึ้น เช่นนั้นพวกเขาก็จะสามารถควบคุมเปลวเพลิงบนโลกนี้ได้ทั้งหมด แม้แต่เลือดของเขาก็เป็นเปลวเพลิง ส่วนคนที่มีสายเลือดแห่งเพลิงสามารถพูดได้ประมาณว่าพวกเขานั้นมีความใกล้ชิดกับเพลิงโดยธรรมชาติ ในคนสิบคนที่มีสายเลือดแห่งเพลิงบางทีก็อาจไม่มีใครมีรากวิญญาณเพลิงเลยก็ได้”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว นางนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่ากำลังทำความเข้าใจในคำพูดของเหมิงเหมิง
เหมิงเหมิงเห็นในแววตาของนางยังฉายแววสงสัยจึงเพิ่มเติมไปอีกหนึ่งประโยคว่า “เจ้านายสามารถเข้าใจเช่นนี้ก็ได้ คนที่มีรากวิญญาณเพลิงก็มีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นเทพ”
เทพ!
เทพอีกแล้ว!
มู่ชิงเกอหรี่ตา หลุบตาลง
“คนที่มีรากวิญญาณเพลิงมีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นเทพ” มู่ชิงเกอพึมพำประโยคนี้เบาๆ
เหมิงเหมิงพยังหน้า “ไม่ผิด! วาสนาเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดตั้งแต่กำเนิด คนที่มีรากวิญญาณตั้งแต่เกิด ก็สามารถพูดได้ว่าได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์มีพรสวรรค์เป็นเลิศและมีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นเทพ ส่วนคนที่มีเพียงสายเลือดพิเศษพวกนั้น ถึงแม้ว่าจะมีพรสวรรค์แค่ไหนก็ไม่อาจไปไกลถึงระดับเทพได้ช่องว่างนั้นไม่อาจใช้ความพยายามข้ามฝ่าไปได้ ส่วนคนที่แม้แต่สายเลือดพิเศษก็ไม่มีก็ยิ่งยาก แม้แต่ขอบมุมของเทพก็ไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้”
รากวิญญาณ สายเลือด…
ในใจของมู่ชิงเกอเกิดอาการตกตะลึง
สิ่งที่เหมิงเหมิงพูดมาไม่ใช่สิ่งที่ระดับของหลินชวนจะสามารถสัมผัสได้
นางไม่รู้ว่าพลังพิเศษธาตุสายฟ้าของตนจะถือเป็นรากวิญญาณไหม เดิมทีนางมีพลังพิเศษสองอย่างคือสายฟ้าและช่องว่าง แต่หลังจากนั้น พลังพิเศษช่องว่างที่ สามารถเก็บของของนางก็ถูกเหมิงเหมิงกลืนเข้าไป กลายเป็นช่องว่างที่ดูเหมือนโลกใบเล็กๆ ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่า ถือเป็นรากวิญญาณหรือไม่
ส่วนสายเลือด นางก็มีสายเลือดหลอมอาวุธจากมารดา
พรสวรรค์… ร่างเดิมที่อ่อนแอของนางก็ถูกยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอดัดแปลงไปแล้ว ความสามารถของนางจึงมีสิบเท่าของคนธรรมดา
ดูเหมือนว่านางมีศักยภาพทั้งหมดอยู่ในตัวหมดแล้ว รอแต่นางเดินออกจากถนนขึ้นสู่จุดสูงสุดก็เท่านั้น แต่ในใจของนางกลับรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายถึง เพียงนั้น
มนุษย์เพียงแค่เกิดขึ้นมาก็ถูกแบ่งตามระดับต่างๆ จริงๆ น่ะหรือ? เหล่าคนที่มีรากวิญญาณและสายเลือดก็คือถูกกำหนดว่าเป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์งั้นหรือ?
อาจจะเป็นเพราะว่ามู่ชิงเกอไม่เคยรู้สึกว่าตนเองนั้นเกิดมาอย่างสูงส่ง ดังนั้นถึงแม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ที่คนอื่นปรารถนา แต่นางก็ยังคงไม่คิดว่าตนเองนั้นเป็นอัจฉริยะเหมือนเดิม
นางเพียงแต่คิดว่าแปลกประหลาด ถ้าหากว่าเป็นอย่างเช่นที่เหมิงเหมิงพูดว่าทุกอย่างล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว เช่นนั้นมนุษย์ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องละทิ้งความพยายามของเขาไปหรือ?
“เจ้านาย ท่านในตอนนี้คิดมากเกินไปแล้ว มีอีกหลายเรื่อง ที่ข้ายากจะอธิบายให้ท่านเข้าใจ รอท่านเดินไปถึงระดับสูงแล้วก็จะเข้าใจมันเอง” เสียงของเหมิงเหมิงกลายเป็นน่ารักขึ้นอีกครั้ง
มู่ชิงเกอถอนหายใจออกมา พยักหน้า
เหมิงเหมิงพูดถูก ตอนนี้นางรู้เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้นางไม่ต้องสับสนอีกต่อไป
“มีคนเคยบอกข้าว่าอย่าได้เปิดเผยรากวิญญาณสายฟ้าของตนเองง่ายๆ นี่เป็นเพราะเหตุใด?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามปัญหาออกมาอีกครั้ง
นางเคยถามเหมิงเหมิงเมื่อนานมาแล้ว แต่ในตอนนั้นเหมิงเหมิงคิดว่านางยังคงอ่อนแอมากจึงปฏิเสธที่จะตอบ
ตอนนี้ในเมื่อมาถึงปัญหานี้แล้ว เช่นนั้นนางก็จะขอถามอีกครั้ง