Skip to content

พลิกปฐพี 421

ตอนที่ 421

เผ่าอี้เหล่านี้

“กัดตายทั้งเป็น! เผ่าอี้เหล่านี้! เดรัจฉานเหล่านี้! พวกมันกล้าทำเช่นนี้เชียว!” ดวงตาของหยวนฟงแทบถลนออกมา นัยน์ตาแดงฉาน

คำพูดนี้ของเขาดึงดูดความสนใจของมู่ชิงเกอ นางหันไปมองเขาแล้วพูดว่า “พูดให้ชัดเจน”

หยวนฟงชะงักแล้วก็ก้มหน้าลงเม้มริมฝีปาก

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว กู่หยาเดินเข้ามาได้ทันแล้วกระซิบที่ข้างหูของนางว่า “เผ่าอี้ใช้ซากร่างของของเผ่าเทพและมารเป็นอาหาร ดูเหมือนสามารถเพิ่มพลังได้ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้จะปล้นไปเฉพาะซากศพหลังจบศึกเท่านั้น มาตอนนี้กลับ…”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววแปลกใจ

นี่เป็นเผ่าอะไรกัน ถึงได้ใช้ซากร่างของของเผ่าเทพและมารเป็นอาหาร?

เพราะเหตุใด…

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น เกิดความคุ้นเคยภายในใจ ดูเหมือนว่านางจะรู้สึกว่าเผ่าอี้ไม่ได้แปลกประหลาดสำหรับนาง

นัยน์ตาฉายแวววาววาบเล็กน้อย มู่ชิงเกอมองไปบนชิ้นส่วนที่ถูกผ้าขาวปกคลุมอีกครั้งแล้วสงหยวนฟงว่า “นำพวกเขาออกไปฝังรวมกัน ในเมื่อแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครก็ฝังด้วยกัน ถือว่าพวกเขาเกิดที่เดียวกัน ตายหลุ เดียวกัน ถือว่าเป็นการไปสู่สุคติอย่างหนึ่ง”

หยวนฟงพยักหน้า สั่งการให้คนอื่นๆ จัดการตามที่มู่ชิงเกอสั่ง

เมื่อจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้ว มู่ชิงเกอก็มองออกไปด้านนอกแล้วพูดกับเจ้าเมืองย่อยทั้งสี่และหยวนฟงว่า “ไปดูที่กำแพงกันเถอะ”

นางต้องการดูว่าเผ่าอี้เป็นอย่างไรกันแน่ ถึงได้สามารถพัวพันเผ่าเทพและมารมาได้นับแสนปี

“พระชายาเพิ่งมาถึง ไม่พักผ่อนก่อนหรือ?” หยวนฟงได้สติขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ชิงเกอแล้วก็รีบพูดออกไป พระชายาตั้งครรภ์อยู่มิใช่หรือ สามารถทำงานหนักเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?

“ไม่จำเป็น” มู่ชิงเกอส่ายหน้าปฏิเสธ

ชิงเจ๋อและหลิงจิวมองหน้ากัน

สั่วเซิ่งและเซ่อฉินก็ลอบส่งสายตาหากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

กลุ่มคนเดินตามหยวนฟงขึ้นไปบนกำแพงสูง

กำแพงนี้ตั้งขึ้นตามแนวแม่น้ำเมิ่งหลาน ปกป้องแดนมารไว้อย่างหนาแน่น

“อีกฝั่งของแม่นํ้าคืออะไร?” มู่ชิงเกอมองไกลออกไป ยังหมอกสีดำหนา มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก

กู่เย่เข้าใจความหมายของนางจึงตอบว่า “เป็นพื้นที่รกร้างและก็เป็นช่วงรอยต่อระหว่างเผ่าเทพและมาร ช่องว่างของที่นี่สับสนวุ่นวาย เผ่าอี้จึงบุกเข้ามาได้ง่าย”

มู่ชิงเกอค่อยๆ พยักหน้า ก่อนหน้านี้นางได้ดูแผนที่ของแดนมารก็ไม่มีคำอธิบายของพื้นที่แห่งนี้

เพราะเป็นเช่นนี้นางถึงมองไม่เห็นเผ่าอี้

มู่ชิงเกอยืนอยู่บนกำแพง วางมือลงบนกำแพงแข็งแกร่ง ด้านหลังของนางมีกู่หยาและกู่เย่ยืนอยู่ ส่วนด้านซ้ายและขวาของนาง แบ่งเป็นชิงเจ๋อกับหลิงจิว สั่วเซิ่งและเซ่อฉิน

ส่วนหยวนฟงถูกบีบให้ออกไปยืนนอกวง

“พระชายา กองทัพเผ่าอี้อยู่ในหมอกของฝั่งตรงข้าม” หยวนฟงชี้ไปยังหมอกหนาแล้วอธิบายให้มู่ชิงเกอฟัง

มู่ชิงเกอพยักหน้า นางมองไปที่แม่นํ้าสีดำมองไม่เห็นก้น ดูน่ากลัว

มีแม่นํ้าขวางกั้นอยู่แล้วเผ่าอี้ข้ามมาได้อย่างไร?

ก่อสะพานหรือใช้เรือข้ามฟาก?

มู่ชิงเกอถามตัวเองในใจ ริมแม่นํ้าเมิ่งหลานเป็นภูมิประเทศที่ดีในการป้องกัน เป็นกำแพงชั้นดี

ในระหว่างที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็มีเสียงแหลมดังขึ้นมา

เสียงนี้ทำให้นางชะงักไป นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ

‘เสียงนี้มัน…’

ในขณะที่นางกำลังตะลึงอยู่นั้น หยวนฟงก็มีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที ตะโกนไปยังทหารมารด้านซ้ายและขวาว่า “เร็ว! เผ่าอี้จะบุกโจมตีแล้ว ทุกคนเตรียมออก ศึก!”

“พระชายา เผ่าอี้เริ่มบุกโจมตีแล้ว ท่านรีบเข้าไปหลบก่อนเถอะ” สั่วเซิ่งมองมู่ชิงเกอแล้วพูดออกมาเสียงเรียบ

มู่ชิงเกอมอบความปลอดภัยของนางให้เขาดูแล หากว่านางเป็นอะไรไป ตนเองก็ไม่ใช่ว่าเดือดร้อนตามไปด้วยหรือ?

“ไม่ผิด! ที่นี่มีพวกเราแล้ว พระชายากลับเข้าไปหลบก่อนเถิด” ชิงเจ๋อก็พูดเช่นกัน

สำหรับพวกเขาทั้งสี่คนแล้ว การเฝ้าแม่นํ้าเมิ่งหลานและการคุ้มครองมู่ชิงเกอให้ปลอดภัยนั้นสำคัญมาก

ความเป็นห่วงของชิงเจ๋อและหลิงจิวก็เพราะซือมั่ว

ส่วนของสั่วเซิ่งและเซ่อฉินนั้นเป็นเพราะมู่ชิงเกอออกคำสั่ง

แต่มู่ชิงเกอกลับส่ายหน้าปฏิเสธพวกเขา “ไม่จำเป็น ข้าจะอยู่ที่นี่ พวกเจ้าต่อสู้ของพวกเจ้าไป ไม่ต้องเป็นห่วง”

นางต้องการเห็นเผ่าอี้ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้หรือไม่

“พระชายา!”

“พระชายาโปรดอย่าเอาแต่ใจได้หรือไม่!”

“พระชายากลับไปพักผ่อนเถอะ!”

“พระชายาที่นี่เป็นสนามรบไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะ”

ทั้งสี่คนขมวดคิ้วพยายามโน้มน้าว แต่มู่ชิงเกอก็ยังคงดื้อดึงไม่ยอมจากไปไหน ในตอนที่ทั้งสี่คนทั้งร้อนใจทั้งโมโหอยู่นั้น เสียงแหลมก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ส่วนมู่ชิงเกอก็ได้ยินเพียงหยวนฟงตะโกนว่า “สวมเกราะป้องกันเสียง!”

“เกราะป้องกันเสียง?” มู่ชิงเกอหันไปมองทหารมารที่อยู่ด้านซ้ายและขวาอย่างประหลาดใจ เห็นเพียงทุกคนล้วนแต่สวมอุปกรณ์ครึ่งวงกลมสีดำปกป้องส่วนหัวเอาไว้

มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลง แสงสีทองค่อยๆ ผุดวาบขึ้นในดวงตาของนาง

นางพบว่าภายในของสิ่งนั้นมีพลังสีดำชนิดหนึ่งที่สามารถขวางกั้นการโจมตีทางจิตวิญญาณได้

‘เผ่ามารมีวิธีเช่นนี้ด้วย!’ มู่ชิงเกอตะลึงในใจ นางมองไปทางเจ้าเมืองย่อยทั้งสี่ ท่าทางของพวกเขาดูปกดิดี ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับอิทธิพลใดๆ

ไม่เพียงแต่พวกเขา แม้แต่กู่หยาและกู่เย่ก็เช่นเดียวกัน

ขณะที่มู่ชิงเกอกำลังสงสัย คนอื่นๆ ก็แปลกใจกับนางเช่นเดียวกัน

เพราะพลังโจมตีทางจิตวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามไม่มีผลต่อนางเลย

เวลานี้เอง เงาร่างสีเขียวเข้มก็โผล่ออกมาจากหมอก พวกมันเรียงแถวหน้ากระดานเข้ามาทีละแถว มือเท้าเชื่อมกัน เหมือนคิดจะสร้างสะพานเพื่อเชื่อมกับอีกฝั่งของแม่นํ้าเมิ่งหลาน

‘สะพานลอยนํ้า’ สิบสายเชื่อมต่อกัน ตัวประหลาดสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งขึ้นมาบนสะพานด้วยท่าทางฮึกเหิม ดูน่ากลัวมาก

“เร็ว! ตัดพวกมันให้ขาด!” หยวนฟงชี้มือสั่งการเสียงดังขึ้นข้างหูของมู่ชิงเกอ

จากนั้นนางก็มองเห็นแสงเปลวไฟนับไม่ถ้วนลอยโค้งตกลงไปบน ‘สะพานลอยนํ้า’ นั้น

ไม่ถูกต้อง!’ นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นยะเยือก จ้องมองตัวประหลาดสีเขียวที่ถูกเปลวไฟละลายกลายเป็นของเหลวสีเขียวตกลงไปในแม่นํ้า

‘หากพวกมันโดนอาวุธฆ่าก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่หรือ?’ มู่ชิงเกอตกตะลึงในใจ

ตอนนี้นางแน่ใจแล้วว่าเผ่าอี้ที่เผ่ามารพูดถึงก็คือพวกตัวประหลาดสีเขียวที่นางพบในสนามรบโบราณของเทพมาร!

เมื่อพบอีกครั้งก็เหมือนว่าจะต้องทำความรู้จักใหม่

‘เหตุใด? เหตุใดการโจมตีของเผ่ามารถึงได้ผล?’ มู่ชิงเกอเอ่ยถามในใจด้วยความตกตะลึง

เปลวไฟสายหนึ่งตกลงไปทำลายสะพานลอยนํ้าเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง

ตัวประหลาดตัวเล็กตายไปไม่หยุด แต่ก็ยังมีอีกมากมายที่พุ่งมาถึงฝั่งแล้วก็มุ่งหน้ามายังกำแพง

บรรดาทหารเผ่ามารเตรียมพร้อมรบแล้ว ประจำที่ของใครของมันขัดขวางไม่ให้ตัวประหลาดตัวเล็กโจมตีกำแพง

“พระชายาระวัง!” ทันใดนั้น ก็มีมือข้างหนึ่งดึงมู่ชิงเกอถอยไปด้านหลัง

ด้านหลังของนางมีเสียงตวัดดาบดังขึ้น

สั่วเซิ่งขวางอยู่ตรงหน้าของนาง แสงสีดำวาบผ่าน ตัวประหลาดตัวเล็กตัวหนึ่งที่ปีนขึ้นมาบนกำแพงก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วน กรีดร้องและกลายเป็นหยดของเหลวสีเขียวตกลงไป

ท่าทางของมู่ชิงเกอดูเคร่งเครียดมาก มองไปยังข้อศอกของตนเองถึงได้พบว่าชิงเจ๋อเป็นคนดึงนางออกมา

เมื่อเห็นนางมองมาชิงเจ๋อก็รีบปล่อยมือและเอ่ยกับนางว่า “ข้าน้อยขออภัยที่เมื่อครู่เสียมารยาท”

มู่ชิงเกอค่อยๆ ส่ายหน้า ตอนนี้มีหลายอย่างที่นางยังคิดไม่ตก

“พระชายา ข้าว่าท่านไปหาที่หลบก่อนเถอะ” สั่วเซิ่งมองมู่ชิงเกอแล้วพูดอย่างเย็นชา

ถ้าหากไม่ใช่เพราะคำสั่งของมู่ชิงเกอก่อนหน้านี้ เมื่อครู่เขาจะไม่ลงมือเด็ดขาด

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววราบเรียบ ในที่สุดก็พูดกับกู่หยาและกู่เย่ว่า “พวกเจ้าตามข้ามาสักครู่”

พูดแล้วนาง ก็หันกายเดินไปยังป้อมบนกำแพง

ป้อมชนิดนี้มีทุกระยะบนกำแพง ปิดผนึกรอบด้านมีทางเข้าและออกเพียงทางเดียว มีหน้าต่างระบายอากาศ เพียงสองช่องเท่านั้น

เมื่อทั้งสามคนเข้ามาประตูป้อมก็ถูกปิดลงแน่นหนา

สั่วเซิ่งมองไปยังประตูที่ปิดสนิทแล้วนัยน์ตาก็ฉายแววดูแคลนออกมา

แต่เขาก็ไม่มีเวลาให้ไม่พอใจมากมายนัก เพราะไม่นานเจ้าเมืองย่อยทั้งสี่ก็เข้าสู่การต่อสู้

“ข้าขอถามหน่อยว่าพวกเจ้าฆ่าเผ่าอี้พวกนี้ให้ตายได้อย่างไร?” มู่ชิงเกอหันไปถามกู่หยาและกู่เย่

กู่หยาและกู่เย่มองหน้ากัน ดวงตาฉายแววมึนงง

สุดท้ายกู่เย่ก็ถามออกมาว่า “พระชายาเคยพบเผ่าอี้หรือ?”

พวกเขาคอยเฝ้าอยู่ข้างกายมู่ชิงเกอมาโดยตลอด และก็มองเห็นท่าทางที่มู่ชิงเกอมองเผ่าอี้ ดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งเคยเห็นเผ่าอี้เป็นครั้งแรก

มู่ชิงเกอพยักหน้า “เคยพบในสนามรบโบราณแห่งเทพมาร แต่การโจมตีธรรมดาของพวกเราทำให้พวกมันยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้น”

กู่หยาและกู่เย่เข้าใจในทันที

กู่หยาเอ่ยว่า “หากไม่มีระดับพลังถึงขั้นจิตวิญญาณชั้นสามก็จะไม่สามารถฆ่าเผ่าอี้เหล่านี้ได้”

“ขั้นจิตวิญญาณ!” มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลง

กู่เย่เอ่ยว่า “นี่เป็นระดับพลังบนแผนดินใหญ่แห่งเทพมาร ตอนนี้พวกเราพูดไปพระชายาก็ยากที่จะเข้าใจ”

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!’ มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว

ที่แท้ตัวประหลาดเหล่านี้ก็สามารถฆ่าให้ตายได้หากความสามารถถึงขั้น

“หากใช้พลังตํ่ากว่าชั้นจิตวิญญาณชั้นสามในการสังหารเผ่าอี้เหล่านี้ก็จะยิ่งฆ่ายิ่งเยอะขึ้น ก่อนหน้านี้ที่หยวนฟงสั่งให้ขว้างเปลวไฟออกไปนั้น ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ เปลวไฟจริงๆ แต่เป็นอาวุธอย่างหนึ่ง ด้านในมีพลังขั้นจิตวิญญาณขั้นห้าขึ้นไปผนึกอยู่ถึงได้สามารถทำลายสะพานลอยนํ้าของพวกเผ่าอี้ลงได้” กู่เย่ค่อยๆ อธิบาย

มู่ชิงเกอค่อยๆ เดินไปมาในป้อม ครุ่นคิดถึงคำพูดของกู่หยาและกู่เย่ แล้วก็ค่อยๆ ได้ข้อสรุปขึ้นมาในใจ

หมายความว่าหากนางใช้พลังวิญญาณโจมตีก็ไม่มีขอบเขตกำหนด แต่หากนางจะใช้พลังจิตโจมตีก็ต้องมีขั้นจิตวิญญาณขั้นสามขึ้นไป

อีกทั้ง…

มู่ชิงเกอสังเกตเห็นว่าแม้ว่าจะสามารถฆ่าเผ่าอี้เหล่านั้นได้ แต่ก็ฆ่าได้ทีละตัว ไม่เหมือนวิธีที่นางใช้ ที่ฆ่าได้คราวละมากๆ

“พวกเผ่าอี้ที่ตัวสูงเล่า? ที่คอยสั่งการเผ่าอี้ตัวเล็กเหล่านี้น่ะ” มู่ชิงเกอถามไปอีก

กู่หยาตอบว่า “ตามปกติแล้วพวกมันจะซ่อนตัวอยู่ในหมอกหนา”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเป็นประกายยิ้มออกมา นางมีแผนการในใจแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version