ตอนที่ 842
นอกจากกระดูกเหล็กแล้ว ยังมีกำปั้นเหล็กอีก
‘ในที่สุดก็ยอมออกมาแล้วสินะ!’
มองดูเงาร่างสีม่วงที่พุ่งออกมาจากวังราชาเทวะแล้ว มุมปากมู่ชิงเกอก็เชิดขึ้นมาเล็กน้อย
ล้วนชอบชุดเสื้อคลุมสีม่วงเหมือนกันแท้ๆ แต่เหตุใด ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยสวมแล้ว ดูสูงศักดิ์ลึกลับ เกียจคร้าน ชั่วร้าย แต่พอราชาเทวะจื่อกวงสวมแล้วกลับทำให้รู้สึกว่าเหลาะแหละไม่น่าเชือถือ
มู่ชิงเกอเบะปากในใจ สายตาจับจ้องเงาร่างนั้นด้วยความดูถูกดูแคลนยิ่ง
‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์คนผู้นี้อยู่ในแดนมารครั้งนั้นกลัวข้าจนแทบขาดใจตาย วันนี้ให้ข้าเอาชีวิตเขาแล้วกัน’ เสียงซือมั่วดังเข้ามาในสมองมู่ชิงเกอจากที่ไกลๆ
มู่ชิงเกอเก็บงำความรู้สึกแล้วถ่ายทอดเสียงตอบรับว่า ‘ไม่ต้อง ข้าฆ่าเขาเอง ไม่ต้องให้เจ้าลงมือหรอก’
พูดจบนางก็ขยับตัวทำให้เกิดแสงวาบลากยาวขึ้นในอากาศเคลื่อนย้ายไปปรากฎอยู่เบื้องหน้าราชาเทวะจื่อกวง
ราชาเทวะจื่อกวงชะงักทันที หยุดนิ่งลอยอยู่บนอากาศ
เขามองไปทางมู่ชิงเกอ แววตาโหดเหี้ยมขึ้นมาทันที “เป็นเจ้าเอง! เจ้ากล้ามาปรากฎตัวต่อหน้าข้าเชียวหรือ!”
มุมปากมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เหตุใดจะไม่กล้าเล่า ข้าตั้งใจมารอราชาเทวะที่นี่โดยเฉพาะเลย”
คำพูดของนางทำให้หางตาราชาเทวะจื่อกวงกระตุกโดยไม่รู้ตัว ลางร้ายปรากฎขึ้นในอก
แววตาของราชาเทวะจื่อกวงเต็มไปด้วยความมืดดำและแหลมคม เขาจับจ้องมู่ชิงเกอแอบมองหาโอกาสหนี ถึงแม้ใจเขาจะเชื่อว่ามู่ชิงเกอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่การไปยังแดนมารของเขาทำให้เกิดมารร้ายฝังลึกในจิตใจ เกิดความหวาดกลัวจากภายใน ดังนั้นในขณะเผชิญหน้าศัตรู สิ่งแรกที่คิดจึงไม่ใช่จะรับมือศัตรูอย่างไรแต่อยู่ที่จะหนีอย่างไรต่างหาก
“เจ้าซ่อนเร้นได้ลึกลํ้ามากจริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นตระกูลมู่เหลือเดนกลับกล้าไปมาเปิดเผยในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร กระทั้งยังเป็นถึงราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ย ปิดบังคนทั้งปวงได้!” ราชาเทวะจื่อกวงเอ่ยปากคิดจะถ่วงเวลา
มู่ชิงเกออมยิ้มไม่พูด นัยน์ตาที่ใสกระจ่างราวกับเข้าใจทุกอย่างได้อย่างปรุโปร่ง
แววตาเช่นนี้ทำให้ราชาเทวะจื่อกวงชิงชังอย่างยิ่ง
ราวกับว่าตัวเองในสายตาเขานั้นเป็นเพียงตัวตลก ใช้การแสดงโง่เง่าเอาใจคนทั่วไป
สีหน้าของราชาเทวะจื่อกวงน่าเกลียดยิ่งขึ้นกว่าเดิม หว่างคิ้วเต็มไปด้วยไอสีดำ
“ราชาเทวะคิดจะถ่วงเวลาหรือ” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นกะทันหัน
นํ้าเสียงของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน แววตาเต็มไปด้วยแววหยอกล้อ
จื่อกวงหัวใจกระตุกเม้มปากแน่นจับจ้องที่มู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอไม่ได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย สายตากวาดผ่านการเข่นฆ่าในดินแดนจื่อกวงอย่างนิ่งเรียบ เอ่ยถามว่า “ราชาเทวะจากไปเช่นนี้ได้คิดถึงลูกศิษย์ดินแดนจื่อกวงบ้างไหม”
“หึ เจ้าเป็นคนฆ่าพวกเขาแล้วเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยเล่า” ราชาเทวะจื่อกวงถามเสียงโหด
การตอบรับที่แสนจะหน้าด้านไร้ซึ่งความรับผิดชอบเช่นนี้ทำให้มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว ฉับพลันนั้นก็เข้าใจแจ่มแจ้ง “ที่แท้ลูกศิษย์เหล่านี้สำหรับท่านแล้วล้วนสามารถทอดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจท่านเอง”
แววตาราชาเทวะจื่อกวงเครียดลง
มู่ชิงเกอยกมือขึ้นในทันใดชี้ไปที่ราชาเทวะจื่อกวง ใช้นํ้าเสียงเย็นเฉียบพูดว่า “ในเมื่อท่านเองยังไม่รู้สึกรักเสียดาย อย่างนั้นข้าจะยิ่งฆ่าให้ถึงอกถึงใจยิ่งขึ้น”
พูดจบมือขวานางก็กำเข้าหากัน พลังเทพที่แข็งแกร่งทั้งพลังกฎบัญญัติต่างรวมตัวกันในมือนางกลายเป็นรูปมังกร
โฮก!
เสียงมังกรเรียก ดังกังวานบนท้องฟ้าดินแดนจื่อกวงทำให้ผู้คนที่กำลังฆ่าฟันกันบนพื้นดินโดยไม่อาจแยกว่าใครเป็นใคร ต่างแหงนหน้าขึ้นมามองไปยังท้องฟ้า
ทันใดนั้นเมฆลมพลันเปลี่ยนสี พลังกฎบัญญัติถาโถมเข้ามา
มังกรยักษ์บนท้องฟ้า ถูกอัดแน่นด้วยพลังกฎบัญญัติที่มีมากขึ้น ผาดโผนอยู่ท่ามกลางขุนเขาทะเลเมฆ
“หมัดมังกรฟ้า!” ตาดำของราชาเทวะจื่อกวงหดลงเพราะจำท่าหมัดนี้ได้
มู่ชิงเกอยิ้ม “ท่าทางท่านจะมีความจำที่ดีมากเกี่ยวกับบัญญัติอาคมของตระกูลมู่! ในเมื่อรู้ว่านี่คืออะไร การตายอยู่ที่นี่ก็คงไม่เสียใจแล้ว”
“เจ้านึกว่าข้าจะถูกฆ่าได้ง่ายๆ หรือ!” ราชาเทวะจื่อกวงโมโหโกรธา
หากราชามารฆ่าเขาก็ช่างเถอะ แต่นี่ตระกูลมู่เหลือเดนแค่นี้จะมาทำคุยโม้คุยโตอะไรต่อหน้าเขา
ราชาเทวะจื่อกวงพุ่งเข้าโจมตีมู่ชิงเกอ รอบตัวทั้งคู่ปรากฎพลังกฎบัญญัติที่รุนแรงไร้เทียมทาน สะเทือนท้องฟ้าดินแดนจื่อกวงขึ้น ชั้นเมฆที่หนาแน่นนั้นเกิดวังวนใหญ่โตมโหฬารไม่มีใดเทียบ
วังวนนั้นมีแต่พลังที่เหี้ยมโหดราวกับว่าจะสามารถดูดกลืนบริเวณนี้ไปได้ทั้งหมด
“ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นเจ็ด! เจ้าเป็นถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นเจ็ด!” หลังจากพลังบารมีของมู่ชิงเกอปรากฎออกมาจนหมด ราชาเทวะจื่อกวงก็สั่นสะท้านจนถอยหลังไปสามก้าว
เขาเป็นเพียง…ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นหก!
ส่วนมู่ชิงเกอเบี้ยตัวเล็กๆ ที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา มดปลวกตัวหนึ่งถึงขนาดแซงหน้าเขาไปอย่างเงียบเชียบได้
นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร!
เขาไม่เชื่อ!
ไม่เชื่อเด็ดขาด!
‘จะต้องใช้วิชาพรางตา ทุกสิ่งล้วนหลอกลวง หลอกลวง!’ ราชาเทวะจื่อกวงคำรามในใจ ‘ใช่ เขาต้องใช้วิชาลับอะไรทำให้ตบะบำเพ็ญตัวเองเลื่อนสูงขึ้นแน่’
เขาพยายามหาเหตุผลอธิบายความแข็งแกร่งของมู่ชิงเกอ
ท่ามกลางความสั่นสะท้าน เขาไม่ทันได้สังเกตแม้กระทั่งว่ามังกรฟ้านั้นกำลังพุ่งตรงเข้ามาที่หน้าอกของเขาอย่างเงียบเชียบ!
ปัง!
การปะทะอย่างรุนแรงดังขึ้นกลางอากาศ
หมัดมังกรฟ้าทำลายพลังกฎบัญญัติที่ราชาเทวะจื่อกวงรวมตัวขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“อ๊อก!”
ราชาเทวะจื่อกวงหงายหลังกลับไปอ้าปากพ่นโลหิตออกมาคำใหญ่ พลังหลักวิถีที่ซุกซ่อนอยู่ในหมัดมังกรฟ้าพุ่งเข้าไปในร่างกายเขา ทรมานเขาทั่วร่าง ทำให้ผิวหนังของเขาผุดรอยร้าวสีทองขึ้นมานับไม่ถ้วน
“อ๊าก!” ราชาเทวะจื่อกวงร้องเสียงดัง ที่รัดผมบนศีรษะถูกกระแทกจนแหลกละเอียด ผมยาวปลิวสยายทั้งถูกลมพัดจนกระเซิง
เขายันร่างให้ยืนได้ด้วยความยากลำบาก มองมู่ชิงเกอ อย่างเจ็บแค้น สายตาโหดเหี้ยมอำมหิต
“กระบี่จื่อจี๋!” เขาพยายามเค้นคำนี้ออกมาจากไรฟัน
ทันใดนั้นแสงสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนสายหนึ่งในดินแดนจื่อกวงพลันพุ่งขึ้นจากพื้นดินมารายล้อมอยู่รอบกายเขา รวมตัวกันเป็นกระบี่ยักษ์ปรากฎอยู่ด้านหลัง
กระบี่ยักษ์นั้นชี้ขึ้นไปบนปุยเมฆด้วยพลังบารมีแข็งแกร่ง สายตามู่ชิงเกอเลื่อนไปอยู่ที่ปลายกระบี่
ทันใดนั้นกระบี่ยักษ์นั้นก็พลันแปลงเป็นกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วน ราวกับรัศมีแสงนับหมื่นจั้งแผ่ขยายอยู่ด้านหลังราชาเทวะจื่อกวง
ดวงตามู่ชิงเกอหรี่ลงแต่ไม่ได้สั่นสะท้าน เพียงแต่รู้สึกว่าเหมือนธนูนับหมื่นยิงออกมาพร้อมกัน อีกทั้งราชาเทวะจื่อกวงยังยืนอยู่ข้างหน้าทำให้ดูเหมือนนกยูงกำลังรำแพนหาง
แสงกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งตรงมาที่มู่ชิงเกอราวกับฝนกระบี่
แสงกระบี่เหล่านี้พุ่งตัดท้องฟ้านำพาพลังกฎบัญญัติหลากหลายชนิดประชิดเข้ามาเรื่อยๆ
สองตามู่ชิงเกอหรี่ลง เงาร่างวูบหายไปจากที่เดิม ทำให้แสงกระบี่เหล่านั้นโฉบผ่านจุดที่นางเคยยืนอยู่
แสงกระบี่พุ่งใส่อากาศว่างเปล่าและรวมตัวเป็นกระบี่ยักษ์กลางอากาศมุ่งตามโจมตีนางอีกครั้ง
ขณะที่เงาร่างมู่ชิงเกอปรากฎอีกครั้ง นางก็ยื่นนิ้วชี้ขวาออกมาและค่อยๆ กดลง…
“นิ้วหนึ่งจิต หมื่นจิตล้วนสลาย!”
บึ้ม!
นิ้วสีทองขยี้กระบี่ยักษ์จนสลายหายไปแล้วมุ่งหน้าไปยังราชาเทวะจื่อกวง
นิ้วมือนั้นเคลื่อนไหวช้ามาก แต่ราชาเทวะจื่อกวงกลับไม่สามารถหลบหนีได้
“นิ้วหนึ่งจิต…” ราชาเทวะจื่อกวงแหงนหน้ามองนิ้วมือที่พุ่งลงมายังตัวเอง เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ