ตอนที่ 86-5
ภายนอกหลินชวน ช่องว่างที่เปลี่ยนไป
ยอดฝีมือจากต่างแดนยื่นมือยาวออกไปงอนิ้วมือทั้งห้าเป็นกรงเล็บ แรงอันมหาศาลแรงหนึ่งผลักร่างที่อยู่บนพื้นของมู่ชิงเกอขึ้นมา แล้วลอยไปหาเขา
ในสายตาอันสว่างสดใสของมู่ชิงเกอ ราวกับมีแรงกระทำอะไรบางอย่างที่ไร้รูปร่างพุ่งเข้าไปหาแล้วดึงตัวนางเข้าไป ประหนึ่งจะบดตัวนางจนละเอียด…
ไม่มีการลังเล นางตะโกนเสียงดัง
“กู่หยา~~~”
ทันใดนั้น มู่ชิงเกอรู้สึกว่าแรงดึงดูดนั้นได้หายไปแล้วร่างของนางก็เสียการทรงตัวร่วงลงกับพื้น
ระหว่างที่หล่นลงนั้น นางเห็นเพียงแค่เงาร่างสีดำอันสูงโปร่งของกู่หยายืนอยู่ตรงหน้านาง เห็นเพียงแสงกระบี่วาบผ่าน ร่างของยอดฝีมือจากต่างแดนผู้เก่งกาจก็พลันถูกแบ่งเป็นสองส่วนแล้วหล่นลงพื้นอย่างน่าตกใจ
ตุบ! ตุบ!
มู่ชิงเกอและร่างไร้วิญญาณของยอดฝีมือจากต่างแดนผู้นั้นหล่นลงพื้นแทบจะพร้อมกัน
แตกต่างกันตรงที่คนแรกยังมีชีวิตอยู่ แต่อีกคนหนึ่งนั้นได้ตายไปแล้ว
ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายของนางไม่อาจสู้ความตื่นตระหนกของภายในจิตใจนางได้ นางรู้ว่ากู่หยาเก่งกาจมากและรู้ว่ายอดฝีมือจากต่างแดนผู้นี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ทว่า นางกลับคิดไม่ถึงว่ายอดฝีมือจากต่างแดนจะตายอย่างง่ายดายเช่นนี้
ท่าทางที่อึ้งจนอ้าปากค้างของมู่ชิงเกอ ถูกเงาของเขาปกคลุมไว้
เขายังคงวางท่าทางภูมิฐาน มือทั้งสองกำกระบี่ ยืนตัวตรง ราวกับว่าการฆ่าคนเมื่อสักครู่นี้ง่ายดั่งฆ่าแมลงวันตัวหนึ่ง
“เจ้า…” มู่ชิงเกอพยายามเปิดปากพูด แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไร ความเก่งกาจของกู่หยานั้นเหมือนจะเกินกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้ งั้นคนผู้นั้นเล่า?
กู่หยาเหาะลงมาที่นาง พูดนิ่งๆ ว่า “ที่เจ้าเห็นนี้ ไม่ใช่พลังที่แท้จริงของสายม่วงหรือถ้าจะให้พูดอีกอย่างก็คือ ด้วยความสามารถในตอนนี้ของเจ้าแล้ว ไม่มีทางทำให้ยอดฝีมือสายม่วงแสดงพลังทั้งหมดออกมาได้”
มู่ชิงเกอมุมปากกระตุกอย่างแรง
คำพูดนี้ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อจิตใจนาง
นางรู้ว่าตอนนี้ตนเองยังเป็นเพียงแค่ไก่อ่อน พอใจหรือยังล่ะ!
มู่ชิงเกอพยุงตนเองขึ้นมา นั่งขัดสมาธิ ร่างกายของนางมีพลังในการฟื้นตัวอย่างมหาศาล ไม่จำเป็นต้องได้รับยาอะไร เพียงพักผ่อนสักพักร่างกายก็จะค่อยๆ ฟื้นตัวเอง กู่หยามองมู่ชิงเกอที่เข้าสู่การฝึกพลังเวทครู่หนึ่ง เงียบลง แล้วเดินไปเฝ้าอยู่ห่างๆ
หลังจากนั้นไม่นาน รอยแผลของมู่ชิงเกอก็พลันหายไป
นางลืมตาขึ้น ในแววตานั้นยิ่งฉายแววเด็ดเดี่ยว แค่เพียงชั่วพริบตาก็กลับมาสงบดังเดิม
นางลุกขึ้นในทันที พลางเอามือปัดสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้าราวกับกำลังเตรียมจะถอยออกไป
“คุณชาย ไม่คิดจะหารางวัลในสนามรบบ้างหรือ?” กู่หยาพูดเตือน
มู่ชิงเกอหันไปมองด้วยความสงสัย พลันหยุดสายตาลงที่ร่างอันกระจัดกระจาย แล้วมองกู่หยา ราวกับกำลังถามว่าเจ้าเป็นคนฆ่า รางวัลแห่งชัยชนะควรจะเป็นของเจ้ามิใช่รึ?
นางคิดเพียงแค่ว่าจะถามกู่หยาในภายหลังว่า คนในโลกข้างนอกนี้มีเบื้องหลังอย่างไรก็เท่านั้น หากรู้ก่อนก็จะสามารถปองกันไว้ใด้ทัน
“แม้ข้าจะเป็นคนสังหาร แต่ข้าเพียงแค่ทำตามหน้าที่” กู หยาพูดนิ่งๆ ท่าทางแสดงออกมาอย่างชัดเจน เหลือเพียงไม่ได้พูดออกมาว่า ‘ของเช่นนี้มันไม่เข้าตาข้า’ เท่านั้น
มู่ชิงเกอแอบดูถูกในใจครู่หนึ่งและไม่เกรงใจอีกต่อไป นางเดินกลับไปบริเวณร่างไร้วิญญาณนั้น พลางตรวจสอบบริเวณนั้นอย่างละเอียด
เมื่อมีประสบการณ์จากการสำรวจร่างของผู้เฒ่าเป่ยหมิงในคราวแล้ว มู่ชิงเกอก็หยุดสายตาบนมือของยอดฝีมือจากต่างแดนในทันที แต่ทว่าในมือของเขากลับว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดเลย
‘เป็นภาพลวงตาอะไรอีกแล้วหรือ?’ มู่ชิงเกอฉงนใจ
นางจับมือของเขาขึ้นมาอย่างรังเกียจแล้วตรวจสอบอย่างละเอียด
ใครจะรู้ว่า พอนางจับข้อมือก็รู้สึกถึงความเย็นเยียบในเนี้อผ้าของเขา
ดวงตาของนางพลันเปล่งประกายแล้วฉีกแขนเสื้อออกในทันที กำไลวงหนึ่งซึ่งมีการออกแบบอย่างประณีตได้ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง กำไลวงนั้นดูประณีตเป็นพิเศษ ตกแต่งด้วยเพชรพลอยหลากหลายสีสัน ส่องประกายระยิบระยับ ทว่ามันดูหวือหวาเกินไปและไม่ใช่แบบที่มู่ชิงเกอชอบ
“กำไลซวีหมี” กู่หยาพูดนิ่งๆ มู่ชิงเกอยักคิ้วและเข้าใจในทันที
กำไลซวีหมีนี้ คงจะเป็นพลังแห่งช่องว่างชนิดเดียวกันกับแหวนซวีหมี มีเพียงรูปร่างที่ไม่เหมือนกันก็เท่านั้น
พอเจ้าของตายแล้ว กำไลซวีหมีก็จะไร้ซึ่งเจ้าของ พลังจิตของมู่ชิงเกอเข้าไปภายในกำไลอย่างง่ายดาย ทันทีที่เข้าไป นางก็ถูกแสงหลากหลายสีสันส่องจนรู้สึกเวียนหัว
พอนางเห็นทุกอย่างอย่างชัดแจ้ง ก็พบว่ายอดฝีมือจากต่างแดนผู้นี้ไม่ใช่แค่มั่งมีธรรมดา ในช่องว่างนั้นเต็มไปด้วยแก่นสมองหลากหลายสีสันและมีจำนวนหลายแสนอัน นอกจากนี้ยังมีแผ่นหินที่ส่องสว่างสดใส แต่จำนวนนั้นน้อยมากมีเพียงแค่ไม่กี่สิบอันเท่านั้น นางในตอนนี้ไม่รู้ว่าแก่นสมองที่ตนเองให้ความสำคัญนั้นเมื่ออยู่ในอีกดินแดนหนึ่งมันไม่ได้มีมูลค่าอะไรเลย และสิ่งที่มีค่าที่แท้จริงก็คือ แผ่นหินที่ส่องสว่างสดใสพวกนั้น นอกจากนี้แล้ว นางยังค้นพบทักษะการสงครามภาคพิภพระดับสูงอีกหลายเล่มแล้วยังมีทักษะการสงครามภาคสวรรค์ระดับต้นอีกเล่มหนึ่ง
ความโชคดีที่ได้มาโดยบังเอิญนี้ทำให้นางรู้สึกดีใจ ก่อนหน้านี้นางยังกังวลว่าจะไปเสาะหาทักษะการสงครามมาให้องครักษ์เขี้ยวมังกรฝึกจากที่ไหนในตอนนี้ ทักษะการสงครามที่หายากเหล่านี้ก็ได้ตกมาอยู่ในมือนางแล้ว จะไม่ให้นางปลื้มปีติได้อย่างไรกัน?
จัดการเก็บของในช่องว่างเสร็จแล้ว มู่ชิงเกอก็พบป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งที่วางอยู่ในกล่อง
ป้ายแผ่นนี้ไม่มั่นใจว่าทำจากอะไร เป็นลีทองแดง ด้านหลังมีสัญลักษณ์อันลึกลับซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ตรงหน้ามีตัวอักษร *‘เล่อ’ สลักอยู่ เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว มู่ชิงเกอก็เกิดความคิดบางอย่างในใจ นำสมบัติทั้งหมดภายในกำไลซวีหมีไปไว้ในช่องว่างของตนเอง แต่เอาแผ่นหินอันส่องประกายระยิบระยับและป้ายนั้นไปแบตรงหน้ากูหย่า
“ข้ามีสองคำถาม หินนี่คืออะไรและป้ายนี้หมายความว่าอย่างไร?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามตรงๆ
กู่หยาก้มหน้าลง มองก้อนหินและป้ายครู่หนึ่งแล้วพูดว่า : “หินในมือของเจ้าเป็นหินพลังระดับต่ำ สามารถช่วยในการฝึกพลังเวทได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้แทนเงินได้ สำหรับป้ายแผ่นนั้น คงจะเป็นสัญลักษณ์แสดงตัวตนของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง โดยปกติแล้วบุคคลที่เป็นสมาชิกของตระกูลสายนอก จะเป็นป้าย ประจำตัวเป็นป้ายที่ทำจากไม้ กลับกันถ้าหากเป็นสีทองแดงส่วนมากจะเป็นสัญลักษณ์ของหัวหน้ากลุ่มสายนอก”
มู่ชิงเกอหรี่ตา เอาหินพลังและป้ายเข้าไปยังช่องว่าง แล้วจึงพูดว่า “ถ้าเช่นนั้น เจ้านี่ก็ถือเป็นผู้นำกลุ่มสินะ”
กู่หยาเงียบไปสักพัก แล้วจึงพูดว่า “เท่าที่ข้ารู้ตระกูลพวกนี้จะถูกแบ่งออกเป็นหลายตระกูล ยิ่งลูกหลานสายนอกนั้นยิ่งนับไม่ถ้วน ผู้นำกลุ่มสายนอกที่ว่ามานี้ ตระกูลเล็กๆ แม้จะมีไม่ถึงหนึ่งร้อยคน แต่ก็มีหลายสิบคน ตระกูลระดับกลางก็มีเป็นหลักร้อยและในตระกูลระดับสูงก็มากยิ่งขึ้นไปอีก”
มู่ชิงเกอคิดทบทวนถึงคำพูดของกู่หยา พลันพูดว่า “เจ้าหมายความว่า แม้ว่าเจ้านี่จะมีฐานะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นคนที่โดดเด่นอะไรมากนัก เรื่องที่เขาตายอยู่ภายในหลินชวน จะไม่มีทางมีใครรู้ แต่ถึงแม้จะมีคนรู้ ก็อาจจะไม่เสียแรงและเวลามาตรวจสอบหรือคิดแก้แค้นใช่ไหม ?”
กู่หยาพยักหน้า “พูดได้ว่า มันเป็นไปตามเหตุผลที่มันควรจะเป็น ทว่าความจริงเป็นเช่นใดนั้น ไม่อาจมีผู้ใดรู้ได้
มู่ชิงเกอเม้มปากเงียบ เรื่องมาถึงขั้นนี้ มู่ชิงเกอก็ทำได้เพียงค่อยๆ แก้ไขไปตาม สถานการณ์แล้ว
เพียงแค่จัดการกับสถานที่นี้ให้เรียบร้อย แม้จะมีผู้ใดมาตรวจสอบก็ไม่สามารถสาวไปถึงตัวนางได้
มู่ชิงเกอหันหลัง เตรียมพร้อมจะจัดการกับร่างไร้วิญญาณ
แต่ทว่า กู่หยากลับยกมือขึ้นห้ามนางไว้ “เมื่อเทียบกับการปกปิดสถานที่นี้แล้ว ควรจะทิ้งเอาไว้เช่นนี้ให้สัตว์ป่าสามารถแบ่งอาหารกันตามธรรมชาติและยังทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถตรวจสอบได้”
มู่ชิงเกอคิดทบทวนแล้ว ก็เห็นด้วยกับความคิดของกู่หยาและล้มเลิกความคิดที่จะจัดการกับร่างไร้วิญญาณนี้
นางเตรียมตัวออกจากพื้นที่แห่งนี้ แต่ทันใดนั้นก็หันไป ถามกู่หยา “ในโลกที่แข็งแกร่งกว่าหลินชวน มีหลายตระกูลหรือ?”
“…” กู่หยาเงียบ เขารู้สึกว่าวันนี้ตนเองเหมือนจะพูดมากเกินไปเสียแล้ว
หลังจากออกเดินทางไม่นาน นางก็พบกับโย่วเหอและฮวาเยวี่ย
เมื่อทั้งสองนางเห็นมู่ชิงเกอปรากฏตัวขึ้นอย่างปลอดภัย ก็พลันร้องไห้โฮและวิ่งเข้ามาในในอ้อมกอดของนาง
มองทั้งสองนางที่ร้องไห้ขึ้มูกโป่ง มู่ชิงเกอก็รู้สึกเหลือทน แต่ก็ทำได้เพียงแค่ปลอบใจ แล้วพาทั้งสองออกจากอาณาบริเวณของเสือดาวสะท้านเมฆา
หลังจากที่พวกเขาจากไป พื้นที่แห่งนี้ก็หมดสิ้นกลิ่นไอจากอำนาจของเสือดาวสะท้านเมฆา
มองร่างที่ฉีกออกเป็นสองชิ้น เหล่าสัตว์ป่าที่หิวกระหาย ต่างกลืนนํ้าลายแล้วค่อยๆ เข้ามาใกล้ร่างไร้วิญญาณ
แต่เมื่อพวกมันเข้าใกล้ในขณะที่พวกมันพร้อมที่จะอ้าปากกิน ก็มีอะไรบางอย่างเกิดชิ้นอย่างกะทันหัน…
ร่างไร้วิญญาณที่อยู่บนพื้น พลันปรากฏนํ้าแข็งเกิดขึ้น และห่อหุ้มร่างนั้นเอาไว้ภายใน หลังจากนั้นพื้นดินที่อยู่ใต้ร่างนั้น ก็ราวกับละลายกลายเป็นนํ้าดูดร่างนั้นลงไปใต้พื้นดินและฝังมันเอาไว้ หลังจากนั้นไม่นานพื้นปฐพีนี้ก็กลับมาเป็นดังเดิม แต่พลังกดดันอะไรบางอย่างก็ทะลุขึ้นมาจากใต้พื้นดิน แผ่กระจายออกไปทั่วสารทิศ ทำให้เหล่าสัตว์ป่าตื่นกลัว จนหนีกระจายออกไปและไม่กล้าเข้าไปใกล้อีก
ในชั่วพริบตา ทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงบ ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
ในยามค่ำคืน มู่ชิงเกอก็ค้นพบถํ้าสัตว์ร้างถํ้าหนึ่งและใช้ถํ้านี้ในการพักผ่อนในคํ่าคืนนี้ ทั้งโย่วเหอและฮวาเยวี่ย ต่างก็ออกไปหาอาหารและนํ้าดื่ม มีเพียงมู่ชิงเกอที่พักผ่อนอยู่ภายในถํ้า
จิตสำนึกของมู่ชิงเกอที่กำลังหลับตา ได้เข้าไปสู่ช่องว่างของตนเอง
แก่นสมองของสัตว์ป่าที่กองเป็นภูเขานั้น เป็นตัวบ่งบอกถึงความมั่งคั่งรํ่ารวยเชียวนะ !
แต่ทว่า มู่ชิงเกอที่เดิมคิดว่าจะกอด ‘เงินทอง’ แล้วหลับไปอย่างสบายใจนั้น หลังจากที่เข้าไปยังช่องว่างก็เกิดตกใจเมื่อพบว่า แก่นสมองของสัตว์ป่าที่เก็บสะสมมาได้หายไปจำนวนหนึ่ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” มู่ชิงเกอมองหาทุกซอกทุกมุมของช่องว่างด้วยความฉงนใจ
นางจำได้แม่นว่า ก่อนหน้านี้ภายในช่องว่างแห่งนี้ กองเต็มไปด้วยแก่นสมองของสัตว์ขั้นสูงที่ชิงมาจากยอดฝีมือต่างแดนผู้นั้น แต่ตอนนี้กลับพบว่า มันว่างเปล่าเช่นนี้ แก่นสมองจากสัตว์ที่มีความสามารถในขั้นครามถึงม่วงต่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ยืนอยู่ที่เดิม หมุนตัวไปรอบๆ พื้นที่ทั้งหมดในช่องว่างอยู่ ในสายตาของมู่ชิงเกอ ทันใดนั้นนางก็เกิดสงสัยและพบว่ามีอะไรหายไปอีกอย่าง
แผ่นหินพลังระดับต่ำทั้งสิบกว่าแผ่นก็เหมือนจะหายไปหมดแล้ว!
เวรเอ๊ย! ใครวะ!
มู่ชิงเกอเกิดโทสะ กว่านางจะได้ของพวกนี้มานั้นไม่ใช่ง่ายๆ เลย แต่กลับหายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้
โดยเฉพาะหินพลังนั้น นางยังไม่เคยได้ยินมาก่อนในหลินชวน นั้นเป็นของลํ้าค่า นางยังไม่ทันได้สัมผัสมันเท่าไหร่เลย แต่กลับหายไปเสียแล้ว?
ในแววตาอันสว่างของมู่ชิงเกอเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร
ทันใดนั้น เสียงสะอึกหนึ่งดังหนึ่ง
มู่ชิงเกอตกใจ พลันหันหลังกลับไปหา “ใคร!”
มีอะไรบางอย่างเข้าสู่ช่องว่างของนาง เป็นไปได้อย่างไรกัน? นี่ มันผิดเพี้ยนไปจากตรรกะที่มีอยู่นะ!
น่าเสียดาย ที่ไม่มีใครตอบคำถามของนาง
มู่ชิงเกอขมวดคิว พลางคิดทบทวน
ทันใดนั้น แก่นสมองลูกหนึ่งก็ลอยขึ้นตรงหน้านาง แล้วแตกกระจายเป็นแสงหลากหลายสีสัน ลอยไปยังตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของช่องว่าง
มู่ชิงเกอมองตาม แต่กลับเห็นเพียงแค่แสงหลากหลายสีสันที่มาหยุดอยู่บนกล่องและห่อหุ้มมันเอาไว้ แล้วพลันหายไปในทันที
แววตากระจ่างเบิกตาโพลง มู่ชิงเกอจ้องกล่องใบที่คุ้นเคย ราวกับว่านางได้หาโจรที่ขโมยแก่นสมองและหินพลังเจอแล้ว!
*เล่อ แปลว่า ความสุข