บทที่ 1010 ไหนเลยจะคาดคิดว่าสุดท้ายจะเกิดปัญหาขึ้น?!
แต่ข่มขู่เช่นนี้จะเบาเกินไปหน่อยหรือไม่?
นางควรขัดขืนดิ้นรนอย่างสุดชีวิต พลางด่าเขาอย่างเทสาดเทเสียมิใช่หรือ?!
มือเล็กๆ ของตี้ฝูอีคลายออกนิดๆ ใช้แรงแบบที่หากว่านางดิ้นรนอย่างรุนแรงก็สามารถซัดเขากระเด็นออกไปได้พลางเอ่ยขึ้นว่า “หากข้าไม่มีขอบเขตเล่า?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “เชื่อหรือไม่ว่าข้าฟาดก้นเจ้าได้?”
ตี้ฝูอีชะงักไป
ทั้งสองจ้องตากันอยู่ในท่านี้ครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีพลันหยักยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “กู้ซีจิ่ว เจ้าเห็นข้าเป็นเด็กจริงๆ หรือ?”
กู้ซีจิ่วมองดวงหน้าเล็กๆ ที่อมชมพูระเรื่อของเขา ถอนหายแล้วเอ่ย “ก็เจ้าเป็นเด็กนี่! ถ้ามีฝีมือก็รีบเติบโตให้ข้าดูสิ!”
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกแล้ว นางนึกว่าเขาอยากอยู่ในร่างเด็กน้อยเช่นนี้ไปตลอดหรือไง?
แม้แต่เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าสวรรค์ล้อเล่นบัดซบอันใดกับเขา…
สองวันมานี้ความเร็วในการฟื้นฟูพลังวิญญาณของค่อนข้างน่าพรั่นพรึงนัก ไหลบ่าอยู่ในร่างกายปานกระแสนํ้า ถึงขั้นที่บรรลุหนึ่งในห้าของพลังในอดีตแล้ว แต่ร่างกายเล็กๆ ที่แสนบัดซบนี่กลับไม่เติบโตขึ้นเลย!
ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นคือเขาใช้วิชาแปลงกายไม่ได้…
วิชาแปลงกายนี้ถ้าพลังวิญญาณของเขาฟื้นฟูขึ้นหนึ่งในสิบส่วนก็สามารถใช้ได้แล้วชัดๆ แต่ครั้งนี้กลับใช้ไม่ได้อย่างน่าบัดซบ
เดิมทีแผนที่เขาวางไว้คือถ้าพลังวิญญาณฟื้นฟูขึ้นมาหนึ่งในสิบส่วน ต่อให้ร่างเดิมยังเป็นเด็กน้อยอยู่ เขาก็สามารถแปลงกายเป็นวัยผู้ใหญ่มาปรากฏตัวต่อหน้านางได้ ไหนเลยจะคาดคิด…
ไหนเลยจะคาดคิดว่าสุดท้ายจะเกิดปัญหาขึ้น?!
อันที่จริงในใจเขาก็ค่อนข้างร้อนรนเช่นกัน ยามนี้กู้ซีจิ่วยังมากระตุ้นเขาอีก!
นางนึกว่าเขาไม่สามารถกระทำเรื่องที่ผู้ใหญ่ทำได้หรือ?
ร่างกายของเขาในยามนี้ประหลาดยิ่งนักจริงๆ เห็นกันอยู่ว่าเป็นเด็กน้อย ความจริงแล้วสมรรถภาพที่ควรมีล้วนมีอยู่ครบครัน
ยามนี้หมอบควํ่าอยู่บนร่างนาง แนบชิดติดพันกับนางโดยตรง เขาถึงขั้นสัมผัสได้ว่าร่างกายส่วนล่างมีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว…
อย่างไรก็ตาม กู้ซีจิ่วยังไม่เคยผ่านเรื่องทางโลกมาก่อน จึงไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้ เห็นเพียงเขาเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มนิดๆ ในดวงตาเรียวรีงดงามคล้ายมีพายุเมฆหมอกวาบผ่าน…
เขาคิดอะไอยู่?
ถึงยามนี้แล้ว ยังคงไม่คิดจะพูดความจริงอีกใช่ไหม?
กู้ซีจิ่วพลันพลิกกายในทันใด ตี้ฝูอีค่อนข้างใจลอยอยู่ ไม่ทันได้ระวัง จึงถูกเธอกดไว้ใต้ร่าง ตัวแข็งทื่อทันที มองเธอด้วยสายตาที่ลุ่มลึกนิดๆ “เจ้า…”
กู้ซีจิ่วยื่นนิ้วหนึ่งออกมากดริมฝีปากเขา ยิ้มมุมปากมองดูเขา “เหยียนนั่ว อันที่จริงเจ้าที่อยู่ในร่างเด็กน้อยเช่นนี้ดูน่ารักมาก ทำให้ข้า…อยากขบสักคำยิ่งนัก”
เธอพูดจริงทำจริง โน้มกายลงไปขบแก้มเขาคราหนึ่งจริงๆ “ข้าชอบขบแก้มเด็กน้อยเป็นที่สุด”
ตี้ฝูอีปานถูกฟ้าผ่า!
นางแทะโลมเขาจริงๆ!
ถึงแม้ยามที่นางจูบเขาจะเหมือนจูบกับเด็กน้อยคนหนึ่ง แต่หากว่าเด็กคนนี้เป็นบุรุษอื่น นางทำเช่นนี้ก็เกินไปแล้วจริงๆ!
ถึงอย่างไรนางก็เคยเห็นอิงเหยียนนั่วในช่วงเติบโตแล้ว ทราบว่าความจริงแล้ว อิงเหยียนนั่วเป็นเด็กหนุ่มวัยคึกคะนอง…
นางยังทำเช่นนี้อีก…
ถ้าชอบใกล้ชิดกับเด็กน้อยเพียงอย่างเดียวคงไม่ง่ายดายถึงเพียงนี้กระมัง
หากนางไม่รักอิงเหยียนนั่ว การทำเช่นนี้ดูประมาทยิ่งนักจริงๆ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่นางขึ้นชื่อว่าเป็นบุปผาที่มีเจ้าของอยู่แล้ว!
ตี้ฝูอีรู้จักนางมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ย่อมทราบนิสัยของนางดี ความจริงแล้วนางค่อนข้างเย็นชากับผู้คนอื่นอยู่บ้าง นางคุ้นเคยกับเจ้าเด็กเชียนหลิงอวี่ถึงเพียงนั้น มากสุดก็เพียงแค่ตบไหล่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นความสนิทชิดเชื้อสักหน่อยเท่านั้น ต่อให้ความสัมพันธ์จะดีเพียงใดนางก็ไม่เคยโอบกอดกับบุรุษ…
และตอนแรกที่นางพบพานร่างนี้ของเขา นางยังคงปฏิบัติต่อเขาอย่างรักษาระยะห่างยิ่งนัก ถึงแม้จะอุ้มเขาไว้ในท่าเจ้าหญิง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะแทะโลมเลยสักนิด เพียงแค่อยากช่วยเหลือเท่านั้น ช่วยเหลือเขาที่เป็นสหาย…
ทว่านางปฏิบัติต่อเขาอย่างรุ่มร่ามในช่วงหลังของงานเลี้ยง…
หรือว่านางเดาตัวตนที่แท้จริงของเขาออกแล้ว?!