บทที่ 1044 พวกเราประกอบกิจของสามีภรรยา
ตี้ฝูอีปล่อยให้นางกดไว้ ทอดถอนใจคราหนึ่ง “เจ้าคิดมากไปแล้ว มารสวรรค์ตนนั้นเพิ่งแยกจากกายเนื้อ ซํ้ายังใช้วิชานั้นหลบหนีอีก ต่อให้กายละเอียดของเขาสามารถก่อรูปเป็นร่างกายได้ก็บาดเจ็บหนักอยู่ดี เขาเป็นมารสวรรค์ เมื่อแยกจากร่างคน ไอมารบนร่างจะรั่วไหลออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้ ยามนี้เขาน่าจะถูกไล่ล่าจนมิรู้เหนือรู้ใต้อยู่ เอาตัวแทบไม่รอด ไหนเลยจะมีเวลาแล่นมาหาเจ้ากับข้าที่นี่?”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นวันพรุ่งนี้พวกเรายังจะหนีอีกทำไม?”
ตี้ฝูอีถอนใจเอ่ยว่า “ก็ไม่นับว่าเป็นการหนีหรอก เหตุผลที่ต้องกลับไปความจริงเป็นเพราะที่นั่นเหมาะสมกับการฟื้นฟูของข้า และการปล่อยเจ้าไว้ข้างนอกลำพังข้าก็ไม่วางใจ”
เขารู้สึกว่าปล่อยวางนางไม่ได้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงยึดนางไว้ข้างกายหรือวางนางไว้ในรังที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยถึง จะวางใจได้
เอาเถอะ! ที่แท้พวกเขาก็ต่างฝ่ายต่างเห็นอีกฝ่ายเป็นเปลือกไข่ที่เปราะบาง หวั่นเกรงว่าจะถูกผู้อื่นกระทบแตก…
กู้ซีจิ่วยิ้มออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่ เธอลุกขึ้นนั่งนวดคลึงหว่างคิ้ว เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะใส่ใจคนผู้หนึ่งถึงเพียงนี้!
ประคองตี้ฝูอีน้อยไว้กลางฝ่ามือก็กลัวจะหล่นหาย อมไว้ในปากก็หวั่นว่าจะละลาย…
ใต้หล้านี้พ่อแม่ที่ห่วงใยลูกน้อยเป็นที่สุดก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง?
เธอยังนึกว่าตัวเองเฉยเมยเย็นชามาโดยตลอด ที่แท้ก็มีช่วงเวลาแบบนี้เหมือนกัน
ทั้งสองพูดคุยกันอีกสักพัก กู้ซีจิ่วก็ออกมาจะกลับไปเก็บของที่ห้องพักตนเสียหน่อย ขณะที่ยุ่งง่วนอยู่ ก็มีพนักงานคนหนึ่งมารายงาน “แม่นางกู้ แม่นางเย่แห่งสำนักถามสวรรค์มาหาท่านที่ด้านนอกขอรับ”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง แม่นางเย่?
เย่หงเฟิง?
เธอมาหาตนทำไม?
หรือจะเป็นเรื่องหลงซือเย่ผิดนัดวันนี้?
หลงซือเย่ส่งเธอมาหรือไง?
เธอสาวเท้าก้าวออกไป พบว่าเป็นเย่หงเฟิงจริงๆ เธอยืนสง่าอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วออกมา เธอก็สูดลมหายใจเข้านิดๆ กล่างอย่างไม่อ้อมค้อม “แม่นางกู้ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า พวกเราออกไปเดินเล่นกันหน่อยได้ไหม?”
กี้จิ่วไม่ขยับเขยื้อน “เจ้ามีเรื่องอะไรก็เข้าไปคุยในห้องหรือ จะคุยตรงนี้ก็ได้นะ”
เธอไม่อยากออกห่างโรงเตี๊ยมแห่งนี้
เย่หงเฟิงหลุบตาลง เม้มปากเอ่ยว่า “เรื่องที่ข้าจะคุยเกี่ยวกับเจ้าสำนักหลง…พวกเราไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้เล็กๆ ข้างล่างดีหรือไม่?”
โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นโรงเตี๊ยมที่มีระดับยิ่งนัก เป็นแบบที่มีสวนดอกไม้ในตัว และอยู่ด้านล่างไม่ไกลจากตัวอาคารของห้องพักที่กู้ซีจิ่วพำนักอยู่
กู้ซีจิ่วก็ไม่ได้ปฏิเสธอีก เดินลงไปกับเธอ
….
เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ต้นหลิวเพิ่งแตกยอดใหม่เขียวขจี ส่วนชนิดอื่นๆ ยังไม่งอกงาม
สวนดอกไม้มีขนาดไม่ใหญ่ มีทางเดินหินเล็กๆ ที่คดเคี้ยวอยู่ไม่กี่สาย ริมทางบ้างก็มีกอไผ่ บ้างก็ปลูกพุ่มไม้ดอกไว้ มีศาลาเล็กๆ สองหลังตั้งอยู่ในนั้น ค่อนข้างสง่างามเรียบหรูยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วอดทนเดินๆ หยุดๆ ไปตามทางเดินสายเล็กๆ เป็นเพื่อนเย่หงเฟิงมาสามรอบแล้ว คุณหนูใหญ่คนนี้ก็ไม่เอ่ยปากสักที
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เหลืออดแล้ว “สรุปแล้วเจ้ามาหาข้าเพื่อคุยเรื่องใด? พูดมาตรงๆ เถอะ!”
คล้ายว่าในที่สุดเย่หงเฟิงก็รวบรวมความกล้าได้มากพอแล้ว “เมื่อคืนข้ากับอาจารย์ดื่มจนเมา ข้าพยุงเขาไปที่โ รงเตี๊ยมหลังหนึ่งในละแวกนั้น จากนั้นพวกเรา…”
กู้ซีจิ่วหยุดฝีเท้าหัน ไปมองเธอ “พวกเจ้านอนด้วยกันหรือ?”
ทว่าเห็นได้ว่าเย่หงเฟิงไม่เข้าใจศัพท์สมัยใหม่นี้ของเธอ ชะงักไปแวบหนึ่งจึงเอ่ยตอบ “พวกเรา…พวกเราประกอบกิจของสามีภรรยา จากนั้นต่างคนต่างผล็อยหลับไป”
กู้ซีจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง ยื่นมือไปเด็ดกิ่งหลิวท่อนหนึ่งหักเล่นอยู่ในมือ “จากนั้นเล่า?”
“จากนั้น…จากนั้นข้ากับอาจารย์ก็แยกกัน…ข้าคิดๆ ดูแล้วจึงตัดสินใจมาหาเจ้า”