Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1056

บทที่ 1056 เด็กดี เจ้าเหนื่อยแล้ว

เอ็นสัตว์ร้ายเส้นนั้นก็ประหลาด ฟาดลงบนร่างเธอ ไม่ทิ้งรอยแผลไว้เลยสักนิด แต่กลับทำให้เธอเจ็บปวดเป็นที่สุด ดวงวิญญาณเจ็บปวดดั่งถูกเลาะกระดูกเถือสันหลัง ทำให้เธอปรารถนาให้ตนไม่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ยิ่งนัก เย่หงเฟิงรู้สึกเพียงว่าดวงวิญญาณของตนถูกฟาดจนแตกเป็นเสี่ยงๆ สั่นคลอนจนแทบแหลกสลาย ริมฝีปากเธอสั่นระริก คิดจะพูดบางอย่าง แต่ความเจ็บปวดอันรุนแรงทำให้เธอพูดไม่ออก มองนัยน์ตาของหลงซือเย่ที่มืดมิดดั่งราตรี ทว่ามีเส้นเลือดสีแดงฉานปะปนอยู่ เธอหวาดผวาขึ้นมาจริงๆ แล้ว!

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเธอต้องตายแน่!

ดวงวิญญาณจะหลุดออกไป!

ไม่ไกลนักมีเงาคนเลือนร่างวูบไหวอยู่ คนผู้หนึ่งปรากกฎขึ้นจากความว่างเปล่า คนผู้นี้สวมชุดสีขาวเสื้อคลุมศีรษะสีขาว ตั้งแต่หัวจรดเท้าขาวโพลนเหมือนหิมะ ยืนอยู่บนกิ่งไม้ เขาไม่ได้ก้าวเข้ามา ทว่าปากขยับราวกับท่องบางสิ่ง คล้ายว่าร่ายคาถาอันใดอยู่ ร่างกายหลงซือเย่แข็งทื่อเล็กน้อย ความเร็วในการฟาดคนช้าลง

“หยุดเถอะ เจ้าจะฆ่านางแล้ว…” คนชุดขาวผู้นั้นเอ่ยขึ้น นํ้าเสียงแฝงสำเนียงประหลาดอย่างหนึ่งไว้ ราวกับแว่วมาจากหุบเขาอันไกลโพ้น

มือหลงซือเย่ชะงักแวบหนึ่ง ในที่สุดก็หยุดมือ ค่อยๆ เงยหน้ามองคนชุดขาวผู้นั้น

ใบหน้าของคนชุดขาวซ่อนอยู่ในหมวกคลุมสีขาว เผยนัยน์ตาชั่วร้ายสีม่วงคู่หนึ่งออกมารางๆ ดวงตาคู่นี้จ้องมองหลงซือเย่ นํ้าเสียงล่องลอยยิ่งขึ้น “เจ้าทำเพื่อนางถึงเพียงนี้ นางกลับหักหลังเจ้า เจ้าจึงเกลียดชังนางใช่หรือไม่?”

สายตาของหลงซือเย่มองตรงไปที่เขา เอ่ยตอบอย่างช้าๆ “ใช่!”

“ไม่ว่าเจ้าจะทุ่มเทสักเพียงใดนางก็ไม่ยอมกลับมาอยู่ข้างกายเจ้า นางปันใจไปให้ผู้อื่น นางเป็นสตรีใจโลเลใช่หรือไม่?”

“…ใช่”

“เจ้ายินยอมให้นางเกลียดชังเจ้า เนื่องจากความเกลียดชังจะสลักลึกได้ยิ่งกว่าความรัก ในเมื่อไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่ยอมรักเจ้า เช่นนั้นก็ทำให้นางเกลียดไปเลย ยิ่งเกลียดชังลํ้าลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้นถูกหรือไม่?”

ใบหน้าหล่อเหลาของหลงซือเย่ในที่สุดก็เผยความปวดร้าวออกมา สายตายังคงมองตรงไปเหมือนเก่า นํ้าเสียงสั่นพร่าน้อยๆ “…มิผิด”

“เจ้าบรรลุเป้าหมายแล้ว เมื่อผ่านเรื่องนี้ไป นางจะเกลียดเจ้า จะไม่ลืมเจ้าอีกต่อไป” นํ้าเสียงคนชุดขาวอ่อนโยน “เด็กดี เจ้าเหนื่อยแล้ว ไปนั่งสมาธิฟื้นฟูให้ดีเถอะ”

หลงซือเย่ในยามนี้เคลื่อนไหวไปตามคำสั่ง ค่อยๆ นั่งลงแล้วเข้าฌานจริง ๆ

จวบจนยามนี้เย่หงเฟิงถึงกระเสือกกระสนคืบคลานไปสั่นเทาอยู่ใต้เท้าของคนชุดขาวผู้นั้น “ขอบคุณท่านจ้าวยิ่งนักที่ช่วยชีวิต”

ในที่สุดสายตาของคนชุดขาวผู้นั้นก็หันเห มาที่ร่างเย่หงเฟิง

เมื่อครู่น้ำเสียงยามที่พูดคุยกับหลงซือเย่อ่อนโยนอบอุ่นปานบุผาคลี่บานในฤดูใบไม้ผลิ บัดนี้เมื่อมองเย่หงเฟิงแววตานั้นกลับเยียบเย็นลงทันที พลันยกมือขึ้น ลำแสงสายหนึ่งส่องวาบซัดลงบนร่างเย่หงเฟิง “สารเลว! เจ้าเกือบทำลายงานใหญ่ของเปิ่นจุนแล้ว!”

เย่หงเฟิงหวีดร้องออกมา ฟุบอยู่ตรงนั้นสั่นไปทั้งตัว “บ่าว…บ่าวทราบความผิดแล้ว…”

คนชุดขาวเยื้องย่างมาอยู่ถึงเบื้องหน้าเธอ ยื่นนิ้วหนึ่งไปเชยคางเธอขึ้น ถอนหายใจเบาๆ “รูปโฉมเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ทว่านิสัยกลับแตกต่างกันนัก และไม่ค่อยฉลาดสัดเท่าไหร่…”

บนนิ้วนั้นของเขาสวมปลอกเล็บยาวสีเงินแวววาว ทอประกายเยือกเย็นเฉียบคมเล็กน้อย ราวกับกระบี่เล่มหนึ่ง คล้ายว่าสามารถทะลวงลำคอของเย่หงเฟิงได้ตลอดเวลา

ร่างกายเย่หงเฟิงสั่นเทาราวกับมิใช่ร่างตน “ท่านเจ้า…ท่านเจ้าไว้ชีวิตด้วย…บ่าวสัญญา…ว่าจะทุ่มเทกำลังรับใช้ท่านเจ้าสุดความสามารถ…”

ดวงตาภายใต้หมวกคลุมของคนชุดขาวชั่วร้ายยิ่งกว่าเดิม ปลอกเล็บทอแสงเยียบเย็นเฉียดคอเย่หงเฟิงไปมา เย่หงเฟิงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ถึงแม้ความเจ็บปวดทั่งร่างจะทำให้เธออยากพุ่งชนกำแพงให้ตายๆ ไปเสีย ทว่ายามนี้กลับไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version