บทที่ 1082 โลกของคนบ้ายากจะเข้าใจได้!
เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วยังคงนิ่งอยู่ เขาก็ส่ายศีรษะนิดๆ เดินเข้าไปวางมือบนเสาแก้วผลึกสีเขียวต้นนั้นด้วยตัวเองก่อน
เสาแก้วผลึกสีเขียวเริ่มเปล่งแสงจากด้านล่างทันที ไล่ขึ้นมาจนถึงยอดสว่างไสวไปทั้งต้น!
จากนั้นเขาก็เอามือออก สีสันนั้นจึงดับสลัวลงอีกครั้ง
“เห็นหรือเปล่า? เสาแก้วผลึกพวกนี้แสดงถึงพลังวิญญาณ ยิ่งสว่างมากเท่าไหร่ก็แปลว่าพลังวิญญาณในด้านนั้นก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น” หลงฟั่นเริ่มอธิบายเรื่องพลังวิญญาณของโลกนี้ให้เธอรู้
กู้ซีจิ่วฟังอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง “ถ้ายึดตามที่คุณบอก พลังวิญญาณธาตุไม้ของคุณเต็มเสาแล้ว คุณฝึกฝนจนเข้าขั้นเซียนแล้วใช่ไหม?”
หลงฟั่นยิ้มนิดๆ “ใช่แล้ว ดังนั้นฉันถึงมีความสามารถในการกลับหยินพลิกหยางพาเธอมาจากโลกนั้นได้”
“เพราะอะไร?” กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจ “ฉันเดินทางข้ามภพข้ามชาตินี่เป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังงานมากเลยสินะ? พูดอีกอย่างคือทำให้คุณสิ้นเปลืองพลัง วิญญาณไปไม่น้อยเลยกระมัง? ทำไมคุณต้องทุ่มเทถึงขนาดนี้เพื่อพาฉันมาล่ะ?”
“เพราะเธอคือผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดของฉัน สมบูรณ์แบบจนไม่ว่าฉันจะไปที่ไหนก็จะพาเธอไปด้วยทุกที่” สายตาที่หลงฟั่นมองเธอมีความบ้า คลั่งพาดผ่านแวบหนึ่ง
กู้ซีจิ่วเงียบงัน โลกของคนบ้าวิทยาศาสตร์ยากจะเข้าใจได้!
“ถ้างั้นในเมื่อคุณฝึกฝนที่โลกนี้จนเป็นเซียนแล้ว ก็น่าจะทะลุมิติมานานแล้วสินะ แต่ฉันจำได้ว่าก่อนที่ฉันจะถูกทำร้ายยังได้ข่าวอยู่เลยว่าคุณมีชีวิตอยู่ดีที่ห้องวิจัย…”
มุมปากของหลงฟั่นหยักขึ้นบางๆ “อันที่จริง…ฉันไม่ใช่คนในยุคนั้นของเธอเดิมทีฉันมาจากยุคนี้”
เห็นได้ชัดว่ากู้ซีจิ่วไม่ได้คาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ “ห๊า?”
หลงฟั่นยิ้มอย่างผ่อนคลายแวบหนึ่ง “ไม่เข้าใจเหรอ?”
กู้ซีจิ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “ความหมายของคุณคือคุณข้ามมิติไปยุคปัจจุบัน ศึกษาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของยุคปัจจุบัน จากนั้นก็ข้ามมิติกลับมาอีก?”
หลงฟั่นแย้มยิ้มไม่พูดอะไร ยอมรับโดยปริยาย
นี่เป็นข่าวใหญ่เลย!
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก คนสมัยโบราณคนหนึ่งทะลุมิติไปเป็นคนสมัยปัจจุบัน ซ้ำยังกลายเป็นคนบ้าวิทยาศาสตร์ด้วย ก้าวขึ้นไปอยู่แนวหน้าของวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน
หลงฟั่นผู้นี้เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง!
“แล้วฉันล่ะ? คุณคงไม่ได้จะบอกฉันว่า ฉันก็เป็นคนของยุคนี้เหมือนกัน แต่ถูกคุณโคลนนิ่งขึ้นมาในยุคนั้นใช่ไหม?!”
หลงฟั่นส่ายหน้าถอนหายใจพลางตอบ “เรื่องนี้ไม่ใช่…เธอเป็นกรณีเหนือความคาดหมาย…เอาล่ะ เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่สำคัญ คือเธอกับฉันอยู่ที่โลกนี้แล้ว วันหน้าเธอกับฉันสามารถร่วมมือกันทำการใหญ่ได้”
กู้ซีจิ่วกล่าวอย่างเฉยชา “ฉันไม่มีจิตใจทะเยอทะยานอยากเป็นเจ้าใหญ่นายโตหรอกนะ และไม่คิดจะร่วมมือกับคุณด้วย!”
หลงฟั่นเลิกคิ้ว ประกายสลัวแวบหนึ่งพาดผ่านดวงตา “ทำไม?”
“เพราะหน้านี้ของคุณ! ฉันเห็นหน้านี้ของคุณแล้วเกิดเงามืดในใจ ยังไงซะลูกชายคุณก็ตลบหลังฉัน…หนี้ของบุตรบิดาต้องชดใช้ ถ้างั้นนิสัยก็คงเหมือนกัน เขาตลบหลังฉันแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคุณจะไม่ตลบหลังฉันเหมือนกัน? ตัวฉันกู้ซีจิ่วไหนเลยจะเป็นคนที่เสียทีแบบเดียวกันสองหน? คุณดูถูกฉันแล้ว!” นํ้าเสียงกู้ซีจิ่วแฝงความเยียบเย็น
หลงฟั่นเงียบงัน
ทันใดนั้นพลัน มีเสียงหัวเราะเบาๆ แว่วมาจากด้านนอก “กล่าวได้ดี! ผู้อาวุโสหลง หนนี้ท่านเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าแล้วกระมัง?”
นํ้าเสียงกระจ่างชัดดึงดูดปานหยกเหมันต์กระทบกัน ขณะที่เสียงดังขึ้น คนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาแล้ว
น่าฉงนปานดาวดึงส์เก้าชั้นฟ้าร่อนริน นี่คือบทกวีที่บรรยายถึงธารนํ้าตกเขาหลูซาน แต่กู้ซีจิ่วรู้สึกว่านำบทกวีประโยคนี้มาบรรยายถึงผมเงินของคนผู้นี้จะเห็นภาพและมีชีวิตชีวามากกว่า
คนผู้นี้สวมเสื้อคลุมตัวหนาสีดำดั่งนํ้าหมึก เกศาสีเงินที่แผ่สยายไปถึงข้อเท้าเขาดูราวกับผ้าคลุม คนผู้นี้รูปโฉมงดงามยิ่ง ทว่ามิใช่ความงามแบบชาวที่ราบลุ่มภาคกลาง แต่แฝงกลิ่นอายของทางตะวันตกไว้ด้วย ดั้งโด่งตาลึก เครื่องหน้าประหนึ่งใช้มีดแกะสลักออกมา ลายเส้นงดงามประณีต
ยามมองคนนัยน์ตาสีชาอ่อนจางเสมือนรวบรวมแสงสะท้อนบนวารีไว้ มีมนต์เสน่ห์ชวนให้ใจสั่นหวามไหว ราวกับสามารถทำให้ผู้คนลุ่มหลงอยู่ในดวงตาคู่นั้นของเขาด้วยความเต็มใจ