บทที่ 1084 ต้องทดสอบนางดูอีกสองสามครั้ง
ยามที่คนผมเงินเดินแทรกไปตามเสาแก้วผลึกทั้งห้าต้นเสมือนไอเมฆหมุนวนล่องลอย สง่างามเหนือธรรมดาถึงขั้นที่ทำให้คนมองเห็นท่าเท้าของเขาไม่ชัดเจนด้วยซํ้า ทว่าทำให้คนสัมผัสถึงพลังวิญญาณอันสูงส่งจนน่าหวาดหวั่นของเขาได้รางๆ เขายืนอยู่เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วราวกับเทพเจ้า ถึงใบหน้าหล่อเหลาจะแย้มยิ้มอยู่ แต่แรงกดดันอันไร้รูปลักษณ์บนร่างกลับทำให้คนหายใจแทบไม่ออก “เป็นอย่างไร? อยากร่วมมือกับข้าหรือยัง ?”
กู้ซีจิ่วถอยไปก้าวหนึ่ง ไม่คิดจะเผชิญหน้ากับแรงกดดันของเขา จากนั้นก็ถามข้อสงสัยของตนออกมา “พลังวิญญาณของท่านผู้สูงศักดิ์น่าหวาดหวั่นนัก อีกทั้งซีจิ่วเพิ่งมาถึงโลกนี้ ยังไม่ได้เปิดเนตรให้กระจ่างเลย พลังวิญญาณที่มีเทียบกับท่านผู้สูงศักดิ์แล้วเรียกว่าตื้นเขินนัก ไม่ทราบว่าจะร่วมมือกับท่านผู้สูงศักดิ์ได้อย่างไร?”
คนผมเงินผู้นั้นยิ้มแวบหนึ่ง สายตาจับจ้องเธอ “ขอเพียงเจ้าตกลงร่วมมือ พวกเราย่อมมีจุดที่ร่วมมือกันได้ เจ้าตกลงหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วยกมือนวดหว่างคิ้ว ไม่ได้ตอบเขาตรงๆ “สำหรับฉันแล้วข่าวสารในวันนี้ค่อนข้างมากอยู่บ้าง…ฉันถึงขั้นที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกคุณเป็นใคร และไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่อ้างอิงตามคำพูดของพวกคุณเท่านั้น…”
เธอมองเสาเหล่านั้นแวบหนึ่ง “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในเสาแก้วผลึกพวกนี้ติดตั้งโคมไฟเอาไว้หรือเปล่า เสาพวกนี้ไม่ว่าสัมผัสตรงไหนก็อาจจะเรืองแสงขึ้นมาโดยอัตโนมัติได้ทั้งนั้น…ไม่เกี่ยวกับเรื่องพลังวิญญาณนี้เลย”
คนผมเงินและหลงฟั่นมองหน้ากันแวบหนึ่ง หลงฟั่นยิ้มขื่นๆ “ข้อสงสัยของเธอมีเหตุผลจริงๆ ท่านเจ้า มิสู้เผยฝีมือของท่านให้นางได้เห็นสักหน่อย?”
คนผมเงินหาวอย่างเกียจคร้าน “นี่จะเผยได้อย่างไร…”
พลางมองดูกู้ซีจิ่วแล้วยิ้มอีกแวบหนึ่ง “ผู้ที่กล้าสงสัยข้าเช่นนี้ก็มีแต่เจ้าเท่านั้น หากเป็นผู้อื่นกล้าพูดออกมาเช่นนี้ ข้าคงทำให้เขาหุบปากไปตลอดกาลแล้ว”
กู้ซีจิ่วเอ่ยตอบ “ขอบคุณความเอ็นดูของท่านเจ้า”
ท่านเจ้าผมเงินถอนหายใจ “เอาเถอะ เผยให้เจ้าเห็นสักครั้งก็ไม่หนักหนาอะไร เดี๋ยวข้าจะให้คนมาแสดงฝีมือให้เจ้าดูสักสองสามท่า เจ้าตามข้ามาสิ”
‘ท่านเจ้า ยามนี้ท่านเชื่อแล้วกระมังว่านางไม่มีความทรงจำของชาตินี้จริงๆ?’ ระหว่างทางหลงฟั่นได้ส่งกระแสเสียงหาท่านเจ้าผมเงิน
‘เรื่องราวพัวพันใหญ่หลวง ข้าต้องทดสอบนางดูอีกสองสามครั้ง’ ท่านเจ้าผมเงินก็ส่งกระแสเสียงตอบกลับเขา
‘ยังต้องทดสอบอะไรอีก?’ หลงฟั่นค่อนข้างหงุดหงิดแล้ว ราวกับผลงานที่ตนพอใจที่สุดถูกคนตั้งข้อสงสัย
‘ข้ามีวิธีของตัวเอง’ ท่านเจ้าผมเงินไม่พูดจามากความ
….
จะอย่างไรกู้ซีจิ่วก็นึกไม่ถึงว่าตำหนักใต้ดินที่สร้างขึ้นกลางลาวาของที่นี่จะกว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ เธอรู้สึกว่าสามารถเทียบกับพระราชสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีที่ร่ำลือกันได้เลย!
อาณาเขตทอดยาวหลายร้อยหมู่ เส้นทางทางในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ซับซ้อนวกวนแผ่ออกทั่วสารทิศประหนึ่งใยแมงมุม
ท่านเจ้าผมเงินพาเธอเดินซอกแซกอยู่ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ และไม่รู้เช่นกันว่าเดินผ่านทางแยกมามากน้อยเพียงใดแล้วถึงได้มาถึงห้องโถงที่คล้ายกับลานจัตุรัสแห่งหนึ่ง
เรียกว่าห้องโถง แต่อันที่จริงแล้วเป็นลานสี่เหลี่ยม เพียงแต่ท้องฟ้าด้านบนเป็นท้องฟ้าที่มีลาวาไหลรินอยู่ แดงฉานปานปกคลุมด้วยเมฆาเพลิง
บนลานมีกรงสัตว์อยู่หลายกรง ในกรงมีสัตว์ร้ายกำลังเผ่นโผนขู่คำรามอยู่
สายตาของกู้ซีจิ่วจับจ้องอยู่บนร่างของสัตว์ร้ายเหล่านั้น หลงฟั่นที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมา “ซีจิ่ว เห็นสัตว์พวกนี้แล้วยังไม่เชื่ออยู่หรือเปล่าว่าที่นี่คือโลกที่แตกต่างกัน?”
สัตว์เหล่านั้นต่างหน้าตาอัปลักษณ์ดุร้าย และในยุคปัจจุบันไม่มีสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่จริงๆ มีเสือกับสิงโตก็นับว่าเป็นสัตว์ที่ดุร้ายอย่างยิ่งแล้ว!
แต่สัตว์ร้ายของที่นี่กลับไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินข่าวจากยุคปัจจุบันมาก่อน
กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร แต่นัยน์ตาที่มองไปยังกรงสัตว์ร้ายเหล่านั้นฉายแววประหลาดออกมาอย่างชัดเจน
หลงฟั่นที่จับตามองท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ของเธอมาตลอด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ จึงถอนหายใจนิดๆ ด้วยความโล่งอก จนถึงยามนี้เขายังไม่พบว่ากู้ซีจิ่วมีพิรุธสักนิดเลย