บทที่ 1114 หลานรักของข้าจะดูแลข้าเอง
ภัตตาคารแห่งนี้มีคนทุกระดับทุกอาชีพ มีลูกค้าทุกประเภท ดังนั้นเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาจึงไม่มีใครสังเกต กลับมีเสมียนร้านปากมากเอ่ยถามว่า “คุณชายพาผู้อาวุโสมาด้วยหากขึ้นด้านบนไม่สะดวก ข้าน้อยหาที่นั่งด้านล่างให้ท่านได้นะขอรับ”
หลงฟั่นส่ายหน้า “ไม่จำเป็น ท่านปู่มีอารมณ์แปรปรวน เกรงว่าจะส่งเสียงดัง นั่งห้องส่วนตัวด้านบนดีแล้ว”
เสมียนร้านคนนั้นยังอยากพูดอย่างอื่นต่ออีก กู้ซีจิ่วจึงตัดบทอย่างอ่อนแรง “หลานรักของข้ากตัญญูต่อข้า ทำตามที่เขาว่าเถิด”
หลงฟั่นคงกลัวว่าเธอจะวางแผนทำการอันใด จึงให้เธอกินยาอะไรเข้าไปไม่ทราบ ไม่เพียงแต่จะไม่มีแรงเคลื่อนไหวร่างกาย แม้แต่พูดยังไม่มีเรี่ยวแรงด้วยซํ้า ต้องฝืนพยายามพูดจึงจะมีเสียงออกมา นํ้าเสียงแก่ชราและแหบแห้ง มีเรี่ยวแรงมากกว่ายุงบินหึ่งๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงถูกจัดให้นั่งอยู่ตำแหน่งนี้ จากที่หลงฟั่นพูดตำแหน่งนี้ทัศนวิสัยดี และเหมาะสมกับเธอ
กู้ซีจิ่วเหลือบมองออกไปด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง มองผู้คนสัญจรไปมาบนถนนหนทางมองดูพ่อค้าหาบเร่เหล่านั้นตะโกนขายของ เป็นภาพฉากของยุคสมัยที่รุ่งเรืองเฟื่องฟู เธอพยายามประคองหลังที่โค้งงอให้ฝืนนั่งอยู่ได้ แขนเกือบยกขึ้นไม่ไหว ดังนั้นถึงแม้เธอจะหิวจนท้องร้องจ๊อกๆ แต่กลับไม่สามารถกินอาหารชั้นเลิศ ที่วางอยู่ตรงหน้าได้
เห็นได้ชัดว่าหลงฟั่นกำลังแก้แค้นเธอกับคำว่า ‘หลานรัก’ คำนั้น เขาคีบอาหารใส่จานเธอจนเต็ม แต่กลับไม่ป้อนให้สักคำ
แขกที่มากินข้าวในชั้นนี้ต่างเป็นลูกค้าสูงศักดิ์ เสมียนร้านจึงคอยเข้ามาดูแลไม่ขาด ทั้งอุ่นสุรารินนํ้าและอื่นๆ
กู้ซีจิ่วอดทนอยู่ครู่หนึ่ง คอยเวลาให้เสมียนร้านมารินนํ้าข้างกายเธอ จึงค่อยออกคำสั่งเสมียนร้านคนนั้น “เจ้าอยู่ตรงนี้ก่อน ประเดี๋ยวหลานรักของข้าจะตบรางวัลให้เจ้า”
ถึงแม้เสียงของเธอจะแผ่วเบา แต่เมื่ออยู่ด้านหน้าโต๊ะตัวหนึ่งก็ยังคงได้ยิน
เสมียนร้านรับคำด้วยความยินดี ยืนอยู่ด้านข้างอย่างสุภาพ อีกทั้งยังมองดูจานด้านหน้าเธออย่างกระตือรือร้น เขารู้ว่าเธอเคลื่อนไหวไม่สะดวก “ท่านผู้เฒ่า ให้ข้าน้อยป้อนท่านเอาไหมขอรับ?”
กู้ซีจิ่วกลับเป็นผู้อาวุโสที่จุกจิกยิ่งนัก “ไม่จำเป็น หลานรักของข้าจะดูแลข้าเอง”
ก่อนหัน ไปสั่งหลงฟั่นด้วยอาการสั่นเทา “หลานรักเจ้ากตัญญูที่สุดแล้ว มาๆ ป้อนลูกชิ้นปู่สักคำ”
หลงฟั่นนิ่งอึ้ง
เมื่อเห็นเสมียนร้านคนนั้นจ้องมองเขา หลงฟั่นข่มอารมณ์คีบลูกชิ้นส่งให้ถึงปากกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วกินอย่างเนิบนาบ พลางออกคำสั่งอีกหนึ่งประโยค “หลานรัก ตักนํ้าแกงให้ปู่อีกหน่อย”
เป็นครั้งแรกที่หลงฟั่นอยากจะกดหน้าเธอลงไปในถ้วยนํ้าแกง!
ณ ตอนนี้ละครยังไม่เริ่มโหมโรง หลงฟั่นย่อมไม่อยากเปิดการแสดงเองก่อน เมื่อสักครู่เขายังเป็นหลานชายยอดกตัญญูอยู่ดีๆ เวลานี้จึงไม่อาจไม่กตัญญูได้ ทำได้เพียงแค่ป้อนให้เธอ
ลูกไม้ของกู้ซีจิ่วมากมายผิดปกติ เดี๋ยวติอาหารจานนี้หวานไป อาหารจานนั้นจืดชืดไป เธอยังอยากกินเนื้อกุ้ง ต้องการให้หลงฟั่นแกะเปลือกกุ้งให้…ทำให้หลงฟั่นหัวหมุน และเขาเองก็แทบไม่ได้กินอย่างเป็นสุขเท่าใด
หลงฟั่นขุ่นเคือง ส่งกระแสเสียงถึงเธอว่า ‘เธอควรรู้จักพอเหมาะพอควรบ้าง! ถ้ายังยั่วโมโหอีก ฉันจะไม่ให้ยาถอนพิษ จะให้เธอต้องทนทุกข์ทรมาน!’
ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่สร้างเรื่องให้เขาอีก มองเขาด้วยสายตาพร่ามัวของชายชรา “หลานรัก ลำบากเจ้าแล้ว ยังต้องคอยดูแลไม้ใกล้ฝั่งอย่างข้าคนนี้อีก เจ้าเองก็ไม่ได้กินเสียเท่าใด เฮ้อ ช่างเถิด ป้อนนํ้าแกงให้ปู่อีกสักคำสองคำปู่ก็อิ่มแล้ว”
เห็นแก่ที่เธอยอมลดละ หลงฟั่นจึงข่มอารมณ์ป้อนนํ้าแกงให้ ทันใดนั้นเธอพลันสำลัก พ่นนํ้าลายอีกทั้งนํ้าแกงออกมาเต็มหน้าหลงฟั่น…
หลงฟั่นอึ้งตะลึง
เสียง ‘เพล้ง!’ ดังขึ้น ชามกระเบื้องถูกเขาบีบจนแตกเป็นเสี่ยง ทำให้เสมียนร้านผู้นั้นสะดุ้งตกใจ
กู้ซีจิ่วแสดงสีหน้ารู้สึกผิด “หลานรัก ปู่ไม่ได้ตั้งใจ แค่กๆ เจ้าอย่าโกรธไปเลย…แค่กๆ ไม่สนใจปู่แล้วอย่างนั้นรึ?”
————————————————————
[1] แม่เฒ่าเทียนซาน เป็นตัวละครในนวนิยายเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ผลงานประพันธ์ของกิมย้ง มียันต์เป็นตายที่เป็นวิชาสำคัญในการหาทาสมาใช้งาน โดยจะมอบยาบรรเทาอาการเจ็บปวดจากพิษของยันต์เป็นตายให้ปีละครั้ง
[2] สวีซู่เข้าค่ายเฉาเชา เป็นคำกล่าวอ้างถึง บทประพันธ์สามก๊ก สวีซู่ได้รับความช่วยเหลือจากหลิวเป้ย(เล่าปี่) จึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ช่วยเฉาเชา(โจโฉ) ออกอุบาย