Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1113

บทที่ 1113 ละครดีฉากหนึ่ง

กู้ซีจิ่วหลับตาลง ไม่สนใจเขาอีกแล้ว

บ้าเอ้ย นี่มันเหมือนกับแม่เฒ่าเทียนซาน[1]จงใจฝังยันต์เป็นตายในตัวเจ้าสำนักเพื่อควบคุมสำนักเหล่านั้น ทำให้ต้องจำยอมเชื่อฟังเลย

คนสติเฟื่องผู้นี้คงควบคุมลูกน้องของเขาเหล่านั้นด้วยวิธีแบบเดียวกัน มิน่าแต่ละคนถึงได้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีกันขนาดนี้

ความจริงเธอก็เตรียมใจไว้แล้วหากหลงฟั่นจับตัวเธอได้คงต้องมีการลงโทษแน่ ซึ่งเธอทนรับได้

ตอนนี้ให้เขาได้ใจไปก่อนเสียหน่อย วันหลังเธอจะต้องเอาคืนให้จงได้!

ให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่านี้สิบเท่า

‘หลงฟั่น คอยดูเถอะ!’

หลงฟั่นย่อมไม่รู้ความคิดของเธอ เขาพูดกับเธออีกตั้งมากมาย คิดจะหลอกถามเกี่ยวกับความทรงจำของเธอ แต่อย่างไรครั้งนี้เธอก็ไม่ปริปากพูด ทำตัวเป็นสวีซู่เข้าค่ายเฉาเชา[2]…ไม่พูดไม่จา

เขาพูดอะไรมากมายก็ไม่ได้การตอบรับจากเธอเลยสักคำ

ภายในรถม้าเงียบสงัดครู่หนึ่ง หลงฟั่นถึงถามเธอ “เธออยากเที่ยวเล่นข้างนอกให้มากหน่อยใช่ไหม?”

ไร้สาระ!

กู้ซีจิ่วไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมา

หลงฟั่นเอ่ยอีก “ถ้าเช่นนั้นฉันจะพาเธอไปเดินเล่นที่หนึ่ง ให้เธอได้เปิดหูเปิดตาเสีย หน่อยถือว่าเป็นการชดเชยเล็กๆ น้อยๆ ให้ก็แล้วกัน”

กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้น ในที่สุดก็ปริปากอันหนักอึ้ง “ไปไหน?”

“เมืองฟานหลี”

หัวใจกู้ซีจิ่วพลันสั่นไหว สถานที่นั้นก็คือเมืองที่ตี้ฝูอีอยู่ในตอนนี้ ห่างจากที่นี่ไปแปดถึงเก้าร้อยลี้ เขาพาเธอไปตอนนี้ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก?

……

เมืองฟานหลเป็นเมืองใหญ่ที่ค่อนข้างเจริญรุ่งเรืองเมืองหนึ่ง ภายในเมืองฟานหลีมีภัตตาคารที่มีชื่อเสียงอยู่สองแห่ง…เป็นภัตตาคารแฝด

เล่ากันว่าภัตตาคารสองแห่งนี้ก่อตั้งโดยฝาแฝดที่มีหัวด้านการค้าคู่หนึ่ง ภัตตาคารทั้งสองตั้งอยู่บนถนนเส้นหนึ่ง รูปแบบโดยรวมเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว และหันหน้าเข้าหากันโดยมีถนนกว้างสิบกว่าเมตรกั้นกลาง

ภัตตาคารสองแห่งนี้ถึงแม้จะอยู่ใกล้ แต่กลับไม่มีการแข่งขันกัน ด้วยเหตุที่อาหารของทั้งสองแห่งต่างมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป

ภัตตาคารที่กู้ซีจิ่วอยู่เชี่ยวชาญการปรุงอาหารทางใต้ อาหารแต่ละจานประณีตวิจิตรมากเฉกเช่น ผลงานศิลปะ ดูแล้วช่างเจริญหูเจริญตา รสชาติค่อนข้างหวาน เหมาะสำหรับลูกค้าที่มาจากทางใต้

ส่วนภัตตาคารอีกแห่งเชี่ยวชาญการปรุงอาหารทางเหนือ อาหารประณีตยิ่งเช่นกัน รสชาติค่อนข้างเค็ม เหมาะสำหรับคนทางเหนือ

ขณะนี้กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ที่ห้องหรูหราบนชั้นสามของภัตตาคารทางฝั่งตะวันออกของถนนแห่งนี้ เมื่อเงยหน้ามองผ่านม่านไข่มุกกึ่งโปร่งใส ก็จะมองเห็นทัศนียภาพของภัตตาคารฝั่งตรงข้าม

หลงฟั่นพูดอย่างอ่อนโยนอยู่ข้างเธอ “อีกประเดี๋ยวที่ภัตตาคารฝั่งตรงข้ามจะมีละครดีฉากหนึ่งให้ดู ตำแหน่งของพวกเราเป็นมุมที่ดีที่สุด”

หัวใจกู้ซีจิ่วพลันไหววูบ “ละครดีอะไร?”

หลงฟั่นคีบขาหมูเย็นชิ้นหนึ่งวางลงในจานของเธอ เก็บไว้ให้เธอยิ่งอยากรู้ “เดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง”

ชาติที่แล้วกู้ซีจิ่วอาศัยอยู่ที่ปักกิ่งโดยตลอด เธอชอบอาหารรสชาติทางเหนือมากกว่า ยามนี้เธอมองของกินเล่นที่ประณีตยิ่งกว่างานศิลปะเหล่านั้นบนโต๊ะแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน แต่ไม่ใช่ว่าเธอเรื่องมากไม่อยากกิน แต่เป็นเพราะเธอไม่สามารถกินเองได้

หลงฟั่นไร้ซึ่งคุณธรรมยิ่งนัก ถึงแม้ว่าเขาจะพาเธอมาที่เมืองนี้ แต่กลับทำให้เธอเป็นอัมพาต แถมยังแปลงโฉมให้เป็นชายชราหน้าตาอัปลักษณ์

หลงฟั่นเคยเอากระจกให้เธอส่อง เธอมองแค่แวบเดียวก็ต้องเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ

อัปลักษณ์ยิ่งนัก!

ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าสามารถหนีบแมลงวันให้ตายได้ ดูแล้วอายุไม่ตํ่ากว่าหนึ่งร้อยปี ประเภทแค่เพียงนอนลงหลับตาก็พร้อมเข้าโลงได้เลย

นี่ยังไม่นับรวมกระที่ปกคลุมทั่วผิวหนัง กับรอยด่างดำบนใบหน้าขนาดเท่าเหรียญอีแปะอีกเก้าจุด!

ส่วนหลงฟั่นถึงแม้แปลงโฉมเช่นกัน ทว่าก็ยังเป็นลักษณะคุณชายแรกรุ่น ดูหล่อเหลาไม่สร่าง หากเดินบนท้องถนนต้องได้รับสายตาร้อนแรงจากหญิงสาวมากมายเป็นแน่

ลูกน้องสองคนนั้นของเขาก็แปลงโฉมเป็นคนรับใช้ แบกเกี้ยวไม้ไผ่พากู้ซีจิ่วขึ้นมาด้านบน หลงฟั่นกลับทำทีเป็นหลานกตัญญูรีบตามมาข้างเกี้ยวไม้ไผ่ คอยสั่งการให้คนรับใช้ทั้งสองเบามือเป็นครั้งคราว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version