บทที่ 1128 ละครพลิกผัน 3
“ยามนั้นข้าเพียงสงสัยเล็กน้อยว่านั่นคือเจ้าตัวปลอม ก่อนจะขึ้นรถข้าจึงให้หลงฟั่นตรวจดูบาดแผลของเขาเป็นพิเศษ พบว่าบาดแผลของเขาไม่ถึง แก่ชีวิต อย่างน้อยก็ไม่บาดเจ็บจนกลายเป็นเช่นนั้น และโลหิตของเขาก็ไหลแตกต่างจากโลหิตที่ไหลเพราะถูกแทงในยามนั้น ดังนั้นเมื่อขึ้นรถม้ามา ข้าจึงทราบว่านั่นคือตัวปลอม ในเมื่อมีตัวปลอมอยู่ที่นั่น ตัวจริงก็คงมาด้วยเช่นกัน ต้องปะปนอยู่ในกลุ่มคนที่ติดตามมาแน่นอน ด้วยเหตุนี้ข้าจึง นึกถึงเจ้า มีเพียงสตรีผู้บรรเลงผีผาอย่างเจ้าที่นำตัวมาส่งถึงหน้าประตู…ยามนั้นข้าจึงสงสัยยิ่งแล้วว่าจะเป็นเจ้า เมื่อได้เห็นท่าทางที่เจ้าปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วหลังจากขึ้นรถมาแล้ว…ข้าจึงคาดเดาได้เกือบสิบส่วนแล้วว่าเป็นเจ้า!” โม่เจ้าสาธยายออกมา
ตี้ฝูอีมองเขาอย่างเฉยชา “ข้าถามแค่ประโยคเดียว เจ้าตอบเสียยืดยาวถึงเพียงนี้ เผยออกมาจนหมดเปลือกก็ไม่ได้ทำให้เจ้าเป็นสุขขึ้นมาหรอก”
โม่เจ้าเม้มริมฝีปาก “ตี้ฝูอี พูดเหลวไหลให้น้อยหน่อย เจ้าคิดจะทำอย่างไร?”
ตี้ฝูอีกะพริบตาปริบๆ “อะไรคือทำอย่างไร?”
ยกตัวกู้ซีจิ่วที่อ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนตนขึ้นมา “ตอนนี้นางอยู่ในกำมือข้าแล้ว เจ้าไม่กลัวข้าจะทำร้ายนางหรือ?”
หลังจากกล่าวประโยคนี้จบเขาก็ตะลึงงัน เนื่องจากภายในรถม้าไม่มีเงาร่างของตี้ฝูอีอยู่แล้ว…
หนีไปแล้วเรอะ?!
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้จะหนีไปเช่นนี้น่ะหรือ!
โม่เจ้าค่อนข้างตะลึงพรึงเพริดอย่างที่พบเห็นได้ยาก เขาวางแผนไว้อย่างดี ถึงแม้ว่าคมมีดเมื่อครู่จะลอบโจมตีไม่สำเร็จ แต่เขาคุมตัวคนรักของอีกฝ่ายเอาไว้แล้ว นึกว่าจะอาศัยข้อนี้ข่มขู่ตี้ฝูอีได้ ทำให้ตี้ฝูอีได้แต่ยอมจำนน ปล่อยให้เขาแล่เนื้อเถือหนังเอาชีวิต ยอมให้เขาทำตามอำเภอใจ ต่อให้ความรักที่ตี้ฝูอีมีต่อกู้ซีจิ่วจะไม่ลึกซึ้งถึงเพียงนั้น แต่อย่างน้อยเขาก็น่าจะหาทางทำให้เขาเชื่อใจก่อน แล้วเจรจาต่อรองกับเขามิใช่หรือ?!
นึกไม่ถึงว่าเขาจะเลือกหนีไปตรงๆ เช่นนี้เลย!
หนีไปแล้ว!
ในเมื่อตี้ฝูอีหนีไปแล้ว เช่นนั้นเขาจะจับตัวกู้ซีจิ่วไปข่มขู่ผู้ใดเล่า?
โม่จ้าวหลุบตามองกู้ซีจิ่วที่อยู่ในอ้อมแขนเขา ยกยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “เสี่ยวซีจิ่ว ดูเหมือนความรักที่เขามีต่อเจ้าจะไม่ได้ลึกซึ้งถึงเพียงนั้นนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะหนีไปอย่างไม่สนใจความเป็นความตายของเจ้าเช่นนี้!”
อันที่จริงกู้ซีจิ่วแสนโล่งอก เธอหวาดกลัวจริงๆ ว่าตี้ฝูอีจะเป็นเช่นเดียวกับในหนังที่เคยดู ตัวร้ายจับนางเอกไว้ จากนั้นก็ข่มขู่ให้พระเอกวางปืนลงหรือไม่ก็ทำร้ายตัวเองซะ บรรดาพระเอกผู้เก่งกล้าสามารถมาโดยตลอดเหล่านั้นย่อมวางปืนลงอย่างไม่ไยดีทุกสิ่งจริงๆ ทำร้ายตัวเองจริงๆ ทำให้ตัว ร้ายพอใจ ผลคือตัวร้ายไม่ได้ปล่อยตัวนางเอก แถมยังจับตัวพระเอกได้ด้วย ทำให้พระเอกอัปยศอดสูต่อหน้านางเอก…
เท่ากับว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย แถมยังทำให้ความหวังเพียงหนึ่งเดียวพังทลายด้วย
ทุกครั้งที่กู้ซีจิ่วเห็นฉากแบบนี้จะรู้สึกว่าพระเอกโง่เง่ายิ่งนัก โชคดีที่ตี้ฝูอีมิใช่พระเอกประเภทนี้ ในใจกู้ซีจิ่วยังคงปิติยินดีนัก แน่นอนว่าเธอปิติยินดีอยู่ในใจ ทว่าใบหน้ายังคงเผยแววใคร่ครวญประกอบกับเข้าใจขึ้นมาในทันใด ถามเขาอย่างจริงจัง “ท่านเจ้า พวกท่านหลอกข้าเหรอ!”
โม่เจ้าถูกวาจาที่ไม่สัมพันธ์กันประโยคนี้ของเธอทำให้ทึ่มทื่อไปเล็กน้อย “หะ?”
“พวกท่านบอกว่าข้าเพิ่งทะลุมิติมา สิ่งที่เห็นเมื่อลืมตาขึ้นมาก็คือพวกท่าน เช่นนั้นข้ากับเขาจะไปเอาความรักมาจากไหน? แล้วทำไมเขาต้องสนใจความเป็นความตายของข้าด้วย?”
โม่เจ้าแข็งค้างไปแล้ว
“ท่านเจ้า ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าต้องการแต่งกับข้านะ!” ริมฝีปากน้อยของกู้ซีจิ่วเม้มแน่นกว่าเดิม
เวรเอ้ย ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าจะแต่งกับเธออยู่เลย ราวกับเธอเป็นยอดรักของเขา ต่อมาไม่ทันไรก็พลิกโฉมหน้า ไม่รู้จักกันเสียแล้ว ช่างสมกับ เป็นมารสวรรค์โดยแท้ ทำให้รู้สึกรักไม่ลงเลย!
ใบหน้าหล่อเหลาของโม่เจ้าเขียวคลํ้า รู้สึกเพียงว่ามีโลหิตสายหนึ่งอุดอยู่ในลำคอ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก