Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1134

บทที่ 1134 รู้สึกว่าตัวเองกระวนกระวายใจยิ่งนัก…

โม่เจ้าคร้านที่จะเข้าไปวุ่นวายกับเขาด้วยเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ จึงสั่งคนให้ยกเก้าอี้นุ่มมาสามตัว ตัวหนึ่งยกกู้ซีจิ่วที่เป็นลมไปแล้ว ตัวหนึ่งยกตี้ฝูอี ตัว หนึ่งยกหลงฟั่นที่บาดเจ็บสาหัส

หลังจากที่ตี้ฝูอีขึ้นนั่งเก้าอี้นุ่มนี้แล้วก็ไม่พลิกตัวไปมาอีก มีข้ารับใช้สองคนแบกเขาประหนึ่งเป็นคุณชายใหญ่ที่เยี่ยมชมทัศนียภาพของวังใต้พพิภพตามใจชอบ แสดงความคิดเห็นบ้างเป็นครั้งคราว

กล่าวว่าที่นี่หนาวเย็นเกินไป ไม่หรูหราพอ ควรจะตกแต่งกระถางต้นไม้สักเล็กน้อยไว้ตรงทางเดิน

อย่างไรเสียตอนที่โม่เจ้าเป็นหรงเช่อ ก็ติดต่อใกล้ชิดกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้อยู่หลายครา รู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยค่อนข้างผิดแผก แต่ตอนนั้นเขาแหงนหน้ามองตี้ฝูอี ส่วนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ทั้งสองติดต่อสื่อสารกันจริงจังน้อยครั้งนัก เรียกว่าเพียงพยักหน้าให้กันก็ว่าได้

ดังนั้นในสายตาของเขา ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยังคงลึกลับและสูงส่งเกินเอื้อมเป็นที่สุด ตอนนั้นบางครั้งทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ทำเรื่องออกนอกกรอบบ้าง เขารู้สึกว่าคนสูงส่งล้วนมีอารมณ์ผิดแผกกันหมด พิลึกเล็กน้อยก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง

ความแปลกพิลึกในตอนนั้นเรียกว่ารสนิยมและความลึกลับ

ยามนั้นภายในใจโม่เจ้าก็มีความคิดชั่ววูบว่าจะลากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายลงจากแท่นบูชาแล้ว เหยียบย่ำให้จมดิน

โม่เจ้าคิดว่าเหตุผลที่คนเช่นตี้ฝูอีอวดดีได้ขนาดนี้เป็นเพราะมีตำแหน่งสูงส่ง ไม่เคยมีใครข่มขู่เขาได้ และไม่เคยมีผู้ใดทำร้ายเขาได้จริงๆ หากเขาตกจากเทวสถานมาเป็นเชลยก็เสียหน้าเช่นเดียวกัน และตกอยู่ในสภาพจนตรอกเช่นกัน อย่างน้อยที่สุดก็คงไม่กล้าอวดดีหรือทำให้เขาต้องขุ่นเคืองใจได้อีก ทว่ายามนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถูกเขาจับตัวได้แล้ว และยังบาดเจ็บจนเป็นเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าเขายังเอ้อระเหยสบายใจได้ถึงเพียงนี้ ไม่เหมือนเป็นเชลย กลับเหมือนเป็นคุณชายที่มาเยี่ยมชมเสียมากกว่า!

โม่เจ้ารู้สึกว่าตัวเองกระวนกระวายใจยิ่งนัก…

ใบหน้าสง่างามที่ฝึกฝนมานานหลายปีแทบจะอดกลั้นไม่ไหว เมื่อตี้ฝูอีชี้ว่าหยกกันไฟที่เรียงกันเป็นรูปดอกไม้บนทางเดินของวังใต้พิภพไม่ค่อยเข้ากันเท่าใด ในที่สุดเขาสาวเท้าก้าวเดินไปข้างหน้ากระชากคอเสื้อของตี้ฝูอี “ตี้ฝูอี หากเจ้ายังไม่ยอมปิดปากเจ้าให้สนิท ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าเสีย!”

ตี้ฝูอีจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น “เจ้าอยากผิดคำสาบาน?”

เขาเพิ่มคำสัตย์สาบานของโม่เจ้าไปอีกประโยคหนึ่ง กับตี้ฝูอีฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ หากดูหมิ่นเหยียดหยาม เขาจะพบเคราะห์ถูกอัสนีบาตพิฆาต

ดังนั้นโม่เจ้า แทงเขาหนึ่งแผลให้สูญเสียวรยุทธ์พลังวิญญาณได้ แต่ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆ เช่นตัดลิ้นหรือควักลูกตา

โม่เจ้า ย่อมไม่อยากผิดคำสาบาน จึงแค่นเสียงหัวเราะเยาะเย้ย และคลายมือออกจากตี้ฝูอี “เห็นแก่คนใกล้ตายอย่างเจ้า ข้าจะไม่เก็บ

เอามาใส่ใจ!”

ตี้ฝูอีจึงยังคงนั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายอกสบายใจ นิ้วมือของเขาเคาะที่พนักแขนของเก้าอี้ใต้ร่าง “โม่เจ้า ความจริงข้ายังงุนงงเล็กน้อย เหตุใดเจ้าไม่สังหารข้าเสียตอนนี้? ให้ข้าอยู่เฉลิมฉลองข้ามปีใหม่กับเจ้างั้นรึ? หรือว่าเจ้าคิดว่าเคยเป็นคนคุ้นเคยกับข้าในฐานะหรงเช่อ ยังคงมีความรู้สึกเลือนรางอยู่บ้าง?”

โม่เจ้าพลันยิ้ม “เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้!”

เขาสั่งให้คนขังตี้ฝูอีไว้ในห้องคุมขังที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ห้องคุมขังนี้พิเศษอย่างยิ่ง กำแพงทั้งสี่ด้านทำจากหยกมรกตกันไฟ ทว่าภายในกลับร้อนราวอยู่ในเข่งนึ่งอาหาร ตี้ฝูอีถูกวางไว้บนเตียงหินที่ร้อนระอุหลังหนึ่ง และถูกตรึงไว้ด้วยตรวนสลายวิญญาณเจ็ดแปดเส้น

ตรวนสลายวิญญาณนี้โหดร้ายยิ่งกว่าโซ่สะกดวิญญาณเสียอีก หากถูกล่ามด้วยโซ่สะกดวิญญาณก็เพียงแค่ไม่อาจใช้พลังวิญญาณได้ ทว่าหากถูกตรึงด้วยตรวนสลายวิญญาณจะทำให้พลังวิญญาณสลายไป เมื่อใดที่ถูกตรวนนี้ตรึงไว้ ต่อให้เป็นคนที่มีความสามารถเพียงใดก็ไม่มีทางร่ายคาถาได้ อีกทั้งเมื่อถูกตรึงด้วยตรวนนี้มากกว่าสิบวันขึ้นไป พลังวิญญาณทั้งหมดของผู้ที่ถูกตรึงจะถูกทำลายจนหมดสิ้น

————————————————

[1] จุดชี่ไห่ จุดฝังเข็มบริเวณท้องน้อย บนแนวกึ่งกลางลำตัว อยู่ใต้สะดือ 1.5 ชุ่น เป็นจุดสำคัญในการบำรุงสุขภาพ เป็นทะเลของพลังลมปราณดั้งเดิม(หยวนชี่)

[2] จุดอวินซุ่ย หรือที่เรียกว่าจุดอันเหมียน อยู่บริเวณด้านหลังใบหูประมาณ 1 ชุ่น เป็นจุดพิเศษ อยู่นอกเส้นลมปราณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version