บทที่ 1274 ออกหน้าให้เธอ 4
ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีสตรีอยู่น้อย สตรีที่ยังไม่ออกเรือนยิ่งลํ้าค่าประหนึ่งหมีแพนด้าก็มิปาน อีกทั้งหวงซังเซียงอยู่ที่นี่ก็ค่อนข้างมีมนุษย์สัมพันธ์ ถึงแม้ทุกคนจะรับไม่ได้ที่ครั้งนี้นางปล่อยข่าวลือเสียๆ หายๆ แต่ก็รู้สึกว่าโทษทัณฑ์นี้ร้ายแรงไปหน่อย พากันเอ่ยขอความเมตาให้นาง
แต่ครั้งนี้หลัวจั่นอวี่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าผู้ใดจะพูดอย่างไรล้วนไม่กลับคำ
กู้ซีจิ่วกลับขมวดคิ้วนิดๆ เธอเห็นนานแล้วว่าคนมากมายที่อยู่ที่นี่เผยสีหน้าไม่พอใจออกมา หากว่าส่งหวงซังเซียงเข้าไปในเขาเช่นนี้จริงๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งนางไปตายเลย เช่นนั้นเกรงว่าเหล่าชายฉกรรจ์โสดที่มีไมตรีต่อนางจะก่อกบฏเอาได้ บางครั้งสตรีก็เป็นสิ่งกำราบยับยั้งบุรุษเหล่านี้ได้จริงๆ เสมือนกิลด์ในเกมออนไลน์ มีผู้หญิงมาก ตัวเทพอีกมากมายก็จะหลั่งไหลมา…
เธอมองหวงซังเซียงแวบหนึ่ง หวงซังเซียงขวัญเสียจริง ๆ คุกเข่าอยู่ตรงนั้นโขกศีรษะไม่หยุด ไม่เพียงโขกศีรษะให้หลัวจั่นอวี่เท่านั้น ยังโขกให้ทุกคนที่อยู่รอบข้างด้วย สุดท้ายก็โผเข้ามากอดขากู้ซีจิ่วเอาไว้เสียเลย ขอขมาลาโทษกู้ซีจิ่วด้วยนํ้าตานองหน้า ขอให้เธอช่วยขอความเมตตาให้ตนด้วย
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่านางได้รับความอกสั่นขวัญแขวนไปพอสมควรแล้ว จึงเอ่ยขอความเมตตาให้หวงซังเซียงสองประโยค
เป็นเพราะการเอ่ยปากของเธอ สุดท้ายหลัวจั่นอวี่จึงผ่อนปรนให้ บอกว่าจะส่งหวงซังเซียงเข้าไปในภูเขาสามวัน หากว่านางสามารถออกมาด้วยตัวเองได้ภายในสามวัน หมู่บ้านแห่งนี้ก็จะยอมรับนางอีกครั้ง…
บทลงโทษนี้เห็นได้ชัดว่าเบาลงมากแล้ว และวรยุทธ์ของหวงซังเซียงก็ไม่เลวเลย ถึงอย่างไรก็เคยเป็นคนที่ฝ่าป่าทมิฬมาก่อน ต่อให้โยนนางเข้าไปในภูเขาด้านหลัง ขอเพียงนางระมัดระวังสักหน่อยก็สามารถออกมาได้แล้ว เพียงแต่หลายปีมานี้ถูกประคบประหงมจนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินตํ่าไปบ้าง แม้แต่วรยุทธ์ก็ถดถอยลงไม่น้อย การส่งไปครั้งนี้จึงเป็นการฝึกฝนประสบการณ์อย่างหนึ่ง
แน่นอน หากว่านางโง่เขลาเกินไป ไปทุบตีหาที่ตายกับสัตว์ร้ายด้วยตัวเอง คาดว่าแม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลือกลับมา
ถึงแม้หวงซังเซียงจะยังหวาดกลัวอยู่ แต่สุดท้ายก็ถูกคนส่งตัวไป สิ่งที่รอคอยนางอยู่คือการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
เมื่อเรื่องนี้ผ่านพ้นไป ในที่สุดทุกคนก็ทราบแล้วว่าขีดจำกัดของหลัวจั่นอวี่อยู่ตรงไหน
กู้ซีจิ่วค่อนข้างปลื้มใจยิ่งนัก เริ่มแรกความประทับใจที่หลัวจั่นอวี่มอบให้เธอคือ สุภาพชนผู้อ่อนน้อม ถึงแม้จะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่กลับไม่ยโสโอหังอันใด นิสัยก็คล้ายว่าจะปวกเปียกไปหน่อย
ยามนี้ได้เห็นแล้วว่าทักษะในการรับมือกับผู้คนของเขาก็สูงส่งยิ่งนักเช่นกัน!
ยามที่สมควรลงมือก็โหดเหี้ยมเด็ดขาดนัก แผนเชือดไก่ให้ลิงดูในครานี้ยอดเยี่ยมมาก!
และหลัวจั่นอวี่ก็ออกหน้าให้เธอในสถานการณ์ที่ยังไม่ทราบถึงฐานะตัวตนของเธอเลย นี่ทำให้กู้ซีจิ่วค่อนข้างซาบซึ้ง ยามที่หลัวจั่นอวี่กำลังจะเข็นรถจากไป ในที่สุดเธอก็เอ่ยปากขึ้น “คุณชายหลัว อยากยืนได้หรือไม่?”
เมื่อกล่าวประโยคนี้ออกไป ไม่เพียงแต่หลัวจั่นอวี่ที่แข็งทื่อไป แม้แต่คนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้แยกย้ายกันไปก็ตกตะลึงเช่นกัน
หลัวจั่นอวี่หมุนรถเข็นกลับมาแล้วมองเธอ “เจ้ามีวิธีหรือ?”
ด้านหลังเขาคนสองคนที่คอยเข็นรถให้เขามีสีหน้าไม่เชื่อถือ
“เป็นไปไม่ได้กระมัง?! อาการป่วยของพี่ใหญ่หลัวเรื้อรังมากว่าสิบปีแล้ว พี่ใหญ่หลัวเองก็เป็นหมอเทวดาทว่าไม่อาจรักษาให้หายดีได้มาโดยตลอด แล้วแม่นางน้อยอย่างเจ้าจะมีวิธีได้อย่างไร?”
“ก็ใช่ กู้ซีจิ่วหรือว่าเจ้าจะรู้วิชาแพทย์ด้วย?”
“ต่อให้รู้วิชาแพทย์ก็น่าจะไม่สูงส่งมากกระมัง? อย่างไรเสียอายุนางก็ยังน้อยนัก…”
ฝูงชนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์
กู้ซีจิ่วไม่สนใจคำวิจารณ์ของฝูงชน “เมื่อกี้ตอนที่ต่อสู้กับท่าน ข้าใช้พลังวิญญาณทดสอบร่างกายท่านดูเล็กน้อย ทราบบ่อเกิดของปัญหาที่ทำให้สองขาของท่านไร้ความรู้สึกแล้ว ข้าวินิจฉัยแล้วว่ากินยาเข้าไปสองครั้ง ควบคู่กับวิชาฝังเข็มตำรับเฉพาะของข้าจะทำให้ท่านลุกขึ้นมาเดินเหินได้ภายในสามวัน แต่ว่าก็เพียงแค่เดินเหินได้เท่านั้น ถ้าคิดจะฟื้นฟูวรยุทธ์ส่วนขา ต้องใช้โอสถบำรุงรักษาเป็นเวลาหนึ่งเดือน…”