บทที่ 129
ท่านก็ไปกอดเขาเลย
กู่ซีซีเหลือบมองกู้ซีจิ่วอีกครา หยักยิ้มมุมปาก “คุณหนูกู้หกผู้นี้ก็จับชีพจรพวกเขาแล้ว มีความคิดเห็นที่ยอดเยี่ยมบ้างไหม? ทราบหรือไม่ว่าพวกเขาถูกพิษใด?”
นางยังไม่เอ่ยชื่อของพิษออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กู้ซีจิ่วลอกเลียนแบบ และฉกฉวยเอาความโดดเด่นของนางไป!
พิษนี้แปลกประหลาดยิ่งและพบได้ยาก นางไม่เชื่อว่าก็กู้ซีจิ่วเด็กน้อยคนนี้จะรู้จักพิษชนิดนี้ด้วย!
สายตาของผู้คนมองไปที่ก็กู้ซีจิ่วอย่างพร้อมเพรียง กู้ซีจิ่วกอดอก ยิ้มอย่างเกียจคร้าน “เชิญสตรีศักดิ์สิทธิ์รักษาก่อนเลย”
กู่ซีซีแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าจะได้เลียนแบบอย่างข้าหรือ?”
มุมปากกู้ซีจิ่วยกโค้งขึ้น “วางใจเถอะ วิธีการรักษาของข้าและท่านแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
กู่ซีซีร้องเหอะ “แล้วแต่เจ้าเถอะ ต่อให้เจ้าจะเลียนแบบข้า เจ้าก็เลียนแบบไม่ได้หรอก! ตัวข้าสตรีศักดิ์สิทธิ์รับประกันได้ว่าลงมือครั้งนี้จะต้องยาถึงโรคหาย[1]แน่นอน!”
กล่าววาจาไปพลาง หยิบขวดเล็กๆ ใบหนึ่งออกมา จากร่างไปพลางเทยาลูกกลอนสีม่วงออกมาหนึ่งเม็ด แล้วให้ยวี๋มู่ป๋ายกลืนลงไปจากนั้นก็ซัดฝ่ามือ ประทับฝ่ามือลงด้านหลังหัวใจของเด็กหนุ่มคนนั้น ช่วยเขาโคจรพลังยา…
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ใบหน้าซีดขาวของยวี๋มู่ป๋าย ในที่สุดก็มีเลือดฝาดขึ้นมาจางๆ ส่อแววดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
กู่ซีซีชักฝ่ามือกลับ กล่าวอย่างองอาจ “เอาล่ะ! หลังจากกลับไปแล้วให้เขาพักผ่อนอีกสามวันให้เขาดื่มยาบำรุงร้อนๆ เสียหน่อย ทานอาหารอ่อนๆ ก็จะหายเป็นปกติ…”
เห็นทีว่าวิชาแพทย์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์จะยอดเยี่ยมจริงๆ แทบจะยาถึงโรคหายเลย
ดวงตาของฝูงชนฉายแววเคารพนับถือ อำมาตย์ยวี๋เองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เขาก็ยังห่วงใยบุตรชายอีกคนอยู่ อดจะมองกู้ซีจิ่วที่อยู่ตรงนั้นไม่ได้พบว่านางกำลังพูดคุยกับยวี๋มู่ชิงอยู่ ยังไม่ได้ลงมือรักษา แน่นอนว่า เนื่องจากยวี๋มู่ชิงเป็นใบ้อยู่ ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงเป็นคนพูด ที่ยวี๋มู่ชิงทำได้ก็คือพยักหน้าและส่ายหน้า เท่านั้น อำมาตย์ยวี๋ยังคงคลางแคลงอยู่ในใจ อดพูดเร่งเร้าออกมาไม่ได้ “คุณหนูกู้ยังมิลงมือรักษาอีกหรือ? ทางด้านนี้สตรีลักดสิทธิ์รักษาเสร็จสิ้นแล้วนะ มู่ป๋ายก็กำลังดีขึ้น…”
เขาเพิ่งจะกล่าวถึงตรงนี้จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้อง ‘อ๊าก…’ ดังมาจากด้านหลัง
เขารีบหันกลับไปทันที ใบหน้าเปลี่ยนสี
บุตรคนเล็กยวี๋มู่ป๋ายผู้นั้นที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าอาการดีขึ้นแล้วบัดนี้ใบหน้าแดงกํ่า กำลังกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ และมีไหสีฟ้าใบหนึ่งอยู่ใต้เท้าเขา เลือดของยวี๋มู่ ป๋ายพ่นเข้าไปในไหใบนั้น…
หากมิใช่เด็กรับใช้ที่อยู่ข้างกายทั้งสองคนประคองเขาไว้ ได้ทันกาล เกรงว่าเขาคงจะไถลลงไปจากเก้าอี้เสียแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?” อำมาตย์ยวี๋ตื่นตระหนก ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง สีหน้าของกู่ซีซีก็เปลี่ยนไป สาวเท้าก้าวไปด้านหน้า จับชีพจรของยวี๋มู่ป๋าย ใบหน้างดงามซีดเผือดลง
นางไม่มีเวลาจะกล่าวอันใด นิ้วมือกดจุดบนร่างยวี๋มู่ป๋าย แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์ยวี๋มู่ป๋ายยังคงกระอักเลือดไม่หยุด…
ผ่านไปสักครู่ ใบหน้าหล่อเหลาของยวี๋มู่ป๋ายมีสีหน้าดุจคนที่ตายไปแล้ว อ่อนระโหยโรยแรงอยู่บนเก้าอี้ ร่างกายสั่นสะท้านกระตุกไปมาดั่งตะแกรงร่อน ดวงตาแค้นเคืองยิ่งนัก หายใจแผ่วเบา
ในที่สุดกู่ซีซีก็หยุดมือ
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ เป็นอย่างไรบ้าง?”น้ำเสียงของอำมาตย์ยวี๋สั่นไหวดงใบไม้ที่ปลิดปลิวอยู่ในสายลม
กู่ซีซีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย “พวกเจ้าส่งเขามาช้าไปก้าวหนึ่ง ถึงแม้ข้าจะใช้วิธีที่ถูกต้อง ทว่าพิษได้แล่นเข้าสู้หัวใจแล้ว ข้าก็หมดกำลังจะช่วยได้”
อีกนัยหนึ่งก็คือ ช่วยยวี๋มู่ป๋ายไม่ได้แล้ว!
อำมาตย์ยวี๋ถึงกับยืนไม่อยู่ นํ้าตาไหลนอง โซเซจะโถมตัวลงบนร่างยวี๋มู่ป๋าย “มู่ป๋าย…”
“ถ้าอยากให้เขาตายจริงๆ ท่านก็ไปกอดเขาเลย!” จู่ๆ น้ำเสียงเยือกเย็นของกู้ซีจิ่วก็ดังขึ้น อำมาตย์ยวี๋ชะงักงัน เงยศีรษะขึ้นทันที มองดูกู้ซีจิ่วที่ยืนอยู่ตรงนั้น นํ้าเสียงสั่นเครืออีกหน “เช่นนั้น…เช่นนั้น… คุณหนูกู้ยังมีวิธีช่วยเขาหรือไม่?”