บทที่ 146
เดาไม่ออก
กู้ซีจิ่วนิ่งเงียบ กล่าวก็คือคนเมื่อสักครู่นั้นไม่ใช่หลงซี เพียงแต่มีกลิ่นอายที่คล้ายกับหลงซีอยู่บ้างเท่านั้น จุดประสงค์ในการมาของท่านเจ้าสำนักผู้นี้ทำให้คนเดา ไม่ออกเลยจริงๆ ในเมื่อเดาไม่ออกกู้ซีจิ่วก็ไม่เดาอีก ห่มผ้าแล้วนอนหลับต่อ
วันเวลาอันแสนสงบของกู้ซีจิ่วผ่านไปสามวันแล้ว เธอสูญเสียความสามารถพิเศษในการเคลื่อนย้ายไป ไปไหนไม่ได้ชั่วคราว ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่แต่ในเรือนของตัวเอง โชคดีว่าหลังจากเซ่นไหว้ในคืนนั้นแล้ว ร่างกายของเธอก็ผ่อนคลายขึ้นมาก สามารถฝึกฝนกำลังภายในจริงๆ ได้แล้ว!
ชาติก่อนเธอเป็นยอดฝีมือด้านกำลังภายใน รู้วิธีฝึกฝน คุ้นเคยกับขั้นตอนเป็นอย่างดี การฝึกฝนในยามนี้ย่อมง่ายดายยิ่ง
ในระยะเวลาสามวันในจุดตันเถียนของเธอถึงขั้นเหนี่ยวนำพลังปราณแล้ว ฝึกฝนกำลังภายในได้เล็กน้อย ต่อให้ไม่ใช่วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา ความเร็วของเธอก็เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
หลายวันมานี้หน้าเรือนมีเสียงอึกทึกอยู่บ้าง กู้ซีจิ่วไม่จำเป็นต้องสอบถามก็รู้ว่าเป็นเหลิ่งเซียงอวี้ที่วิ่งวุ่นไปมา เรื่องการช่วยเหลือบุตรสาว
สามวันมานี้กู้เซี่ยเทียนแทบจะไม่อยู่บ้านเลย ถึงอย่างไรกู้เทียนฉิงก็เป็นบุตรสาวของเขา ทั้งยังเป็นบุตรสาวที่รักใคร่เอ็นดูที่สุดในหลายปีมานี้ ต่อให้เขาโกรธเกลียดผิดหวังในตัวนางสักเท่าใด ก็ไม่อยากเห็นนางต้องนั่งแกร่วอยู่ในคุก จึงคิดสารพัดวิธี หาเส้นสายต่างๆ…
แต่หนนี้คดีขององค์ชายหรงเหยียนและกู้เทียนฉิงถึงอย่างไรก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุตรชายสุดที่รักของหลูอ๋อง หลูอ๋องมีอำนาจมาก สามกรมที่ควบคุมเรือนจำจึงไม่มีใครกล้ารับสินบน
กู้เซี่ยเทียนวิ่งเต้นอยู่สามวัน อย่าว่าแต่ช่วยบุตรสาวออก มาเลยแม้แต่คุก เขาก็ไม่ได้เข้าไปด้วยซํ้า!
เจ้าหน้าที่ของสามกรมซึ่งรับผิดชอบคดีนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นที่ครหา เลยไม่ยอมพบเขา ดังนั้นเขาจึงทำอะไรไม่ได้ชั่วคราว
เดิมทีเขาก็คับข้องหมองใจมากอยู่แล้ว หลังจากกลับบ้านไปเหลิ่งเซียงอวี้ก็จะมาร้องห่มร้องไห้อยู่ใกล้ๆ เขา ทำให้เขารำคาญเป็นอย่างยิ่ง เลยไม่กลับบ้าน ยอมค้างคืนในโรงเตี๊ยมแทน
นี้ยิ่งทำให้เหลิ่งเซียงอวี้กลัดกลุ้มกว่าเดิม ถึงแม้นางจะเกลียดแค้นกู้ซีจิ่ว แต่อยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ก็ไม่กล้าไปหาเรื่องนางอีก
ส่วนบุตรสาวสกุลกู้คนอื่นๆ นอกจากกู้เทียนอีคนนั้นแล้ว พี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ ก็มาใกล้ชิดสนิทสนมกับกู้ซีจิ่วมากขึ้น
พอทราบว่าเธอรู้วิชาแพทย์ เมื่อพวกนางมีอาการเจ็บป่วย ปวดหัวตัวร้อน ประจำเดือนมาไม่ปกติก็ล้วนแต่มาหานาง
หลังจากนั้นพวกนางพบว่า ถึงแม้หน้าตาของกู้ซีจิ่วจะเย็นชาอยู่ตลอด แต่ขอเพียงไม่ไปยั่วแหย่นาง นางก็ค่อนข้างพูดคุยด้วยง่าย
นางแค่รักษาและจัดยาให้พวกนางนิดหน่อย ก็ทำให้พวกนางหายเป็นปกติดังเดิม
ทั้งยังมีบรรดาอนุเหล่านั้น ที่เดิมทีก็ไม่ได้ชิงชังอะไรกู้ซีจิ่วมากนัก เหตุผลที่เมื่อก่อนเย็นชากับนางเป็นเพราะเหลิ่งเซียงอวี้ ยามนี้ย่อมมาใกล้ชิดกับนางเช่นกัน
เมื่อก่อนเหลิ่งเซียงอวี้สร้างความโดดเดี่ยวให้กู้ซีจิ่วอย่างสมบูรณ์ เดินไปไหนล้วนไม่มีใครสนใจ ทำให้ชีวิตบุตรสาวฮูหยินเอกเทียบกับคนใช้ยังไม่ได้เลยด้วยซํ้า
แต่ยามนี้มีวันหนึ่งเหลิ่งเซียงอวี้ค่อยๆ ค้นพบว่า ลูกอนุหลายคนและเหล่าอนุที่เมื่อก่อนเคยสนิทสนมกับนาง
ล้วนไม่มาพูดคุยกับนางที่นี่แล้ว พอเจอหน้านางก็มีท่าทีเย็นชาอย่างคลุมเครือ นอกจากคารวะที่เป็นกิจวัตรประจำวันแล้ว ไม่พูดจาอะไรมากก็จากไปแล้ว ทำให้เหลิ่งเซียงอวี้ขุ่นเคืองนัก แต่กลับทำอะไรไม่ได้ในที่สุดนางก็ได้ลิ้มรสชาติการถูกผู้อื่นเมินเฉยแล้ว
ส่วนกู้เซี่ยเทียน หลายวันมานี้เขาออกเช้ากลับคํ่า คงจะไปหาเส้นสายเพื่อช่วยเหลือบุตรสาวของเขา
วันนี้ อากาศแจ่มใสยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วศึกษาเตาหลอมโอสถใบนั้นอยู่ในห้อง คิดหาวิธีที่ไม่ต้องใช้พลังวิญญาณก็สามารถใช้งานมันได้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันยากมาก เธอลองทดสอบดูหลายวิธี แล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย สิ้นเปลืองสมุนไพรดีๆ ไปกองหนึ่ง
หัวคิ้วของเธอขมวดมุ่น ทราบว่าของสิ่งนี้ไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ จึงเก็บมันใส่ถุงเก็บของ เดินออกมา ไปยังสวนดอกไม้อันปลอดโปร่ง
……………………..
[1] สามปีห้าปี หมายถึง นานครั้งถึงจะปรากฏตัว