บทที่ 201
ควานหาตัวเถ้าแก่ที่อยู่หลังม่าน
‘ถ้าอย่างนั้นบุคคลที่มีฐานะยิ่งนักทั้งยังลึกลับสุดๆ ผู้นี้ชื่ออะไร?’
‘เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว’ หยกนภาตอบอย่างเสียดาย
‘เก้าแก่หลังม่านผู้นี้ไม่เคยเผยโฉม แต่กลับลงมือจัดการทุกเรื่องอย่างลับๆ ได้ เลยไม่มีใครเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริง บางทีอาจมีแค่ผู้ดูแลระดับสูงของทั้งสองร้านที่รู้จักเขากระมัง?’
กู้ซีจิ่วลอบพยักหน้า โรงประมูลนั้นก็มิใช่ว่าผู้ใดล้วนซื้อหาได้ตามใจ เถ้าแก่ที่อยู่หลังม่านย่อมมีอำนาจอย่างยิ่ง
เป็นใครกันนะ?
ช่างเถอะ! ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองไปควานหาตัวเถ้าแก่ที่อยู่หลังม่าน…
กู้ซีจิ่วมีความสุขกับการอาบน้ำครั้งนี้มาก ความอ่อนล้าทั่วกายสลายหายไปสิ้น
เมื่อใส่เสือผ้าชุดใหม่แล้วก็รวบเส้นผม ตั้งใจจะทำเป็นทรงหางม้าเดี่ยวที่คล่องตัว หลิ่วเชียนไต้ที่บรรเลงพิณอยู่พลันเอ่ยขึ้น “แม่นาง ผมทรงนี้ไม่เหมาะกับเจ้า ข้าทำให้เจ้าใหม่ดีไหม?”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบตกลง
แม่นางหลิ่วเชียนไต้ผู้นี้ฝีมือยอดเยี่ยมนัก เพียงครู่เดียวก็ทำผมให้เหมาะสมกับกู้ซีจิ่ว แล้วส่งกระจกบานหนึ่งให้เธอ “ลองดูสิว่าเป็นอย่างไร?”
สาวน้อยในกระจกเกล้าทรงช่อบุปผาดูมดูน่ารักน่าเอ็นดู ผมดำดั่งหมึกเสมอหน้าผาก กะพริบตาปริบๆ ถึงแม้สีผิวจะคลํ้าไปบ้าง แต่มองแล้วยังคงงดงามยิ่ง ทั้งยังเรียบร้อยนัก ดูมีนํ้ามีนวลราวกับก้อนเต้าหู้ที่เพิ่งตัดใหม่ๆ
กู้ซีจิ่วพอใจแล้ว
มิตรภาพระหว่างสตรีก่อตัวขึ้นง่ายมากจริงๆ ผ่านไปหนึ่งชั่วยามให้หลัง กู้ซีจิ่วกับแม่นางหลิ่วเชียนไต้ผู้นี้ก็กลายเป็นสหายกันแล้ว
กู้ซีจิ่วไม่เพียงลงมือรักษาโรคแอบแฝงของหลิ่วเชียนไต้ให้หายดีเท่านั้น ยังแถมเคล็ดลับเสริมความงามและวิชาแต่งหน้าที่สามารถเปลี่ยนผีเป็นเทพธิดาให้ด้วย
เมื่อแม่นางหลิ่วเซียนไต้ได้ยินว่ากู้ซีจิ่วต้องเร่งรีบเดินทาง จึงมอบรถม้าของตนคันหนึ่งให้อย่างใจกว้าง…
หลิ่วเชียนไต้ส่งกู้ซีจิ่วขึ้นรถด้วยตัวเองแล้วก็กลับเรือนพำนักของตน เพิ่งจะก้าวเข้าประตูมาก็ตื่นตกใจ เพราะมีคนผู้หนึ่งรออยู่ในห้องของนาง ท่วงท่าเย้ายวน ชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อน ผมทรงเมฆาเหินดุจหมอก คลุมหน้าด้วยผ้าแพรโปร่งบางผืนหนึ่ง บดบังรูปโฉมอันงดงามไว้ เผยให้เห็นเพียงนัยน์ตาเรียวรีซึ่งดูราวกับแฝงเสน่ห์ล่อลวงไว้ เพียงกะพริบตาเบาๆ ก็ประหนึ่งว่าจะสามารถฉุดดึง วิญญาณคนไปได้ คนผู้นี้สะคราญโฉมยิ่งนัก งามจนคนมองอายุของนางไม่ออก คนผู้นี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะ ในมือเล่นถ้วยชาใบหนึ่ง ถ้วยชาหมุนอยู่กลางฝ่ามือนาง เห็นได้ชัดว่านางเบื่อหน่ายเล็กน้อย
“แม่เล้าซี!” หลิ่วเชียนไต้คารวะอย่างนอบน้อม
คนผู้นี้คือเจ้านายที่อยู่ฉากหน้าของตำหนักเปลื้องจิต…แม่เล้าซี แม่เล้าซีปรากฏตัวไม่บ่อยนัก ปกติแล้วเรื่องราวต่างๆ ในตำหนักเปลื้องจิตล้วนมีแม่เล้าคอยดูแลโดยเฉพาะ นานๆ ทีนางถึงจะโผล่หน้าเข้าไปในห้องของเหล่าหญิงสาวเพื่อกำชับตักเตือนเรื่องบางอย่าง
ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่า แม่เล้าซีผู้ดูแลตำหนักเปลื้องจิตจะเป็นหญิงงามทรงเสน่ห์เช่นนี้ แม่เล้าซีมีความสามารถหลายด้าน ทักษะฝีมือของยอดพธูในตำหนักเปลื้องจิตส่วนใหญ่ล้วนได้รับการถ่ายทอดจากนาง
ว่าไปแล้วแม่เล้าซีผู้นี้ก็แปลก หลิ่วเชียนไต้เข้าสู่ตำหนักเปลื้องจิต ตอนอายุแปดขวบ ตอนนั้นก็ได้แม่เล้าซีอบรมสั่งสอนมากับมือ แม่เล้าซีในตอนนั้นก็มีรูปโฉมเช่นนี้ ปัจจุบันผ่านมาสิบปีแล้ว แม่เล้าซี ยังคงเป็นเช่นเดิม ราวกับอายุของนางหยุดลงตรงนี้ตลอดกาล ประดุจนางจะไม่มีวันแก่
หลิ่วเชียนไต้ทะนงตนมาก เคารพเพียงแม่เล้าซีผู้เดียวเท่านั้น
เหล่าหญิงสาวในตำหนักเปลื้องจิตล้วนเคารพแม่เล้าซีกันมาก ทั้งเคารพรัก และหวาดกลัว…
แม่เล้าซีไม่เผยตัวมาเกือบปีแล้ว บัดนี้มาปรากฏตัวในห้องของนางกะทันหัน หลิ่วเชียนไต้จึงประหลาดใจมาก
“เชียนไต้ แขกที่เจ้ารับรองเมื่อครู่คือแม่นางน้อยผู้หนึ่งใช่หรือไม่? ใบหน้าคลํ้ารูปไข่ วิชาแพทย์สูงส่ง?” แม่เล้าซีกล่าวตรงๆ ไม่อ้อมค้อม