บทที่ 303
สวมเสื้อผ้าโปร่งบางถึงเพียงนี้ ไม่กลัวเปิดเปลือยเลยรึ!
กว่าตี้ฝูอีจะรู้สึกว่ากิริยาของตนไม่ถูกต้อง เขาก็จ้องเรียวขาทั้งคู่ของนางไปหนึ่งนาทีเต็มแล้ว!
เขากระแอมไอเบาๆ ถอนสายตากลับมา
เจ้าตัวแสบ สวมเสื้อผ้าโปร่งบางถึงเพียงนี้ ไม่กลัวเปิดเปลือยเลยรึ!
“หนาว…” กู้ซีจิ่วที่อยู่ในห้วงนิทราละเมอออกมา พร้อมขดร่างกายท่อนล่างขึ้น
ตี้ฝูอีหรี่ตามองเล็กน้อย
สองขาของนางแนบชิดและคู้ขึ้นเล็กน้อย นอนตะแคงขณะกอดอกไว้ นี่คือท่านอนยามรู้สึกไม่ปลอดภัย
ปกติแล้วสาวน้อยผู้นี้ท่าทางเหมือนไม่เห็นเรื่องใดหรือผู้ใดอยู่ในสายตา ราวกับเข้มแข็งยิ่งนัก ที่แท้ยามนอนหลับที่ควรผ่อนคลาย นางนอนด้วยท่าทางเช่นนี้
ท่าทางนี้ชวนให้คนอดจะอ่อนโยนด้วยไม่ได้…
“เด็กน้อย เจ้าหนาวแล้วยังจะเตะผ้าห่มอีก! หาเรื่องหรือ?” เขายื่นมือไปจัดชุดนอนให้นาง จัดแจงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วค่อยห่มผ้าให้
ระหว่างที่ห่มก็พบว่าเท้าน้อยๆ ของนางเย็นเฉียบ ด้วยรู้ว่าร่างกายนางไม่ถูกกับความหนาว จึงสอดผ้าห่มไว้ใต้ร่างนาง ห่อหุ้มไว้นางอย่างมิดชิด เผยไว้เพียงหน้าและมือเล็กๆ ข้างหนึ่งถึงยอมเลิกรา
สายตาเขาวนเวียนบนดวงหน้าน้อยๆ ของนาง จากนั้นก็ตกลงบนมือ
หยกนภาที่ครอบครองข้อมือผอมบางของนางไร้ชีวิตชีวา ดูท่าจะได้รับบาดเจ็บจริง นานๆ ครั้งถึงจะส่องแสงวูบวาบออกมา
เขายืนปลายนิ้วไปแตะหยกนภา ราวกับกำลังสัมผัสอะไรบางอย่าง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสัมผัสถึงพลังวิญญาณทั้งหมดที่แฝงอยู่ในหยกนภาได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนจะมีน้อยกว่าที่คิดไว้มาก
ก่อนหน้านี้เขาแอบสั่งให้หยกนภาดูดซับอสรพิษสายฟ้าห้าสีบางส่วนไว้จริง แค่ดูดซับลวกๆ ไว้ไม่กี่สายก็พอ จากนั้นค่อยปล่อยรัศมีสีรุ้งของมันบนร่างกู้ซีจิ่วก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ไม่นึกว่าหยกนภาจะมีความสามารถขนาดนี้ ดูดซับอสรพิษสายฟ้าห้าสีจากสวรรค์ได้จนหมด! ทำให้ทุกคนตะลึงงันตาค้าง
และทำให้เขาประหลาดใจยิ่ง ยามนั้นเขาไม่ได้พูดอะไร ทว่าแอบสงสัยอยู่ในใจ ดังนั้นจึงมาดูในยามนี้
ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้คิดมากไป หยกนภาไม่ได้ดูดซับอสรพิษสายฟ้าห้าสีด้วยตัวเองจนหมด มันดูดซับไปไม่ถึงหนึ่งในสาม อีกสองส่วนที่เหลือน่าจะเป็นผลงานของร่างกู้ซีจิ่ว!
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ดูดซับอสรพิษสายฟ้าที่แฝงพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งได้มากถึงเพียงนั้น ด้วยร่างกายเล็กๆ ที่เส้นชีพจรเปิดออกเพียงเล็กน้อยของกู้ซีจิ่ว น่าจะฝืนรับเอาไว้ไม่ไหว อาจจะเกิดการระเบิดด้วยซ้ำ แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากอสรพิษสายฟ้าห้าสีเข้าสู่ร่างกายนางก็ราวกับวัวดินจมสมุทร หายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา เขาถึงขั้นตรวจหาไม่พบอีก…
หรือจะเกี่ยวข้องกับร่างกายที่พิเศษของนาง?
หรือเป็นเพราะนางคือดวงวิญญาณที่มาจากต่างโลก?
ปลายนิ้วของเขาหยุดอยู่ที่หน้าผากนาง ลูบปานสีแดงอ่อนตรงนั้นเบาๆ แววตาลึกลํ้า
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็หยัดกายขึ้น เงาร่างหายไปในพริบตา
ม่านเตียงอ่อนนุ่มกระเพื่อมไหวดุจระลอกคลื่น กู้ซีจิ่วที่นอนอยู่บนเตียงตื่นจากห้วงนิทรา ลืมตาขึ้นมา
เธอมองผ้าห่มที่ห่มคลุมร่างกายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คิ้วขมวดนิดๆ
เธอติดนิสัยเตะผ้าห่ม ตื่นมาหนนี้กลับเรียบร้อยขนาดนี้ หรือเป็นเพราะอากาศหนาว?
เธอยกมือขึ้นนวดคลึงหว่างคิ้ว รู้สึกรางๆ ว่าระหว่างนั้นตนเหมือนจะตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง เพียงแต่ยังไม่ทันตื่นเต็มตาก็หลับไปอีก
ยามนั้นในช่วงที่สะลืมสะลือคล้ายมีคนผู้หนึ่งเข้ามา…
หัวใจพลันบีบรัด! เธอสวมเสื้อคลุมแล้วลุกขึ้น
วนสำรวจภายในห้องอย่างรวดเร็ว ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ ไม่พบร่องรอยว่ามีผู้ใดเข้ามา
เธอระแวงมากไปหรือ?
ท้องฟ้าด้านนอกยังเช้าตรู่อยู่ กู้ซีจิ่วกลับขึ้นเตียงแล้วพักผ่อนต่อ สามวันมานี้เธอเหนื่อยมากจริงๆ ถึงแม้ไม่ต้องรับมือกับแขกเหรื่อที่มาเยี่ยมเยือนเหล่านั้น แต่เพื่อรับมือกับการเดินทางเข้าสู่ป่าทมิฬ ในอีกครึ่งปีให้หลัง เธอต้องคว้าโอกาสฝึกฝนตลอดเวลา