บทที่ 309
ได้ของล้ำค่า
จากนั้นสายตาเธอพลันเปล่งประกาย!
มันคือตำราผ้าไหมเล่มหนึ่ง!
ผ้าไหมเนื้อนุ่มผืนนี้เมื่อพับอยู่ดูเหมือนบาง แต่หลังจากคลี่ออกแล้ว เนื้อหาด้านในเก็บตำราแสนอักษรเล่มหนึ่งได้เลย
ที่น่ายินดียิ่งกว่านั้นคือ ตำราเล่มนี้รวบรวมตำราฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุลมขั้นพันฐานและขั้นกลางไว้ในเล่มเดียวกัน ตัวอักษรขนาดเล็กด้านบนส่องแสงได้ ต่อให้อยู่ในความมืดมิดกู้ซีจิ่วก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
เธอกำลังอัดอั้นท้อแท้ และอับจนหนทางตามหาตำราฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุลม ยามนี้ตำรานี้เป็นการส่งท่วนไฟกลางหิมะ [1]อย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
เดิมทีกู้ซีจิ่วมาที่นี้เพราะมาหาคำตอบของความฝันนั้น อยากเห็นว่ารูปสลักหยกนั้นยังอยู่หรือไม่ นึกไม่ถึงว่าจะได้พบโชคเช่นนี้
เธอค้นหาภายในถ้ำอีกครู่หนึ่ง ไม่พบของที่มีประโยชน์อื่นใดอีก สุดท้ายเธอก็หารูปสลักหยกในศาลาเล็กที่พบคราวก่อนไม่เจอ แม้กระทั่งสภาพภายในถ้ำก็แตกต่างกับเมื่อก่อน
เธอพิสูจน์สามรอบแล้ว ถ้ำแห่งนี้คือถ้ำในอดีตแห่งนั้น…
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้อย่างเดียวเท่านั้น นั้นคือด้านในถ้ำที่เธอเข้าไปเมื่อคราวก่อนแท้จริงแล้วเป็นเขตแดนลับในตำนาน รูปสลักหยกชิ้นนั้นซ่อนอยู่ในเขตแดนลับ และตอนนั้นเธอจับผลัดจับผลูเข้าไป
ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขตแดนลับแห่งนั้นไม่มีอยู่แล้ว หรือว่าซ่อนเร้นมิดชิดกว่าเดิม ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็หาไม่พบอีก…
เธอนึกถึงความฝันนั้น ใจเต้นแวบหนึ่ง หรือรูปสลักหยกนั้นคือเทพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ? เขามาชี้แนะในฝันเพื่อให้เธอมาที่นี่ใช่ไหม?
ข้อสันนิษฐานนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่เธอก็รู้สึกว่าออกจะไร้สาระยิ่ง
ในโลกนี้เทพศักดิ์สิทธิ์คือบุคคลที่อยู่ในจุดสูงสุดเหนือปวงชน ไม่คบค้าเสวนากับปุถุชนธรรมดา ในหลายร้อยปีอาจจะโผล่มาแค่ไม่กี่ครั้ง ต่อให้เป็นทูตสวรรค์ซ้ายขวา สามเจ้าสำนักหลักอยากพบเขาล้วนยากยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก เขาที่เป็นเช่นนี้จะมาช่วยเหลือคนที่ตนไม่รู้จักได้อย่างไร?
หากไม่นับเหตุผลเรื่องผูกมิตร นั่นคือเธอเคยเปลื้องผ้าเขา…
เธอหนาวสะท้านขึ้นมาอย่างน่าประหลาด บุคคลเช่นนี้หากถูกเธอเปลี้องผ้าจริงๆ คาดว่าคงอยากสังหารเธอปิดปากกระมัง?
จะตอบแทนความชั่วด้วยความดีเช่นนี้ได้อย่างไร?
หยกนภากุนซือน้อยของเธอยังสลบไสลอยู่ สื่อสารกับเธอไม่ได้ชั่วคราว ดังนั้นกู้ซีจิ่วไม่สามารถถามมันได้ว่าเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นนิสัยใจคอเป็นยังไง
บางทีอาจเพราะท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นเทพ ดังนั้นจึงมีนิสัยแบบเทพสุดขีด ห้องมหาเสนาบดีกว้างจนบรรจุเรือได้[2]ย่อมไม่ถือสาหาความกับผู้น้อย ตอบแทนความชั่วด้วยความดีไม่ยึดติดความแค้น แต่หนหลัง
เมื่อคิดถึงตรงนี้กู้ซีจิ่วก็ค่อนข้างประทับใจ คำนับไปทางส่วนลึกของถ้ำ “ขอขอบคุณผู้มีพระคุณอย่างยิ่งที่มอบตำราให้ หากคราก่อนเผลอล่วงเกินไป ซีจิ่วขอขมาลาโทษอย่างจริงใจไว้ ณ ที่นี้ หากมีการใดไหว้วาน ขอเชิญมาบอกกล่าวในความฝัน ให้บุกนํ้าลุยไฟซีจิ่วก็จะไม่ลังเล…”
บุญคุณยิ่งใหญ่เช่นนี้มิใช่แค่กล่าวขอบคุณก็เพียงพอ ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงให้คำสัตย์ไป
ในถ้ำไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ใด และดูเหมือนไม่มีผู้ใดอยู่ในถ้ำ
กู้ซีจิ่วจากไปแล้ว ในถ้ำกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
ตรงข้ามถ้ำนั้นมีชะง่อนผาแห่งหนึ่ง บนชะง่อนผามีต้นไม้เก่าแก่แผ่กิ่งก้านสาขา บัดนี้บนต้นไม้ใหญ่มีคนสามคนปรากฎตัวขึ้น
หนึ่งในนั้นผมดำสวมอาภรณ์ขาว สวมหน้ากากปีศาจครอบใบหน้าไว้ เป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นนั่นเอง
ด้านหลังเขาคือเด็กหนุ่มสองคนที่หล่อเหลาคมคาย เด็กหนุ่มสองคนนั้นมองดูกู้ซีจิ่วจากไป หนึ่งในนั้นทอดถอนใจคราหนึ่ง “แม่นางน้อยผู้นี้มีความสามารถโดยแท้! พลังวิญญาณขั้นสองนางก็กล้าต่อสู้กับอสรพิษเขาเดียว แถมนางยังสู้ชนะด้วย!”
“ใช่แล้ว อสรพิษเขาเดียวตัวนี้ดุร้ายเป็นพิเศษ ต่อให้เป็นคนที่มีพลังวิญญาญขั้นสี่พบมันเข้าก็เป็นศึกใหญ่ หากฝีมือไม่ดีก็ต้องสิ้นชีพ เมื่อเห็นมันต้องหนีลูกเดียวเท่านั้น แต่เมื่อครู่ทันทีที่พบมันแม่นางน้อยผู้นี้ไม่มีทีท่าว่าจะหลบหนีเลย ซ้ำยังตอบโต้แข็งขันนัก เมื่อครู่ข้าเหงื่อตกแทนนาง เกรงว่านางจะถูกอสรพิษตัวนั้นเขมือบเอา”