บทที่ 418
จิตมาร 1
หญิงสาวผู้นั้นเอียงศีรษะซบร่างหลงซือเย่ แย้มยิ้มทรงเสน่ห์เหมือนชาติก่อน “เป็นเพราะซือเย่รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับฉัน บนโลกนี้มีแค่ฉันเย่หงเฟิงคนเดียวที่มีหน้าตาแบบนี้ แต่ตอนนี้ดันมีเธอเพิ่มขึ้นมาอีกคน เขาเลยมาฆ่าเธอให้ฉัน พูดตามจริงฉันเห็นเธอแล้วไม่สบอารมณ์มาก ร่างโคลนนิ่งอย่างเธอไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้!”
กู้ซีจิ่วมองไปหางหลงซือเย่ สีหน้าหลงซือเย่คลุมเครือ ทว่ากระบี่ลํ้าค่าเล่มหนึ่งค่อยๆ ปรากฎขึ้นมาในมือ “ซีจิ่ว ขอโทษด้วย!”
แสงกระบี่ดุจแพรขาว ฟันเฉียงเข้ามาหาเธอ!
กู้ซีจิ่วบรรยายไม่ได้จริงๆ ว่าในใจรู้สึกเช่นใด
เธอเหนื่อยแล้ว เธอเหนื่อยจริงๆ! เหนื่อยจนอยากฟุบลงบนพื้นเพื่อพักผ่อน ทั้งยังมีเรื่องราวเลวร้ายมากมายที่ประเดประดังเข้ามาหาก่อกวนเธอ!
เธอไม่พูดเหลวไหลให้มากความ เดิมทีเธอกับหลงซือเย่ก็ไม่มีอะไรให้พูดดีกันอยู่แล้ว จึงโจมตีเขาทันที!
ฉากการประลองอันดุเดือดเกิดขึ้นอีกครั้ง…
วรยุทธ์ในอดีตของเธอส่วนใหญ่ล้วนเป็นเขาสอนให้ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา
แต่ในชาตินี้วรยุทธ์ของเธอมาจากตำราประหลาดที่พบในถํ้าบนหุบเขาเล่มนั้น ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่เทพศักดิ์สิทธิ์มอบให้เธอ เมื่อต่อสู้กับหลงซือเย่อีกครา เธอจึงสามารถประมือกับเขาได้ชั่วคราว
เย่หงเฟิงกอดอกชมอยู่ตรงนั้น สักครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยขึ้น “ซือเย่ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าพลังวิญญาณคุณเหนือกว่าเธอมาก น่าจะโค่นเธอได้เร็วมากนะ ตอนนี้คุณสู้กับเธอแบบนี้ยังอาลัยอาวรณ์อยู่รึไง?”
พอเย่หงเฟิงตวาดประโยคนี้ออกมา ความเร็วในการเคลื่อนไหวของหลงซือเย่พลันเพิ่มขึ้นทันที! พลังวิญญาณพลุ่งพล่านอยู่รอบกายดุจมีรูปร่างจับต้องได้ กดทับร่างกู้ซีจิ่วอย่างบ้าคลั่ง!
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเคยสร้างตำนานอ่อนชนะแข็งไว้ในโลกนี้ไม่น้อย แต่ยามที่พลังวิญญาณของอีกฝ่ายต่างกันเกินไป จะถูกบดขยี้ทันที พลังวิญญาณของหลงซือเย่บรรลุขั้นแปดแล้ว พอเขาเอาจริงขึ้นมา พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งก็จะสะกดข่มให้คนโงหัวไม่ขึ้น
อย่าว่าแต่กู้ซีจิ่วที่พลังวิญญาณเพิ่งเข้าสู่ขั้นห้าเลย ต่อให้เป็นอวิ๋นซิงหลัวที่พลังวิญญาณบรรลุขั้นหกตอนกลางเมื่อเผชิญกับเขา เขาก็สามารถใช้แรงกดดันทำให้นางคุกเข่าลงไปได้ทันที โดยไม่ต้องลงมือเลยด้วยซ้ำ
กู้ซีจิ่วย่อมสัมผัสถึงแรงกดดันอันแข็งแกร่งจากร่างอีกฝ่ายได้ หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับไม่ใช่หัวใจของตน โลหิตเดือดพล่านประหนึ่งจะมอดไหม้!
แต่ร่างกายเธอเหยียดตรงดุจกระบี่ ไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวเขาเลย ทั้งยังเคลื่อนไหวปราดเปรียวอย่างยิ่ง ทำให้แววตาหลงซือเย่ที่อยู่ตรงกันข้ามลํ้าลึกยิ่งกว่าเดิม
“ซีจิ่ว นิสัยเจ้าแข็งกร้าวไปหน่อยนะ หากเจ้ายอมรับความตายอย่างว่าง่าย เห็นแก่สายสัมพันธ์แต่หนหลัง ข้าจะเหลือศพเจ้าไว้ในสภาพสมบูรณ์’”
เดิมทีแล้วกู้ซีจิ่วเป็นบุลคลหนึ่งที่สุขุมเยือกเย็นยิ่งนัก ทว่ายามนี้กลับโกรธเกรี้ยวจนถึงขีดสุด ข่มกลั้นไว้ไม่อยู่ มือเธอสั่นระริก ใจลอยไปวูบหนึ่ง ดาบในมือถูกกระแทกลอยขึ้นไปในอากาศ!
“ซีจิ่ว จำไว้ไปปรโลกแล้วอย่ากลับชาติมาเกิดอีก จงวิญญาณดับสลายไปเสีย” ประกายกระบี่หลงซือเย่ดั่งอสรพิษ ฟันเข้าที่ลำคอกู้ซีจิ่วทันใด!
ขอเพียงฟันโดน ศีรษะและลำตัวเธอก็จะขาดสะบั้น ลาลับไปจากโลกนี้
กู้ซีจิ่วคิดจะหลบ แต่ก็หลบไม่พ้นแล้ว ความเศร้าหมองพลันเอ่อล้นขึ้นมาในใจ ที่แท้แล้วชีวิตทั้งสองชาติของตนล้วนอยู่ในกำมือเขา…
ทันใดนั้นไม่รู้ว่ามีเสียงขลุ่ยล่องลอยมาจากหนใด เมื่อเสียงขลุ่ยดังขึ้น หลงซือเย่ตัวแข็งทื่อทันที วรยุทธ์พลันหยุดชะงัก กู้ซีจิ่วจึงฉวยโอกาสหลบให้พ้น ร่างไถลออกไปหลายจั้ง
หัวใจเธอเต้นโครมคราม และไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกตะลึงที่รอดพ้นความตายมาได้หรือเป็นเพราะอย่างอื่น สายตาจึงจับจ้องไปตามทิศทางที่เสียงขลุ่ยแว่วมา เห็นคนผู้หนึ่งพลิ้วลอยมาหา
อาภรณ์ม่วงโบกสะบัด เกศาดำปลิวสยายดุจคลื่น นัยน์เนตรใสกระจ่างดั่งวารี ริมฝีปากชุ่มฉ่ำราวดอกอิงหลังฝนพรำ บุคลิกงามสง่าเฉื่อยชา ตี้ฝูอีมาถึงแล้ว
พอมาถึงเขาก็กันกู้ซีจิ่วไปไว้ด้านหลังทันที ซ้ำยังไม่ลืมเอ่ยสำทับประโยคหนึ่ง “เด็กน้อย เจ้าเหนื่อยแล้ว ให้ข้าจัดการเถอะ!”