บทที่ 424
สยบ 3
เห็นได้ชัดเจนว่าหอยตัวนั้นไม่เข้าใจคำพูดเหล่านี้ แต่มันก็ไม่กล้ายุแหย่ซือเฉินอีก ความผยองลดลงไปมาก “นั้นคือรูปลักษณ์แท้จริงของข้าเมื่อแปลงกาย…”
“รูปลักษณ์แท้จริงของเจ้ามิใช่เช่นนี้” ชือเฉินขัดคอ วางมือลงบนฝามัน “มาเถอะ ให้เจ้านายของเจ้าได้เห็นรูปลักษณ์ยามเป็นมนุษย์ของเจ้า”
ด้วยเหตุนี้ เด็กน้อยคนหนึ่งจึงปรากฎตัวขึ้นตรงจุดเดิม
สวมเอี้ยมสีฟ้า ดวงตากลมโต ริมฝีปากน้อยๆ ฉ่ำวาว เป็นสีชมพูอวบอิ่ม เครื่องหน้าเด็กน้อยงดงาม ผิวขาวเนียนนุ่ม สีหน้าเขาคับแค้น “เจ้า…เจ้าปล่อยข้านะ…”
น้ำเสียงนั้นอ่อนละมุนราวกับจะคั้นนํ้าออกมาได้
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน เด็กน้อยคนนี้น่ารักน่าชังเหลือเกิน! อยากบีบเสียจริง!
ใจคิดมิสู้ลงมือทำ กู้ซีจิ่วจึงยื่นมือไปบีบแก้มเขาทีหนึ่ง
สัมผัสนั้นอ่อนนุ่มเหมือนเต้าหู้ไม่มีผิด!
ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงคิดจะบีบเป็นครั้งที่สอง
เพียงแต่ครั้งที่สองนี้ปลายนิ้วของเธอยังไม่ทันแตะร่างของเด็กน้อยผู้นั้น เด็กน้อยก็หายไปอีกแล้ว หอยยักษ์ตัวหนึ่งปรากฎตัวขึ้น…
กู้ซีจิ่วรู้สึกเสียดาย “นี่ อย่าแปลงร่างเป็นหอยเลย ใช้ร่างมนุษย์ของเจ้าติดตามข้าเถอะ ร่างมนุษย์ของเจ้าน่ามองนัก…”
หอยยักษ์ตัวนั้นอ้าฝาพะงาบๆ เหมือนจะอยากพูดอะไร ทว่าซือเฉินยกเท้าเหยียบมันไว้ แล้วอธิบายแก่กู้ซีจิ่ว “ตอนนี้พลังยุทธ์ของมันตื้นเขิน คงร่างมนุษย์ไว้ไม่ได้ ยังต้องใช้ร่างเดิมติดตามข้างกายเจ้า”
กู้ซีจิ่วรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอมองเจ้าหอยสีเหลืองอมส้มมตัวนั้น รู้สึกปวดศีรษะ “แต่รูปร่างเช่นนี้ของมัน…”
เดิมทีเจ้าหอยยักษ์ไม่พอใจอย่างยิ่งที่ซือเฉินลอบลงมือเปลี่ยนมันให้อยู่ในรูปลักษณ์เด็กน้อย แล้วยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกกู้ซีจิ่วลูบคลำแล้ว
เมื่อครู่พอรู้สึกว่าความสำราญเช่นนี้ไม่เลวเลย ก็พลันถูกซือเฉินบังคับให้กลับสู่ร่างเดิมอีกครั้ง ยามนี้จึงถูกกู้ซีจิ่วรังเกียจอีกแล้ว!
นี่ทำให้มันฉุนเฉียวยิ่งกว่าเดิม อ้าฝาตะโกน “ข้าคือหอยกาบที่หล่อเหลาองอาจที่สุดเชียวนะ!”
ในตอนนั้นมันเป็นตัวที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์เดียวกัน! งดงามที่สุดในรังหอยกาบแห่งนั้น!
มันตะโกนวาจาอันห้าวหาญยังไม่จบ ปลายเท้าซือเฉินก็สะกิดฝาหอยมันนิดๆ “เอาละ แปลงร่างให้มีขนาดเท่าก้อนกรวด”
“ข้าทำได้เพียงแปลงให้ใหญ่ขึ้นหรือแปลงเป็นมนุษย์เท่านั้น แปลงให้เล็กลงไม่ได้…” เจ้าหอยยักษ์ไม่ยินยอม
ซือเฉินยิ้มนิดๆ รอยยิ้มงดงามดุจวาดแต้ม ทว่าวาจาที่กล่าวออกมากลับแตกต่างกันสิ้นเชิง “เช่นนั้นข้าจะเฉือนเจ้าให้มีขนาดเท่าก้อนกรวดเอง”
หลังจากความผยองของเจ้าหอยกาบถูกซือเฉินยับยั้งอย่างป่าเถื่อนถึงสองครั้ง ในที่สุดมันก็แปลงร่างให้มีขนาดเท่าหินกรวดก้อนเล็กๆ อย่างไม่ใคร่เต็มใจ แล้วทำพันธะโลหิตกับกู้ซีจิ่วโดยมีซือเฉินเป็น สักขีพยาน…
หลังจากเจ้าหอยกาบกับกู้ซีจิ่วทำพันธะโลหิตกันแล้ว ภาพลวงตาที่มันสร้างขึ้นย่อมมลายหายไป ภายหน้าภาพลวงตาใดๆ ที่มันสร้างขึ้นจะไม่ทำให้เจ้านายตนสับสนอีก
กู้ซีจิ่วมองไปรอบๆ พบว่าที่แท้แล้วตนหล่นลงมาในโพรงที่เหมือนหลุมดำแห่งหนึ่ง เธอไม่ได้รีบร้อนออกไป กลับเอ่ยถามเจ้าหอย “เจ้าสามารถแปลงร่างได้น่าจะเป็นสัตว์วิญญาณที่มีพลังวิญญาณขั้นเจ็ดขึ้นไปได้กระมัง? เช่นนั้นมิใช่ควรอยู่บนยอดเขาที่ห้าหรอกหรือ? วิ่งมาที่ยอดเขาที่สามทำไมกัน? หรือชอบรังแกผู้อ่อนแอเป็นพิเศษ?”
เจ้าหอยยักษ์อ้าฝาตอบ “ที่นี่ก็คือยอดเขาที่ห้า ใครบอกว่าท่านว่าที่นี่คือยอดเขาที่สาม? หอยวิญญาณผู้สูงส่งเช่นข้าจะวิ่งไปคลุกคลีกับเจ้าไก่อ่อนยอดเขาที่สามพวกนั้นทำไม?”
กู้ซีจิ่วอึ้งงันไปแล้ว
เธอน่าจะถึงยอดเขาที่สองแล้วมิใช่หรือ?
เหตุใดถึงยิ่งวิ่งยิ่งลึกเข้าไปเรื่อยๆ กันเล่า?
เธอหันไปมองซือเฉิน ซือเฉินก็ช่างเข้าอกเข้าใจผู้อื่นยิ่ง “จุดที่ข้าพบกับเจ้าคือพรมแดนระหว่างยอดเขาที่สามและยอดเขาที่สี่”
วิ่งผิดทาง! วิ่งผิดทางแล้ว!
ความจริงแล้วตี้ฝูอีให้นกตัวนั้นแก่เธอเพื่อหลอกลวงกันสินะ?!