บทที่ 518
ตบหน้า 2
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เคาะกระดานหมากด้วยปลายนิ้ว นํ้าเสยงสงบเยือกเย็น ดั่งสายลมพัดต้องบุปผา แต่วาจาที่เอื้อนเอ่ยกลับทำให้กู่ฉานโม่หลั่งเหงื่อเย็นเฉียบโซมกายทันที “ทางออกที่ดีที่สุดรึ? ศิษย์ของเปิ่นจุนต้องให้เจ้ามาบีบคั้นขับไล่ตั้งแต่ยามใดกัน? เจ้าเห็นเปิ่นจุนเป็นคนตายหรือ?”
ใบหน้าของกู่ฉานโม่ที่เดิมทีเป็นสีนํ้าตาลคลํ้ายามนี้กลับแดงก่ำ ตรงขมับมีหยาดเหงื่อเย็นเฉียบผุดซึม “นี่…ผู้น้อยนึกว่า…”
เขานึกว่าเช่นนี้จะสามารถหาทางลงให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เขาไม่กล้าเอ่ยประโยคนี้ออกไป
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ ลุกขึ้นมา มองลงมาที่เขา “เจ้านึกว่าอะไร? เห็นคดีความที่เกี่ยวพันถึงชีวิตเป็นเรื่องเล่นๆ หรือ? เจ้าคิดจะจัดการคดีความลวกๆ เช่นนี้หรือ?”
เดิมทีกู่ฉานโม่คิดว่าการซักถามเมื่อครู่ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นเพราะไม่พอใจที่เขาตัดสินโทษกู้ซีจิ่วหนักหนาเกินไป แต่พอฟังถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง “เช่นนั้นความหมายของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ คือ?
“สืบสวนให้ถึงที่สุด! ลงโทษฆาตกรอย่างหนัก!” ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กล่าวประโยคนี้ออกมา
กู่ฉานโม่ปรีดายิ่งนัก! ดวงตาเปล่งประกาย!
เขานึกว่าคราวนี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะเอนเอียงเสียแล้ว ไม่คิดว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ช่างสมกับที่เป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์! ปราดเปรื่องเหลือเกิน!
สายตากู่ฉานโม่ดั่งคมกระบี่มองไปที่เจ้าหอยตัวนั้น!
เปลือกหอยกระชับแน่น “ผู้เฒ่าบอกไปแล้วไง ไม่ใช่ข้าผู้เฒ่า!”
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขอรับ มันไม่ยอมรับจะทำเช่นไรดี?” กู่ฉานโม่สอบถาม
“ไปเรียกศิษย์จากชั้นเรียนเมฆาคล้อยมาสองคน วรยุทธ์ไม่ต่างกับศิษย์ที่สิ้นชีพไปสองคนนั้นยิ่งดี ข้ามีเรื่องจะสอบถาม”
กู่ฉานโม่กระตือรือร้นอย่างยิ่ง รีบสั่งให้คนไปเรียกทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีศิษย์สองคนเข้ามา
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มิใช่บุคคลที่ใครหน้าไหนก็สามารถพบได้ตามอำเภอใจ ดังนั้นศิษย์สองคนนี้จึงตื่นเต้นมาก
พวกเขากราบคำนับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มิได้ให้พวกเขาคุกเข่า โบกมือให้พวกเขาลุกขึ้น ซักถามพวกเขา “วรยุทธ์ของพวกเจ้าเทียบกับฟั่นจือจวิ้น และติงเหวินหยางแล้วเป็นอย่างไร?”
ฟั่นจือจวิ้น ติงเหวินหยาง คือศิษย์ทั้งสองที่ตายอย่างน่าอนาถ
ศิษย์สองคนนี้ถ่อมตัวยิ่ง “น่าจะพอๆ กันขอรับ”
ความหมายก็คือไม่ต่างกันมากนัก
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พึงพอใจ สั่งการทันที “ไปนำหอยตัวนั้นมา ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย!”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน
สีหน้าเธอแปรเปลี่ยนเล็กน้อย กำลังจะลุกขึ้น จู่ๆ เสียงหนึ่งก็แว่วเข้ามาในหู ‘นิ่งไว้! ถ้าต้องการจะล้างมลทินของพวกเจ้าก็ต้องเชื่อฟังเปิ่นจุน’
น้ำเสียงสงบเยือกเย็น เป็นเสียงของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์
หัวใจกู้ซีจิ่วพลันอุ่นวาบ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงเชื่อในตัวเธออยู่!
เธอก็เป็นคนที่ฉลาดเยือกเย็นเช่นกัน ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก็เข้าใจเจตนาของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…
คำสั่งของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่มีผู้ใดฝ่าฝืน ถึงแม้สองคนนั้นจะไม่ทราบว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มีจุดประสงค์ใด พวกเขาส่งเสียงตอบรับ หมุนกายชักกระบี่ลํ้าค่าใส่เจ้าหอยยักษ์…
ความจริงแล้วเจ้าหอยยักษ์คับข้องใจยิ่งนักมาโดยตลอด
นับตั้งแต่มันมีสติปัญญามาจนถึงวันนี้ยังไม่เคยได้รับความลำบากเช่นนี้มาก่อนเลย! และไม่เคยถูกปรักปรำเช่นนี้ด้วย!
ในความคิดมัน การกินมนุษย์สักคนไม่นับว่าเป็นเรื่อง หากว่ามันทำจริงๆ มันย่อมไม่ปฏิเสธ
แต่ปัญหาคือยามนั้นมันข่มกลั้นความอยากเอาไว้ ไม่ได้กิน ซ้ำยังปล่อยให้มนุษย์ที่เป็นดั่งซาลาเปาขาวอวบสองคนนั้นวิ่งหนีไป เจ้ามนุษย์โง่เง่าพวกนี้ล้วนไม่ทราบว่าในยามนั้นมันต้องต่อสู้กับสำนึกคิดแย้งใดถึงจะยั้งปากได้…
ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ มิสู้ยามนั้นมันกินเจ้าสองคนลงไปเสีย แม้แต่ผมสักเส้นก็จะไม่เหลือไว้ให้พวกเขา จะได้ไม่เกิดเรื่องยุ่งยากยามนี้!
ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตาย เช่นนั้นมันก็จะทุ่มสุดตัวไปเลย!
จะว่าไปก็น่าประหลาด เดิมทีร่างเดิมของมันบาดเจ็บสาหัส พลังวิญญาณก็ถูกผนึกไว้ แต่ยารักษาของเจ้านายยอดเยี่ยมเหลือเกิน พอทาให้มันเสร็จ บาดแผลนั้นก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือธรรมดา ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นคือพลังวิญญาณของมันที่ถูกผนึกไว้มาโดยตลอดก็ฟื้นฟูกลัมมาเช่นกัน!