บทที่ 546
ลอบโจมตี 8
ยามนั้นวรยุทธ์ขององค์ชายหรงเช่อน่าจะเหนือกว่าเธอในยามนี้เล็กน้อย แต่ก็มีขีดจำกัดอยู่
แต่วรยุทธ์ของเขาในยามนี้เหนือกว่าเมื่อก่อนถึงสิบเท่า! แถมกระบวนท่ามากมายที่ใช้ออกมาล้วนพิสดารยิ่ง ทำให้คนตั้งตัวไม่ทัน
ส่วนอวิ๋นซิงหลัว เป็นตัวตนที่น่าสะพรึงยิ่งกว่า เมื่อนางสะบัดฝ่ามือทั้งสองข้าง ก็ทำให้ภูเขาสั่นไหวไปครู่หนึ่ง
ตอนกู้ซีจิ่วเผชิญหน้ากับนาง หวิดจะถูกแสงกระบี่ที่ปะทุออกมาจากกระบี่ยาวของนางกวาดโดนเสียแล้ว เคราะห์ดีที่องค์ชายหรงเช่อก็ซัดฝ่ามือโจมตีเธออยู่พอดี กู้ซีจิ่วถือโอกาสชักนำฝ่ามือขององค์ชายหรงเช่อปะทะเข้ากับแสงกระบี่ของอวิ๋นซิงหลัว หักล้างกันได้พอดี
เพียงแต่กู้ซีจิ่วก็เผชิญวิกฤตเช่นนี้ครั้งเดียวเท่านั้น เนื่องจากหลงซือเย่และทูตเฉิงเอ้อตามมาอย่างรวดเร็ว พอพวกเขามาถึงไม่ทันได้ซักไซ้ไล่เรียง ก็เข้าประมือกับอีกฝ่ายทันที! มีสองคนนี้คอยช่วยเหลือ ร่างกายกู้ซีจิ่วย่อมไม่บุบสลายแน่นอน
วรยุทธ์ของทูตเฉิงเอ้อไม่เป็นสองรองใคร เทียบกับสานุศิษย์สวรรค์แล้วไม่ต่างกันมากนัก
วรยุทธ์ของหลงซือเย่ก็เป็นที่ประจักษ์กันดี พอเขาเอาจริงขึ้นมา คนที่สามารถยับยั้งเขาไว้ได้มีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย
แต่ครานี้ เขากับทูตเฉิงเอ้อร่วมมือกันต่อกร ก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย!
องค์ชายหรงเช่อกับอวิ๋นซิงหลัวเสมือนกินยาชูกำลังอะไรที่เพิ่มพูนพลังยุทธ์ได้เข้าไป พลังยุทธ์สูงส่งจนน่าหวาดหวั่น!
กู้ซีจิ่วภายใต้วงล้อมของพวกเขาดั่งเรือน้อยที่อยู่ท่ามกลางพายุถูกคลื่นซัดขึ้นซัดลง ราวกับสามารถพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ แรงกดดันท่ามกลางสนามรบมหาศาลยิ่ง ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่รอบๆ เพิ่งจะถูกพัดม้วนเข้าสู่สนามรบก็ถูกบดขยี้สลายเป็นผุยผงกระจัดกระจายไป…
กู้ซีจิ่วที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของหลงซือเย่และทูตเฉิงเอ้อ ก็รู้สึกว่าถูกกดทับจนแทบหายใจไม่ออก
กู้ซีจิ่วอยากตะโกนถามองค์ชายหรงเช่อเหลือเกิน แต่ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงบ้าคลั่งเช่นนี้ เธอใจลอยไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องพูดคุยเลย!
“สองคนนี้ผิดปกติ!” ถึงอย่างไรหลงซือเย่ก็เป็นหมอ จึงมองปัญหาออกก่อน
“ดูเหมือนพวกเขาจะถูกอะไรบางอย่างควบคุมอยู่!” ทูตเฉิงเอ้อกุมดาบในมือแน่น
ถูกควบคุมหรือ?
กู้ซีจิ่วรีบมองไปที่องค์ชายหรงเช่อมองเห็นนัยน์ตาเขาดำสนิท มองไม่เห็นแวว ส่วนสีหน้าท่าทาง…รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเขาอยู่เสมอหายไป บัดนี้สีหน้าว่างเปล่า ท่าทางเหมือนหุ่นยนต์
เธอมองอวิ๋นซิงหลัวต่อ นัยน์ตาอวิ๋นซิงหลัวแดงฉาน มองไม่เห็นแววตาและตาขาว ใบหน้าเฉิดฉันไม่ปรากฏอารมณ์เลยเช่นกัน
พวกเขาถึงขั้นไม่เกรงกลัวความเจ็บปวด คมดาบของทูตเฉิงเอ้อเคยฟันถูกต้นแขนขององค์ชายหรงเช่อ โลหิตสดๆ อาบย้อมแขนเสื้อเขาจนแดงฉาน ทว่าเขากลับไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว
“วิชาหุ่นเชิด!” ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็มองเส้นสนกลในออก จึงกระซิบออกมา
หัวใจหลงซือเย่พลันเต้นรัวขึ้นมา “ไม่คล้ายกันเลย”
เขาทราบเกี่ยวกับวิชาหุ่นเชิด อาการของสองคนนี้ไม่ได้คล้ายคลึงเลย
“เป็นวิชาหุ่นเชิดที่ปรับปรุงแล้ว น่าจะเพิ่มวิชากู่ของเผ่าเหมียว(ม้ง) แถบตะวันตกเข้าไปด้วย” กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ยิ่งประมือกันมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมองลูกไม้ของอีกฝ่ายออกมากขึ้นเท่านั้น
หลงซือเย่อดใจไว้ไม่อยู่จึงมองเธอแวบหนึ่ง เขาไม่เป็นวิชากู่ แล้วซีจิ่วไปเรียนมาจากไหนกัน?
ถึงแม้วรยุทธ์ส่วนใหญ่ของเธอล้วนเป็นเขาที่สอนให้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอยังเรียนมาจากคนอื่นด้วย…
“เรียนวิชากู่จากใคร?” เขาอดไม่ได้ที่จะถาม
“ไม่ใช่ท่านแน่นอน” กู้ซีจิ่วพูดโพล่งออกไป พอพูดจบก็เสียใจภายหลัง วาจานี้ค่อนข้างคล้ายการทะเลาะแง่งอน…
ในยุคปัจจุบันเธอเคยคบหายอดฝีมืออยู่บ้าง เธอเป็นคนใฝ่รู้ เลยเรียนเรื่องนั้นนิดเรื่องนี้หน่อย ทำให้วิชาที่เธอเรียนมาผสมปนเปกันไป ยกตัวอย่างเช่นวิชาขับไล่ภูตผี วิชากู่เป็นต้น
หลงซือเย่ถูกเธอโพล่งใส่ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเก้อกระดากเท่านั้น มุมปากกลับยกขึ้นอย่างกลั้นไว้ไม่ได้ “ไม่เป็นไร ไม่ว่าเจ้าจะเรียนมาจากใคร ข้าก็ชอบทั้งนั้น” น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่พบเห็นได้ยาก