บทที่ 558
กู้ซีจิ่ว เจ้ากลัวข้าหรือ 2
กู้ข้จิ่วไม่ได้โต้แย้งเขาอีก ตอบรับว่า ‘เจ้าค่ะ’ แล้วขยับเข้าไปใกล้ๆ โต๊ะเล็กตัวนั้น ยืนก้มหน้ากินขนมอบอยู่ตรงนั้น ขนมอบหอมหวานมาก รสชาติก็ดียิ่งนัก เธอกินไปสองชิ้นก็รู้สึกอิ่มแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงขอบคุณท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พลางขอตัวลา…
นับตั้งแต่นางเข้าประตูมานอกเหนือจากกล่าวขอบคุณก็คือกล่าวทักหาย เคารพนบน้อมจนเขาอยากจะเตะสักป้าป!
แต่ดูเหมือนนี่จะเป็นสิ่งที่เขาเรียกร้องหาเอง…
เป็นเขาที่ตักเตือนนางว่าฐานะของเขากับนางแตกต่างกัน
“กู้ซีจิ่ว มิใช่เจ้ากล่าวว่าเห็นเปิ่นจุนเป็นเสมือนบิดาหรอกหรือ?”
กับบิดานางก็เคารพนบน้อบเช่นนี้หรือ? แต่เขาเห็นว่านางมักจะทำให้กู้เซี่ยเทียนบิดาของนางกระอักกระอ่วนจนหน้าดำหน้าแดงอยู่เสมอ
“ไม่เจ้าค่ะ ครานั้นซีจิ่วกล่าวผิดไป ซีจิ่วมิกล้าเห็นท่านเปรียบเสมือนบิดา…”
“เช่นนั้นเจ้าเห็นข้าเป็นอะไร?”
“เปรียบเสมือนท่านปู่เทียดเจ้าค่ะ” กู้ซีจิ่วกล่าวตามจริง ตอนนี้เธอเคารพเขาเหมือนบรรพชนแล้ว
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กำลังดื่มชาอยู่ พอนางกล่าวประโยคนี้ออกมาก็ทำให้เขาสำลักทันที…
จากนั้นกู้ซีจิ่วก็ได้สัมผัสถึงความอ่อนโยนปานสายลมฤดูใบไม้ผลิของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงการดูแลเอาใจใส่จากท่านปู่เทียด
เขาโยนตำราที่หนาพอจะทุบคนตายได้ให้เธอเล่มหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวกับเธออย่างเมตตาอารียิ่งนักว่าเธอต้องอ่านให้จบภายในหกวัน ต้องเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง แล้วเขาจะตรวจสอบดู
หากว่าถึงเวลาแล้วยังทำไม่สำเร็จ เขาจะลงโทษเธออย่างหนัก จะให้เธอวิ่งรอบสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เพียงลำพัง วิ่งครบยี่สิบรอบถึงจะหยุดได้ แต่การวิ่งรอบสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์หนึ่งรอบมี ระยะทางถึงยิ่สิบลี้ สิบรอบก็สองร้อยลี้…
บทลงโทษนี้น้าสะพรึงเหลือเกิน!
หลังจากกู้ซีจิ่วกลับไปก็ดำดิ่งเข้าไปในตำราทันที!
เจ้าหอยยักษ์mนอยู่ว่างๆ ไม่ได้ มันหนีบชุดเธอต้องการให้เธอออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอก กู้ซีจิ่วไล่มันไปทันที ตอนนี้เธอต้องแข่งขันกับเวลา จะมีเวลาไปเถลไถลกับเจ้าหอยได้อย่างไร?!
เจ้าหอยยักษ์ผิดหวังมาก ดังนั้นมันจึงไปลากเจ้าลู่อู๋
ลู่อู๋น้อยยังเป็นลูกสัตว์อยู่ ต้องนอนมากๆ แถมมันยังไม่ชอบนอน เพรียกวายุด้วย ตกดึกก็จะค่อยๆ มุดเข้าไปในผ้านวมของกู้ซีจิ่ว ขดตัวหลับในอ้อมแขนเธอดั่งแมว
ดูเหมือนมันจะติดคนมาก หลังจากกู้ซีจิ่วลุกจากเตียงมันก็จะมุดเข้าไปนอนหลับต่อในแขนเสี้อเธอโดยไม่ลืมตาเลยด้วยซ้ำ
เจ้าหอยยักษ์คิดจะใช้ลู่อู๋เป็นพาหนะ ดังนั้นมันจึงเข้าไปดึงหางลู่อู๋ คิดจะเขย่าให้มันตื่น ผลก็คือไม่อาจดึงหางลู่อู๋ออกมาได้ พอดึงเจ้าตัวน้อยก็โมโห ใช้อุ้งเท้าตะปบเจ้าหอยยักษ์ทันที เปลือกเจ้าหอยยักษ์หวิดจะถูกตะปบจนแตกแล้ว!
เจ้าหอยยักษ์ไม่กล้าไปยั่วยุมันอีก ทำได้เพียงพาตัวเองไปหาเพรียกวายุ
เพรียกวายุเปี่ยมลันด้วยความรักของมารดา เมื่อลูกชายไม่ออกไป มันก็ไม่ออกไปเช่นกัน เต็มใจจะเฝ้าอยู่ในเรือนของกู้ซีจิ่ว
เจ้าหอยยักษ์จึงออกไปคนเดียวด้วยความหงุดหงิด…
กู้ซีจิ่วร่ำเรียนจนไม่เป็นอันกินอันนอน เลยไม่สนใจมัน รํ่าเรียนอยู่เช่นนี้จนฟ้ามืด จวบจนถึงยามที่ควรจุดตะเกียงท้องหิวจนร้องโครกครากเธอถึงตกใจที่เวลาล่วงเลยไปทั้งวันแล้ว
ในระหว่างนี้เจัาลู่อู๋วิ่งออกไปข้างนอกแล้ว เจ้าตัวน้อยหิวง่ายมาก พอตื่นขึ้นมาก็คิดจะกิน ผลคือดึงเท่าไหร่กู้ซีจิ่วก็ไม่ขยับ มันก็เลยวิ่งออกไปหาอาหารด้วยตัวเอง เพรียกวายุจ้องมองมันตลอด พอมัน ออกไป ย่อมตามออกไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้นยามที่กู้ซีจิ่วมุดออกมาจากตำราก็พลบค่ำแล้ว ภายในเรือนมีเธอโดดเดี่ยวอยู่ผู้เดียว สามตัวนั้นยังไม่กลับมาเลยสักตัว
กู้ซีจิ่วก็ไม่กังวลใจ เจ้าสามตัวนี้ที่เธอเลี้ยงจะตัวไหนก็มิใช่ตะเกียงขาดน้ำมันทั้งนั้น เมื่อออกไปย่อมไม่อดอยากแน่นอน
เจ้าหอยยักษ์ชอบล่าสัตว์มันคงจะไปล่าสัตว์ที่หุบเขาด้านหลังอีกแล้ว
ส่วนลู่อู๋น้อย เจ้าตัวนั้นถึงแม้จะยังเล็ก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสัตว์ขั้นแปด สัตว์ร้ายในหุบเขาด้านหลังพอเห็นมันก็ทำได้เพียงตัวสั่นเทา รอคอยความตาย ประกอบกับมีเพรียกวายุอยู่ข้างกายมัน ย่อมไม่อดอยากเช่นกัน…
วันนี้ทั้งวันเธอกินขนมอบชิ้นเล็กที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มอบให้สองชิ้น ยามนี้จึงรู้สึกหิวจนตาลายอยู่บ้าง