บทที่ 559
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หนุนหลังนาง 1
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจจะไปหาท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่นั่นเพื่อหาอะไรกิน
แต่เรือนหน้าเงียบเชียบ ไม่มีใครอยู่เลย
หัวใจเธอดิ่งวูบ ร้องเรียกอยู่ด้านนอกก่อน ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ จึงตัดสินใจเข้าไปด้านใน
ภายในเรือนไข่มุกราตรีส่องสว่างแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดเลย ไม่รู้ว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไปหนใด
เธอเลยไปที่เรือนด้านหน้าสุด คิดจะไปหาสี่ทูตที่พักอยู่ที่นั่น นึกไม่ถึงว่าจะว่างเปล่าเช่นกัน ทูตทั้งสี่ก็ไม่อยู่
หรือว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะพาคนจากไปแล้ว?
แล้วเขาจะกลับมาอีกหรือไม่?
ช่างเถอะ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขึ้นชื่อเรื่องความผีเข้าผีออก เขาอยากมาก็มา อยากไปก็ไป ไม่บอกไม่กล่าวผู้ใด ย่อมไม่บอกกล่าวเธอด้วยเช่นกัน
เธอตัดสินใจไปตามหาเจ้าสามตัวนั้นก่อน ออกไปเล่นทั้งวันก็สมควรกลับได้แล้ว!
เจ้าหอยยักษ์ทำพันธโลหิตกับเธอแล้ว สองฝ่ายมีความรู้สึกเชื่อมโยงถึงกัน กู้ซีจิ่วเพ่งจิตเล็กน้อยก็สามารถรับรู้ถึงตำแหน่งและสภาพอารมณ์ทั่วไปของมัน
ดูเหมือนเจ้าหอยยักษ์จะค่อนข้างโมโห ค่อนข้างหวาดกลัว ซ้ำยังค่อนข้างภาคภูมิใจอีกด้วย?
แถมมันก็อยู่ในหุบเขาด้านหลังจริงๆ ด้วย…
เรื่องใดกันที่ทำให้สภาพอารมณ์ของมันซับซ้อนเช่นนี้?
กู้ซีจิ่วครุ่นคิด คำนวณระยะทาง แล้วเคลื่อนย้ายไป
จากนั้นเธอก็ได้เห็นฉากที่ทำให้ความดันโลหิตของเธอพุ่งสูง
ในป่าลึกมีทะเลสาบแห่งหนึ่ง ริมทะเลสาบมีลานโล่งกว้าง มีศิษย์ห้าคนที่สวมเครื่องแบบสีม่วงอ่อนของชั้นเรียนเมฆาม่วงล้อมวงอยู่ตรงนั้น ที่อยู่กลางวงก็คือเจ้าหอยยักษ์ตัวนั้น เจ้าหอยยักษ์คืนร่างเดิม แล้ว ขนาดใหญ่เท่าเรือนหลังเล็กๆ มันอ้าฝาอยู่ ดูเหมือนหนูน้อย ในเปลือกหอยจะได้รับบาดเจ็บ มุมปากมีโลหิตไหลซึมขาก็เป๋ไปข้างหนึ่ง เห็นได้ว่ามันเสียเปรียบมาก แต่ความองอาจของมันก็มิได้ถดถอยลง สองมือน้อยๆ เท้าสะเอว ตะโกนอยู่ตรงนั้น “พวกเจ้าไม่อาจทำอะไรข้าผู้เฒ่าได้! ข้าผู้เฒ่าเป็นสัตวเลี้ยงของศิษย์ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ถ้าสังหารข้าผู้เฒ่าเจ้านายของข้าย่อมสู้ตายกับพวกเจ้า! เมื่อเจ้านายข้าสู้ตายกับพวกเจ้า ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นผู้อาวุโสย่อมไม่อยู่เฉยแน่นอน จะต้องทำลายพวกเจ้าทั้งหมดให้สิ้นซากแน่! ชีวิตพวกเจ้าทั้งหมดจะหาไม่!”
กู้ซีจิ่วกุมหน้าผากอย่างเหลืออด เหตุใดเธอรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ของเจ้าหอยยักษ์ค่อนข้างกวนบาทาเหลือเกินนะ?
เหมือนในภาพยนต์หรือละครบางเรื่องที่ลูกกระจ๊อกจะอาศัยบารมีผู้เป็นนายมาอวดเบ่ง…
ตำแหน่งที่เธอยืนอยู่นี้ไม่เลวเลย ทั้งสามารถซ่อนกายได้ และสามารถมองเห็นสถานการณ์ทั่วไปในลานได้ ซ้ำยังได้ยินบทสนหนาของคนพวกนั้นด้วย
ดูเหมือนการข่มขู่ของเจ้าหอยยักษ์จะได้ผล ศิษย์ของชั้นเรียนเมฆาม่วงที่ล้อมมันอยู่มองหน้ากันแวบหนึ่ง หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “พวกเราอย่าทำร้ายมันอีกเลย ถึงอย่างไรเจ้านายของมันก็มิใช่คนที่จะยั่วยุได้ง่ายๆ”
มีบางคนไม่ยินยอม “ยั่วยุไม่ได้ง่ายๆ แล้วอย่างไร? นางก็หาเหตุผ มาโต้แยังมิใช่หรือ? หอยตัวนี้เขมือบสัตว์พาหนะของพวกเรา…จะให้ปล่อยมันไปเช่นนี้ข้าไม่ยอม!”
“ข้าก็เหมือนกัน! ไม่ยินยอม! สตรีผู้นั้นจะมีฝีมือสักแค่ไหนกันเชียว? มีเพียงพลังวิญญาณขั้นห้า เทียบกับศิษย์ลำดับสุดท้ายของชั้นเรียนเมฆาคล้อยยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! เป็นตัวซวยชัดๆ เพิ่งมาถึงก็ทำให้ศิษย์ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ของพวกเราตายไปสามคนแล้ว ซ้ำยังทำให้ซิงหลัวบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้นด้วย จวบจนยามนี้ยังไม่มีแรงจะลุกขึ้นเลย…”
“ใช่แล้ว แม้กระทั่งท่านอาจารย์ใหญ่คู่ของพวกเราก็ได้รับโทษทัณฑ์หนักหนาปานนั้น ไม่เห็นว่านางจะมีฝีมืออันใด ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์รับนางเป็นศิษย์เพราะอะไร? งดงามงั้นหรือ?”
“งดงามรึ?” บางคนหัวเราะเหอะ เอ่ยเนิบๆ “ข้าได้ยินมาว่าตอนอยู่อาณาจักรเฟยซิงนางมีฉายาว่าหญิงอัปลักษณ์”
“นั่นเป็นเพราะบนหน้าผากของนางมีปานขนาดใหญ่อยู่” มีบางคนหัวเราะขึ้นมาเช่นกัน “แต่ว่าเครื่องหน้าของนางมิได้อับลักษณ์ กล่าวกันว่าถ้ามองอย่างละเอ่ยดแล้วงดงามมากทีเดียว”
“พวกเจ้าคงยังไม่เคยเห็นนางในตอนนี้กระมัง ตอนนี้ปานบนหน้าผากของนางแทบจะมองไม่เห็นแล้ว ข้าเคยมองจากที่ไกลๆ แวบหนึ่ง เป็นแม่นางน้อยที่สะคราญโฉมยิ่ง”