บทที่ 539
ลอบโจมตี 1
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากนิดๆ ขอตัวลา
ก่อนจะก้าวพ้นประตู เธอเหลียวกลับไปมองแวบหนึ่งโดยไม่เจตนา
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์นั่งอยู่ตรงนั้น หลับตาทำสมาธิ เส้นผมสีขาวลู่ลงมาดั่งธารนํ้าตกสีเงินพราวระยับ
เห็นอยู่ชัดเจนว่าเป็นภาพที่ธรรมดายิ่งนัก ทว่ากู้ซีจิ่วกลับสัมผัสถึงความหงอยเหงายิ่งนักได้รางๆ
ยิ่งสูงยิ่งหนาว ฐานะเขาสูงส่งเช่นนี้ แม้แต่สหายสักคนก็คงไม่มี แท้จริงแล้วเขาอ้างว้างมากใช่ไหม?
เหมือนตู๋กูฉิวไป้ ในนิยายของกิมยัง…
………………
เธอค่อนข้างใจลอย เกือบจะชนเข้ากับทูตส่างซั่นที่พุ่งเข้ามาตรงประตู เธอหลบตามสัญชาตญาณ ทูตส่างซั่นก็หลบตามสัญชาตญาณเช่นกัน โดยความบังเอิญ คนทั้งสองหลบไปยังตำแหน่งเดียวกัน…
กู้ซีจิ่วพุ่งชนอ้อมอกของทูตส่างซั่น ชนจนทูตส่างซั่นแทบจะกระเด็นออกไป
สีหน้าทูตส่างซั่นเขียวคลํ้าแล้วรีบพยุงเธอขึ้นทันที แล้วกระโดดถอยไปด้านหลัง แต่กลับสะดุดธรณีประตู โซซัดโซเซเข้าไปในห้อง…
กู้ซีจิ่วมึนงง
ถึงแม้จะกล่าวว่าชายหญิงมิควรใกล้ชิดกัน ทูตส่างซั่นไม่อยากแตะเนื้อต้องตัวเธอก็ปกติยิ่งนัก แต่ปฏิกิริยาของเขาออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
ความคิดเธอเพิ่งจะแล่นมาถึงตรงนี้ ทูตส่างซั่นที่อยู่ในห้องก็รายงานต่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ อวิ๋นซิงหลัวขอเข้าพบขอรับ”
กู้ซีจิ่วชะงักไปเล็กน้อย อวิ๋นซิงหลัวมาทำไม?
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในห้องโถงกล่าวอย่างเฉยชา “บอกนางไป นางในยามนี้ไม่มีคุณสมบัติพอเข้าพบเปิ่นจุน”
ทูตส่างซั่นส่งเสียงตอบรับ กำลังจะรีบรุดออกไป
“มีฐานะเป็นสี่ทูตยังเดินไม่ดูตาม้าตาเรือถึงเพียงนี้ ถ้าชนผู้อื่นมั่วซั่วอีก เปิ่นจุนจะตัดมือเท้าของเจ้าด้วยตัวเอง” นํ้าเสียงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ใสกระจ่าง แต่วาจาที่กล่าวกลับทำให้ทูตส่างซั่นหนาวสะท้านขึ้นมาทันที
ที่แท้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ติเตียนเรื่องที่เขาชนเข้ากับกู้ซีจิ่ว ฮือๆ เขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย
ทูตส่างซั่นขมขื่นยิ่งนัก หลังจากตอบรับอีกครั้งก็ออกไป
เขาค่อนข้างหงุดหงิดใจอยู่บ้าง อวิ๋นซิงหลัวมาเยี่ยมเยือน เดิมทีเขาไม่คิดจะมารายงาน แต่เด็กสาวคนนั้นกล่าวว่าอย่างไรเสียตนก็เป็นหนึ่งในสานุศิษย์สวรรค์ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่นางก็ควรมากราบคารวะ ขอให้เขาช่วยไปรายงาน
ในอดีตท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เคยกล่าวเอาไว้จริงๆ บอกว่าเรื่องของสานุศิษย์สวรรค์สำคัญมาก เมื่อพวกเขามีเรื่องจะต้องรายงานเป็นอันดับแรก ด้วยเหตุนี้ทูตส่างซั่นจึงเข้ามารายงาน ผลคือ…ถูกบอกปัดกลับมา!
…………………
เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดจะไปพักผ่อนที่เรือนด้านหลังของตน แต่เธอนึกถึงเจ้าหอยยักษ์ ลู่อู๋และเพรียกวายุขึ้นมา
ตั้งแต่เธอถูกปล่อยตัวออกมา ยังไม่ได้รวมตัวกับสามตัวนี่ดีๆ เลย โดยเฉพาะเจ้าหอยยักษ์จอมตะกละตัวนั้นไม่รู้ว่าหิวจนคิดจะกินมนุษย์หรือยัง…
เธอมาที่เรือนหน้า คิดจะรับเจ้าสามตัวนั้นกลับ
ทว่าที่เรือนหน้ากลับไม่พบเงาร่างของเจ้าสามตัวนั้นเลย ทูตเฉิงเอ้อบอกเธอว่า เจ้าหอยยักษ์ดื่มกินจนอิ่มหนำแล้ว มันรู้สึกว่ารับโทษทัณฑ์มาหลายวัน บนเปลือกแปดเปื้อนไออัปมงคล ต้องการไปล้างในลำธารสายน้อยที่อยู่ด้านหน้า มันไม่เพียงแต่ต้องการล้างตัวเองเท่านั้น แม้แต่เพรียกวายุกับลู่อู๋ก็ถูกลากไปด้วย กล่าวทุกตัวต้องขจัดไออัปมงคลก่อนแล้วค่อยไปหาเจ้านาย…
กู้ซีจิ่วจึงออกจากเรือนหน้า คิดจะไปดูที่ริมลำธาร
เพิ่งจะก้าวพ้นประตูใหญ่ ก็เห็นทูตส่างซั่นบอกให้อวิ๋นซิงหลัวกลับไปด้วยนํ้าเลียงแข็งกระด้างพอดี
อวิ๋นซิงหลัวสวมชุดสีม่วงอ่อน ใบหน้าเฉิดฉันแต่งหน้าอ่อนๆ เห็นได้ชัดว่านางแต่งตัวอย่างพิถีพิถันก่อนจะมาที่นี่
วลีหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองโดยไม่รู้ตัว ‘ผัดคิ้วบางย่างเข้าเฝ้า’
กู้ซีจิ่วไม่ต้องการเสวนากับอวิ๋นซิงหลัว ขณะที่รีบสาวเท้าจากไป อวิ๋นซิงหลัวก็เอ่ยทักเธอแล้ว “แม่นางกู้…”
กู้ซีจิ่วคร้านจะเล่นละครกับนาง จึงแค่พยักหน้าเล็กน้อย หันหลังก้าวไปทางลำธารเช่นเดิม
“แม่นางกู้ ขอร่วมทางด้วยสักครู่ได้หรือไม่?” อวิ๋นซิงหลัวเอ่ยถาม ไม่รอให้กู้ซีจิ่วได้ตอบ ก็เร่งฝีเท้าก้าวตามมาเดินเคียงข้างเธอ