บทที่ 538
ความโปรดปรานของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 8
ทั้งสี่คนที่อยู่ที่นี่ คนหนึ่งคือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่ง คนหนึ่งคือเจ้าสำนักถามสวรรค์ คนหนึ่งคือศิษย์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ คนหนึ่งคือองค์ชาย
กู้ซีจิ่วค่อนข้างรู้สึกผิดต่อองค์ชายหรงเช่อ
ผู้อื่นมาเพื่อส่งมอบสัตว์พาหนะให้เธอ กลับถูกสงสัยอย่างไม่มีเหตุผล ยามนี้ยังถูกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จัดแจงให้เป็นเด็กชงชาอีก…
เธอเป็นเจ้าของที่นี่ ถ้ากล่าวกันตามเหตุผลแล้ว หน้าที่ชงชารินนํ้า ควรเป็นเธอที่ทำ
ด้วยเหตุนี้บางครั้งเธอจึงช่วยบ้างเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่นยื่นถ้วยให้เขาอะไรทำนองนั้น
องค์ชายหรงเช่อสุขุมยิ่งนัก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแต้มด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ รอยยิ้มอ่อนโยนดั่งสุภาพบุรุษผู้อ่อนน้อม มองไม่เห็นความขุ่นเคืองเลยสักเสี้ยว ทุกท่วงท่าการชงชาล้วนคล่องแคล่วลื่นไหล
ทว่าหลงซือเย่กลับดูเหมือนมีเรื่องในใจ ดื่มชาอย่างใจลอย มองกู่ซีจิ่วบ้างเป็นครั้งคราว
กู่ซีจิ่วมีท่าทางดั่งพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ดื่มชาด้วยความสงบ
ระหว่างที่ดื่มชากันหลงซือเย่อดไม่ได้จึงเอ่ยถามขึ้นมาประโยคหนิ่ง “เมื่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พักอยู่ที่นี่แล้ว ก็ให้อาจารย์ใหญ่กู่จัดเรือนพักอีกแห่งให้แม่นางซีจิ่วอยู่ไม่ดีกว่าหรือขอรับ ประการแรกจะได้ สงบใจฝึกวรยุทธ์ ประการที่สอง…”
เขาพูดยังไม่จบ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ตัดบทเขา “นางพักอยู่ที่เรือนด้านหลังได้”
เขาจัดแจงไว้ล่วงหน้าแล้ว ทูตทั้งสี่พักอยู่ที่เรือนด้านหน้า เรือนหลักเป็นเรือนพักชั่วคราวของเขา กู่ซีจิ่วพักเรือนด้านหลังเหมาะสมแล้ว เรือนทั้งสามส่วนล้วนได้ใช้การ
หลงซือเย่นิ่งไปเล็กน้อย “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ให้เกียรติมาเยือน มิสู้ให้ซือเย่อยู่อารักขาที่นี่ดีไหมขอรับ?”
องค์ชายหรงเช่อก็ขันอาสาด้วยเช่นกัน “ข้าน้อยก็ยินดีอยู่อารักขาท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขอรับ”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เงียบไปครู่หนึ่ง “พวกเจ้ากังวลอันใดกัน?”
หลงซือเย่และองค์ชายหรงเช่อพูดไม่ออก
สองคนนี้ย่อมคิดจะพูดแก้ต่าง ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไล่แขกเสียแล้ว “ค่ำแล้ว พวกเจ้ากลับไปเถอะ”
บัญชาท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มิมีผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ด้วยเหตุนี้หลงซือเย่และองค์ชายหรงเช่อเลยจากไป ถึงแม้จะไม่ใคร่เติมใจนักก็ตาม
เนื่องจากฟ้ามืดแล้ว องค์ชายหรงเช่อจึงมิได้กลับไป เขาไปพักอยู่กับเยี่ยนเฉินเช่นเดิม
หลงซือเย่ไปพักในเรือนเดี่ยวที่กู่ฉานโม่จัดเตรียมไว้ให้เขา ห้องโถงเงียบลงอีกครั้ง
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านสงสัยองค์ชายหรงเช่อหรือเจ้าคะ?” กู้ซีจิ่วเปิดปากเอ่ย
“หืม? เจ้ามองออกตั้งแต่ยามใดกัน?”
“ยามองค์ชายหรงเช่อชงชา ท่านมองการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ตลอด มองอย่างละเอียดยิ่ง ท่านคงจะตรวจสอบดูว่าเขาปิดบังวรยุทธ์หรือไม่ ใช่ไหมเจ้าคะ?”
“เจ้าฉลาดมาก” ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มิได้ปฏิเสธ
“เช่นนั้น…มองอะไรออกบ้างไหมเจ้าคะ? ซีจิ่วก็ใส่ใจความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ตลอด เหมือนยามปกติทุกประการ ลำดับขั้นตอนการชงชาก็เป็นเช่นเดียวกับที่ผ่านมา”
เมื่อก่อนกู้ซีจิ่วเคยไปดื่มชากับองค์ข่ายหรงเช่ออยู่หลายครั้ง ทราบลำดับขั้นตอนการชงชาของเขาดี…
ท่าทางการชงชาของคนผู้หนึ่งเมื่อติดเป็นนิสัย ก็ยากจะเปลี่ยนแปลง แต่ความเคยชินในการชงชาของแต่ละคนล้วนแตกต่างกันไป
“เจ้าคุ้นเคยกับเขามากหรือ?”
“ตอนอยู่ที่เมืองหลวง เคยไปดื่มชาด้วยกันอยู่หลายหนเจ้าค่ะ เขาดีต่อซีจิ่วมาก เคยช่วยเหลือทั้งในที่ลับและที่แจ้งอยู่หลายครั้ง” กู้ซีจิ่วก็มิได้อำพรางความสัมพันธ์กับองค์ชายหรงเช่อ
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มองเธออยู่ครู่หนึ่ง กล่าวอย่างเฉยเมย “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ”
กู้ซีจิ่วก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ในใจดั่งมีเปลวเพลิง เธอเป็นคนรักพวกพ้อง ทุกคนที่ถูกเธอนับว่าเป็นสหาย เธอล้วนไม่อยากได้ยินผู้อื่นว่าร้ายเขา
กู้ซีจิ่วโพล่งออกไปทันที “ข้าเชื่อใจเขา!”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เคาะจานรองถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างด้วยปลายนิ้ว กล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าไม่เชื่อใจเปิ่นจุนหรือ?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก
เธอนิ่งไปชั่วขณะ โต้แย้งเขาอย่างที่พบเห็นได้ยาก “ข้าเชื่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่ข้าก็เชื่อว่าสหายของข้าบริสุทธิ์!”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ดูค่อนข้างอ่อนล้า โบกมือเล็กน้อย “ดึกแล้ว เจ้าเองก็เหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนเถิด เปิ่นจุนจะเข้าฌานโคจรพลังสักครู่ คืนนี้ยังต้องซ่อมแซมดวงวิญญาณหูชิงชิงเพื่อไต่สวนคดีอีก”