บทที่ 537
ความโปรดปรานของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 7
องค์ชายหรงเช่อชะงักไปแวบหนึ่ง “…ขอบพระคุณท่านเทพศักดิ์สิทธิ์”
กู่ฉานโม่ก็เอ่ยขึ้นมาด้วย “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขอรับ องค์ชายแปดผู้นี้เป็นสหายของแม่นางกู่ รอนแรมมาไกลนับพันลี้เพื่อส่งมอบสัตว์พาหนะให้นาง เขาไม่กระทำเรื่องใส่ความให้ร้ายนางเช่นนี้หรอกขอรับ อีกอย่างพลังยุทธ์ขององค์ชายแปดเป็นเพียงพลังวิญญาณขั้นห้าตอนกลาง แม้กระทั่งพลังยุทธ์ของศิษย์ทั้งสองที่ถูกสังหารก็ยังเหนือกว่าเขา ต่อให้เขาอยากลอบทำร้ายพวกเขาก็คงทำไม่ได้…”
ฝูงชนพากันพยักหน้า แม้แต่หลงซือเย่ก็พยักหน้าด้วย
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ปรายตามององค์ชายหรงเช่อแวบหนึ่ง มุมปากภายใต้หน้ากากยกขึ้นนิดๆ “องค์ชายแปด เจ้าถือสาเปิ่นจุนหรือไม่?”
องค์ชายแปดทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า “ไม่ถือสาขอรับ สำหรับสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้ว หรงเช่อคือคนนอก เรื่องเกิดขึ้นในคืนที่ข้าน้อยมาถึง ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สงสัยข้าน้อยย่อมสมเหตุสมผลแล้วขอรับ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เรียกดูความทรงจำของข้าน้อย ทราบว่าสิ่งที่ข้าน้อยกล่าวมาคือความจริง ก็เป็นการขจัดความน่าสงสัยของข้าน้อย ข้าน้อยซาบซึ้งในความกรุณาของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นล้นพ้น จะถือสาท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?”
ถ้อยคำที่กล่าวลึกซึ้งเที่ยงธรรมยิ่ง
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า “เจ้าสามารถคิดได้เช่นนี้ดีที่สุดแล้ว”
กู่ฉานโม่อดจะเอ่ยออกมาไม่ได้ “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขอรับ ท่านสงสัยว่าคนร้ายคือผู้อื่นหรือขอรับ?”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เงียบงันไร้วาจา เพียงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “กู่ฉานโม่ นํ้าหมึกที่เหลือของเจ้าน่าจะเอามากรอกใส่สมองสักหน่อย เพิ่มพูนความรู้เสียบ้าง”
กู่ฉานโม่พูดไม่ออก
หยกนภาทอดถอนใจอยู่ภายในสมองกู้ซีจิ่วอย่างอดไม่ได้ ‘ที่แท้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ด่าว่าผู้อื่นไม่มีสมองนี่เอง…’
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ‘ไอคิวของอาจารย์ใหญ่กู่ผู้นี้ช่างน่าทึ่งโดยแท้’
เธอมององค์ชายหรงเช่อแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สงสัยองค์ชายหรงเช่อหรือ? แต่องค์ชายหรงเช่อดูปกติยิ่งนัก…
………………….
โต๊ะหยกเขียวตัวน้อยทรงกลีบดอกอวี้หลัน
ชาเขียวหนึ่งกา ด้วยชาสี่ใบ
คนสี่คนนั่งล้อมรอบโต๊ะเล็ก
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์นั่งตรงกลาง หลงซือเย่นั่งด้านซ้าย กู้ซีจิ่วนั่งด้านขวา องค์ชายหรงเช่อนั่งอยู่ตรงข้ามท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ชงชาอย่างคล่องแคล่ว
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกราวกับฝันไป
ที่นี่เคยเป็นกระท่อมซอมซ่อของเธอ ทว่าตอนนี้กลายเป็นห้องโถงใหญ่ไปแล้ว และเป็นที่พักชั่วคราวของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์
ใช่แล้ว ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยังไม่จากไป เขายังอยู่! ยึดครองรังของเธอ…
จวบจนยามนี้เธอยังจดจำยามที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่าจะรั้งอยู่ได้ สีหน้าพวกกู่ฉานโม่ตกตะลึง แต่ละคนดั่งถูกสายฟ้าฟาดก็มิปาน!
ปฏิกิริยาตอบสนองค่อนข้างรุนแรง อ้าปากกว้างจนสามารถยัดไข่ต้มใบชาเข้าไปได้ทั้งลูก!
แน่นอน ยามนั้นกู่ซีจิ่วก็ตกตะลึงมากเช่นกัน ตอนนั้นเธอกำลังขัดเปลือกให้เจ้าหอยยักษ์ ตกใจจนยัดเศษผ้าเข้าไปในปากน้อยๆ ของเจ้าหอยยักษ์…
แต่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจอาการตกตะลึงของผู้อื่น เขาเอ่ยออกมาประโยคเดียว “เปิ่นจุนจะพักอยู่ที่นี่ 12 วันเพื่อตรวจสอบคดีนี้”
จากนั้นเขาก็หมุนกายเดินเข้าไปในเรือนที่สร้างขึ้นใหม่ทันที ก่อนจะเข้าไปยังเรียกให้องค์ชายหรงเช่อและหลงซือเย่ ให้พวกเขาเข้าไปด้วยกัน กล่าวว่ามีเรื่องจะสั่งการ
สองคนนั้นรู้สึกสับสน แต่ถึงอย่างไรก็ปรารถนาเสียงนี้ยิ่ง จึงติดตามเข้าไป
เรือนนี้เป็นเรือนโอบล้อมกันสามชั้น คานรองแกะสลักวาดลวดลายให้กลิ่นอายเก่าแก่ มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่ากว่า ยิ่งกว่าอาคารต่างๆ ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์
ยามที่กู้ซีจิ่วก้าวเข้าไปด้านใน ก็เหลียวซ้ายแลขวาอย่างอดใจไม่ได้อยู่ ซ้ำยังแตะต้องบ้างเป็นครั้งคราวด้วย
เธอรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเห็นอยู่เป็นภาพลวงตา เมื่อแตะต้องก็จะสลายหายไป
แต่สัมผัสใต้ฝ่ามือบอกเธอว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของจริง เสาเฉลียง ทางเดินแข็งแรง ผลักอย่างไรก็ไม่ขยับ
จากนั้นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็หยุดอยู่ด้านหน้าห้องโถง ส่งให้คนไปจัดโต๊ะชา หยิบอุปกรณ์ชงชาชุดหนึ่งออกมา เอ่ยถามองค์ชายหรงเช่อ “เจ้าชงชาได้ไม่เลวสินะ? มาเถอะ มาชงสักครั้ง”
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดฉากที่อยู่เบื้องหน้าขึ้น
องค์ชายหรงเช่อชงชาได้ลํ้าเลิศจริงๆ นํ้าชารสชาติกลมกล่อมยิ่งนัก เกิดรสหวานอวลอยู่ในคอมิมีสิ้นสุด