บทที่ 594 ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ถูกรังเกียจ 2
“โอ้ ทำไมนางต้องร้องไห้ที่เปิ่นจุนกลับมา?”
“การบ้านของนางยังไม่เสร็จนี่นา มีตั้งหลายจุดที่ยัดเข้าไปทั้งดุ้นโดยที่ไม่เข้าใจ…” เจ้าหอยยักษ์หลุดปากตอบ เมื่อตอบเสร็จสิ้นแล้วทันใดนั้นก็รู้ตัวว่าขายเจ้านายไปเสียแล้ว…
หนูน้อยที่อยู่ในเปลือกน้อยรีบอุดปากทันที หุบฝาเสียงดังกึกแล้วเอ่ย “ข้า…ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น…”
ภายในเรือนไม่มีความเคลื่อนไหวอยู่พักหนึ่ง เจ้าหอยยักษ์ถึงขั้นไม่ได้ยินเสียงหายใจของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์
หรือจะไปแล้ว ?
เจ้าหอยยักษ์เปิดฝาออก แอบมุดหัวออกมาเห็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์นั่งอยู่ตรงนั้น แววตาที่มองพวกมันสามตัวค่อนข้างซับซ้อน
เจ้าหอยยักษ์สั่นสะท้านทันที คิดจะหดกลับเข้าไปในเปลือกอีกครั้งตามสัญชาตญาณ เสียงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แว่วมาพอดี “พวกเจ้าทั้งสามจงไสหัวออกไปจากเรือนหลังนี้ภายในหนึ่งเค่อ เอารังที่พวกเจ้าสร้างไปด้วย!”
ทั้งสามตัวตกตะลึง
….
กู้ซีจิ่วห่วงว่าสัตว์เลี้ยงทั้งสามของบ้านตนพบท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วจะตระหนกตกใจ ซ้ำยังไม่สามารถตามไปตักเตือนได้ ทำได้
เพียงภาวนาอยู่ในใจให้วันนี้เจ้าสามตัวนั้นทำตัวเข้าท่าหน่อย อย่าได้จงใจทำตัวน่ารักจนวุ่นวายเลย
มือไม้เธอแคล่วคล่องว่องไว ทำความสะอาดทั้งเรือนอย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้นคือเรือนนี้ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เดิมก็ไม่ค่อยสกปรกอยู่แล้ว แค่มีฝุ่นปกคลุมอยู่บางๆ เท่านั้น
เพียงครู่เดียวเครื่องเรือนภายในเรือนก็ถูกเช็ดถูไปรอบหนึ่งแล้ว ทำให้พวกมันกลับมาสะอาดเอี่ยมอ่องอีกครั้ง
ระหว่างที่เธอทำความสะอาดอยู่ก็เห็นจานประณีตงดงามสองใบวางอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่ง จานหนึ่งเป็นผลไม้ จานหนึ่งเป็นขนมอบ
ผลไม้มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นผลไม้วิญญาณหายาก ขนมอบทำจากธัญพืชที่เปี่ยมพลังวิญญาณ
ผลไม้มีสามลูก ขนมอบมีสามชิ้น
ไม่ว่าผลไม้วิญญาณหรือ ขนมอบ ขอเพียงกินเข้าไปสักผลหรือสักชิ้น ก็ล้วนทำให้เธออิ่มไปทั้งวันได้ แถมยังเติมเต็มพลังไปทั้งวันด้วย
กล่าวอีกอย่างคือ สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นอาหารให้เธอได้หกวันพอดี ต่อให้ไม่ออกไปไหน ก็ไม่มีทางหิวโหย
ดูเหมือนตอนที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จากไปได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้เธอด้วย ขอเพียงเธอเข้ามาในเรือนนี้บ้างก็จะพบสิ่งเหล่านี้แต่น่า
เสียดายที่ยามนั้นพอเธอพบว่าเขาไม่อยู่แล้วก็จากไปทันที…
หัวใจกู้ซีจิ่วอบอุ่นเล็กน้อย และรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง
ถึงแม้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะจู้จี้จุกจิกไปหน่อย แต่ก็ดีกับเธอมาก
ทะนุถนอมเธอมาก…
เนื่องจากชาติก่อนเกี่ยวข้องกับ หลงซีในฐานะครูฝึก เธอจึงมีสัญชาตญาณระแวดระวังบุคคลประเภทครูบาอาจารย์
ก็เหมือนกับหยางกั้วที่ถูกเจ้าจื้อจิ้งผู้เป็นอาจารย์กลั่นแกล้งจนเกินเหตุ แม้แต่คำว่า ‘อาจารย์ ’ ก็รู้สึกรังเกียจ ยอมเรียกเสี่ยวหลงหนี่ว์ว่าอาหญิง แต่ไม่ยอมเรียกว่าอาจารย์[1]
สถานการณ์ของกู้ซีจิ่วค่อนข้างคล้ายกับหยางกั้วในตอนนั้นจริงๆ
เพียงแต่คนหนึ่งถูกอาจารย์ข่มเหงรังแกจริงๆ ส่วนอีกคนถูกอาจารย์ผิดหวังอย่างสิ้นเชิง…
แต่ความคิดของเธอไม่ต่างจากหยางกั้วนัก ถูกงูกัดคราหนึ่ง ผวาเชือกเป็นสิบปี!
ดังนั้นเธอจึงไม่คิดจะกราบผู้ใดเป็นอาจารย์ โดยเฉพาะอาจารย์ที่เป็นบุรุษ
ส่วนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เธอยอมรับ ด้วยความจำใจ และมองเป็นแผนรับมือชั่วคราวมาโดยตลอด ไม่ได้คิดว่าตนเป็นศิษย์ของผู้อื่นจริงๆ
…
ยามนี้ เธอกลับค้นพบความรู้สึกบางอย่างแล้ว รู้สึกเคารพและนับถือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาบ้างแล้ว
ความรู้สึกที่มีต่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แตกต่างจากความรู้สึกที่มีให้หลงซี
สำหรับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คือความเคารพนับถือ สำหรับ หลงซีก็บอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกเช่นไร…
ฉากในความฝันนั้นผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง ในในค่อนข้างว้าวุ่น
หลงซี เคยเป็นความเจ็บปวดในใจที่เธอไม่อาจแตะต้องได้ เป็นเหมือนสิ่งย้ำเตือนถึง ‘ความโง่เง่า’ ด้านความรักในอดีตของเธอ
ทำให้เธอไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง และไม่อยากเห็นหน้าหลงซือเย่ผู้นั้นยิ่งขึ้น
แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่เธอเริ่มไม่หลบเลี่ยงศึกนี้อีกต่อไป ถึงขั้นที่สามารถหยิบออกมาทบทวนตัวเองได้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือตอนนี้ เธอไม่เกลียดชังหลงซีแล้ว