บทที่ 60
ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่เบื้องหลัง
แต่ว่าข้างหลังก็ไม่อะไรอยู่เลยนี่นา มีเพียงกิ่งไม้เล็กๆ ไม่กี่กิ่งที่โยกไหวตามแรงลม กิ่งไม้เล็กบางเช่นนี้แม้แต่นกยังเกาะไม่ได้ แล้วคนจะไปยืนอยู่บนนั้นได้อย่างไร
เธอเม้มปากนิดๆ แล้วล้วงเอากระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากเอว เล่นมันอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ก็ราวกับพลั้งมือ เหวี่ยงกระบี่ไปยังด้านหลังอย่างฉับพลัน!
คมกระบี่วาดโค้งจนเกิดประกายแสง แฉลบผ่านด้านหลังของเธอ
หากว่ามีอะไรอยู่ด้านหลังของเธอจริงๆ กระบี่ที่รวดเร็วดุจสายฟ้าของเธอนี้คงเพียงพอจะทำให้อีกฝ่ายปรากฏตัวออกมา
ทว่าเมื่อกระบี่นี้แฉลบผ่านด้านหลังของเธอไป นอกจากอากาศที่ว่างเปล่าแล้วก็ไม่โดนสิ่งใดอีกเลย
‘หรือว่าจะเป็นผี?’
กู้ซีจิ่วหรี่ตาลงเล็กน้อย ตวัดปลายนิ้ว เมื่อร่ายคาถาก็มีแสงสีฟ้าอ่อนๆ พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเธอแล้วหมุนวนเป็นวงอยู่ในอากาศ วนเวียนอยู่เบื้องหลังของเธอในรัศมีหนึ่งจั้งก่อนจะลอยกลับมาอยู่ในมือเธอ
เธอจ่อมือนั้นแนบจมูกแล้วสูดดม แต่ก็ไม่ได้กลิ่นใดทั้งสิ้น
คาถานี้เป็นคาถาขับไล่วิญญาณในยุคปัจจุบันเธอพอจะรู้จักผู้มีวิชาอยู่หลายท่าน เธอมีความสัมพันธ์อันดีกับนักปราบผีท่านหนึ่งในนั้น นักปราบผีท่านนั้นสอนวิชาวาดยันต์เรียกผีกักวิญญาณให้เธออยู่หลายบท ถึงแม้เธอจะเรียนแค่เพียงผิวเผิน แต่ก็พอจะรับมือกับวิญญาณกระจอกได้อย่างไม่มีปัญหา
เมื่อร่ายคาถานี้แล้ววิญญาณร้ายใดที่ล่องหนอยู่ล้วนจะปรากฏกายออกมา ตอนนี้ก็ร่ายคาถานี้ไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏสิ่งใด เห็นทีว่าเธอคงระแวงมากไป
‘หรือจะเป็นแค่ลม?’
ร่างกายของเธอว่องไวดุจสายฟ้าแลบ เลือนหายไปจากจุดนั้นทันที…
เงาร่างของเธอเพิ่งจะเลือนหายไปได้ไม่นาน บนต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมก็มีร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏออกมา
บนร่างสวมเสื้อคลุมพลิ้วบางเบาดุจธาราไหลรินจากหุบ ขา ปล่อยผมยาวสยายอย่างสบายๆ เพียงแค่รัดแถบแพรไว้บนหน้าผากเส้นหนึ่ง กลางแถบแพรนั้นมีอัญมณีสีแดงดั่งโลหิตอยู่หนึ่งเม็ด มีรูปทรงดุจนัยน์ตาอันเย้ายวนของสุนัขจิ้งจอก ส่องประกายอยู่ภายใต้แสงจันทรา
ใบหน้าของคนผู้นี้มีหน้ากากจิ้งจอกครอบทับไว้ ดวงตาทั้งคู่ที่อยู่เบี้องหลังหน้ากากดั่งสายน้ำนิ่งลึกลํ้า ลึกลับ และไม่อาจคาดเดาได้ประเดี๋ยวก็คล้ายเย็นชาประเดี๋ยวก็คล้ายอบอุ่น
เขาเองก็นั่งอยู่ที่นั่น นั่งอย่างสบายอารมณ์ยิ่งกว่ากู้ซีจิ่วเมื่อครู่นี้เสียอีก เสื้อคลุมห้อยลงไปใต้ต้นไม้ปลิวไสวไปตามลม
กิ่งไม้ที่อยู่ใต้ร่างเขาเรียวเล็กยิ่งนัก เล็กบางประหนึ่งกิ่งหลิวที่เพิ่งแตกยอดในฤดูใบไม้ผลิก็มิปาน แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ก็สามารถหักมันได้ด้วยซํ้า กิ่งไม้เล็กถึงเพียงนี้ทว่าเขากลับนั่งอยู่บนนั้นได้อย่างมั่นคงมาก แม้แต่อาการสั่นไหวสักนิดก็หามีไม่
หากสังเกตดูอย่างถี่ถ้วนล่ะก็จะพบว่ากิ่งไม้ของเขานั้น อยู่ใกล้กับกิ่งไม้ที่กู้ซีจิ่วเคยนั่งอย่างยิ่ง หากว่ากู้ซีจิ่วยังนั่งอยู่ที่นั่นละก็ จะคล้ายกับนั่งอยู่ในอ้อมกอดของคนผู้นี้เลยทีเดียว…
คนผู้นี้ชันเข่าข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งเท้าอยู่ใต้คางด้วยท่าทีเกียจคร้าน เส้นผมยาวแผ่สยายคลุมร่างเขาเอาไว้ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าสถานที่นี้มืดครึ้มนัก ทว่าเมื่อเขานั่งอยู่ที่นี่ก็ดูสดใสคล้ายเป็นฤดูใบไม้ผลิ รอบข้างดูสว่างไสวขึ้นทันตา เขามองจุดที่กู้ซีจิ่วหายตัวไป ริมฝีปากสีอ่อนยกยิ้มบางๆ เป็นตั๊กแตนจับจักจั่นโดยมีนกขมิ้นอยู่เบื้องหลังโดยแท้[1] เจ้าวายร้ายน้อยผู้นั้นคงคิดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ด้านหลังนางมาโดยตลอด…
แต่เจ้าวายร้ายน้อยผู้นี้ก็มีประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมเป็นพิเศษ เมื่อครู่เขาเพียงหายใจเบาๆ รดลำคอของนางแค่นิดหน่อย ก็ต้องแลกด้วยการเผชิญหน้ากับคมกระบี่ของนาง!
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าไม่มีพลังวิญญาณ ทว่าการเคลื่อนไหวกลับรวดเร็วดุจสายฟ้า! หวิดจะโดนมุมเสื้อคลุมของเขาแล้ว…
คาถาที่นางร่ายก็ไม่เลว เขาเองก็พบเห็นคาถามามากมาย แต่คาถาที่นางใช้นั้นเขากลับไม่เคยพบเห็นเลย
ยังมีวิธีหายตัวในชั่วพริบตาที่แสนแปลกประหลาดนั้นอีก…
เจ้าเด็กคนนี้…เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนจริงๆ
เขาหลุบนัยน์ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ ผุดลุกขึ้นโดยพลัน เงาร่างเลือนรางดุจหมอกควันบางเบา แวบผ่านไปในอากาศและหายลับไป
……………………………
[1] ตั๊กแตนจับจักจั่นโดยมีนกขมิ้นอยู่เบื้องหลัง อุปมาถึงผู้ที่คิดจะลอบจัดการผู้อื่น แต่ไม่รู้ว่ามีผู้อื่นคิดจะลอบจัดการตนอยู่เช่นกัน