บทที่ 61
อยากหาตัวฆาตกรตัวจริงที่สังหารบุตรชายท่านหรือไม่
เวลากลางดึก
ณ จวนหลูอ๋อง
เนื่องจากบุตรชายตกตายอย่างน่าอนาถ ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน เส้นผมของหลูอ๋องกลับกลายเป็นสีดอกเลาไปหลายร้อยเส้น คืนนี้เขาก็ข่มตาหลับไม่ ลงเช่นเคย
เขาได้เรียกใต้เท้าฮู่และองค์ชายแปดหรงเช่อมาพบแล้ว หลังจากสอบถามจึงได้ทราบเรื่องขัดแย้งที่เกิดขึ้น ณ เรือนของคุณหนูกู้ซีจิ่วที่จวนแม่ทัพในวันนั้นในใจจึงสงสัยหนักขึ้นกว่าเดิมว่าหรงเหยียนเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง เป็นตัวการที่สังหารบุตรชายตน ติดอยู่แค่ว่าไม่มีหลักฐานและยังไม่มั่นใจเต็มร้อย
กล่าวอีกอย่างคือตอนนี้หรงเหยียนกำลังเป็นที่โปรดปราน หากว่าเขาเป็นผู้กระทำจริงๆ เกรงว่าตนคงจะทำอะไรมิได้
เนื่องจากหลูอ๋องมีอำนาจทางการทหารอยู่กับตัว ทั้งยังเป็นพระอนุชาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน เพราะในปีนั้น ได้ช่วยเหลือให้พี่ชายคนนี้ขึ้นครองราชย์จึงมีความดีความชอบ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นมหาอุปราช กล่าวได้ว่าเป็นรองเพียงองค์จักรพรรดิ ไม่มีผู้ใดกล้ายุแหย่ ที่ผ่านมามีแต่ผู้อื่นที่เสียเปรียบครั้งใหญ่และทำกระไรหลูอ๋องไม่ได้ ทว่ายามนี้กลาย เป็นเขาที่ทำกระไรผู้อื่นไม่
ได้…
ความห่างชั้นนี้ทำให้หลูอ๋องรู้สึกเดือดดาลอย่างยิ่ง ทว่ากลับคิดวิธีการใดไม่ออก
ในจวนของเขามีอนุชายาอยู่มากมาย แต่กลับมีบุตรยาก หลายปีมานี้มีเล่อฮวาโหวเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว บัดนี้บุตรชายที่มีเพียงคนเดียวยังมาถูกคนปลิดชีพไปอีก หัวใจของหลูอ๋องจึงเต็มไปด้วยความคงแค้นจนแทบทำลายล้างโลกได้!
คืนนี้เขานอนพลิกไปพลิกมาอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง มิได้เรียกให้อนุชายาเข้ามาปรนนิบัติแต่อย่างใด ในใจก็ครุ่นคิดเรื่องจะล้างแค้นให้บุตรชายอย่างไรกลับไปกลับมาหลายตลบ
ทันใดนั้นหน้าต่างพลันมืดสลัวลง และมีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “อยากหาตัวฆาตกรตัวจริงที่สังหารบุตรชายท่านหรือไม่?”
หลูอ๋องนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นทหารหาญผู้หนึ่ง จึงผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ มองเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ใต้หน้าต่างบานนั้น คนผู้นั้นท่าทางประหลาดอยู่บ้าง สวมใส่เสื้อผ้าสีดำ ขาทั้งคู่ยาวเก้งก้าง บนใบหน้าสวมหน้ากากปีศาจที่น่ากลัวเอาไว้ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับยมทูตรัตติกาลก็มิปาน
“เจ้าคือผู้ใด?” หลูอ๋องยื่นมือออกไปคว้ากระบี่ลํ้าค่ามากุมไว้ปลายกระบี่จ่อที่หน้าอกของหน้ากากปีศาจผู้นั้น
หน้ากากปีศาจผู้นั้นไม่ชำเลืองมองปลายกระบี่คมกริบสักนิด เอ่ยออกมาตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม “อยากรู้ตัวฆาตกรตัวจริงที่สังหารบุตรชายท่านไหม? อยากล้าง แค้นหรือไม่?”
ประโยคนี้ทำให้มือของหลูอ๋องที่ถือกระบี่อยู่สั่นเทา “อยาก!”
“เช่นนั้นก็ดี ท่านจงฟังข้า…”
นํ้าเสียงของหน้ากากปีศาจนั้นแสนจะไร้อารมณ์กล่าวคำพูดออกมา
ทำให้หลูอ๋องยิ่งฟังยิ่งตกตะลึง ยิ่งฟังยิ่งโกรธเกรี้ยว! เมื่อฟังถึงตอนสุดท้ายใบหน้าก็คลํ้าเข้ม!
เดิมทีเขาเองก็สงสัยในตัวหรงเหยียนอยู่แล้วถึงเจ็ดส่วน
แต่มายามนี้ปักใจไปแล้วเก้าจุดเก้าส่วน!
หลูอ๋องกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังกรอบแกรบอยู่ภายในแขนเสื้อ โลหิตร้อนๆ แล่นขึ้นกลางกระหม่อม แต่เขาเองก็ไม่ใช่คนไร้หัวคิด ภายในใจจึงมีแผนการอยู่มากมาย
เขาสะกดกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ แล้วสังเกตคนหน้าปีศาจผู้นั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงแม้รูปร่างของหน้ากากปีศาจผู้นั้นจะไม่ใคร่สูง ทว่ารอบกายกลับมีรังสีชนิดหนึ่งอยู่ เป็นรังสีที่ทำให้ผู้คนมิกล้าดูแคลน
“ท่านคือผู้ใด? เหตุใดจึงทราบละเอียดปานนี้?” หลูอ๋องบังเกิดความคลางแคลงในตัวหน้ากากปีศาจผู้นี้เล็กน้อย หน้ากากปีศาจผู้นั้นแค่นหัวเราะเบาๆ คล้ายจะเย้ยหยันและเหยียดหยาม “หากว่าท่านเคลือบแคลงในตัวข้า ก็อย่าเชื่อ แต่จงจำไว้ประโยคหนึ่ง หากต้องการล้างแค้นให้บุตรชาย จะต้องทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต เช่นนี้ฝ่าบาทถึงจะเข้าข้างคนของตนมิได้”
หลูอ๋องจึงเงียบไปสักพักหนึ่ง “เรื่องทั้งหมดที่ท่านพูดข้า ต้องไปตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน…”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ฝ่าเท้าก็เคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ จู่ๆ ก็พุ่งเข้าจู่โจมหน้ากากปีศาจผู้นั้นอย่างเฉียบพลัน!
หลูอ๋องสามารถคุมกำลังทหารเอาไว้ได้ วรยุทธ์ย่อมไม่ธรรมดา การจู่โจมนี้ประดุจเหยี่ยวโฉบกระต่าย ว่องไวดั่งสายฟ้า!
อีกทั้งเขาลงมืออย่างเฉียบพลัน จึงมั่นใจว่าจะสามารถจับกุมอีกฝ่ายไว้ได้ แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายคล้ายจะเตรียมการป้องกันไว้นานแล้ว โยกกายคราหนึ่งก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลูอ๋องได้แต่อึ้งงัน