บทที่ 62
คนเมื่อครู่เป็นใครกันแน่?
ผีหลอกแล้ว?!’
เขาผลักประตูถลันออกไปทันที “องครักษ์!”
เกิดเสียงดังสวบสาบ องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่โผล่ออกมาพร้อมกันจากทุกทิศทาง รายล้อมอยู่ข้างกายเขา “ท่านอ๋อง”
“เมื่อสักครู่เจ้าเห็นคนวิ่งออกมาจากห้องของข้าหรือไม่?” หลูอ๋องถามด้วยนํ้าเสียงตํ่าๆ
คนเหล่านั้นต่างมองหน้ากันไปมาอย่างเลิ่กลั่กอยู่หลายครา ผู้ที่เป็นหัวหน้าจึงก้าวออกมาด้านหน้าแล้วรายงาน “เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยคอยอารักขากันอยู่ทั้งสี่ทิศ เคร่งครัดจริงจังไม่กล้าหละหลวมกันแม้แต่น้อย มิเคยเห็นผู้ใดเข้าออกเลยพะย่ะค่ะ”
องครักษ์คุ้มกันในจวนหลูอ๋องนั้นเลื่องชื่อลือชาในด้านความเข้มงวดกวดขัน เพราะเป็นที่พักอาศัยของหลูอ๋อง การคุ้มกันจึงหนาแน่นเป็นพิเศษ ราวกับถังเหล็ก[1]ก็มิปาน อย่าว่าแต่คนเลย ต่อให้มียุงบินผ่าน พวกเขาก็มองเห็น
หลูอ๋องเชื่อมั่นในบรรดาลูกน้องของเขาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ฟังคำกล่าวรายงานนี้ในใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ
‘ถ้าอย่างนั้นคนเมื่อครู่เป็นใครกันแน่?’
‘เทพเซียน? ปีศาจ?’
เขาลอบสูดหายใจ ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะลึกลับ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ทำอันตรายใดต่อเขา เรื่องที่อีกฝ่ายเล่ามาทั้งหมด เขาจะแอบไปตรวจสอบดู พิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าจริงหรือเท็จแล้วค่อยว่ากันอีกที!
เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็พลันสั่งให้องครักษ์ของตนไปกระทำเรื่องบางอย่าง
องครักษ์เหล่านั้นส่งเสียงตอบรับแล้วจากไปทันที
หรงเหยียนเอ๋ยหรงเหยียน ถ้าไม่ใช่เจ้าที่ทำร้ายลูกข้าก็แล้วไป แต่หากเป็นเจ้า ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้คืนด้วยเลือด!
เหมือนคืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคํ่าคืนที่ไร้ซึ่งความสงบ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่ข่มตาหลับไม่ลง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีองค์ชายสิบสองหรงเหยียนรวมอยู่ด้วย
เขาเพิ่งจะได้นอนพัก แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้สั่นสะท้านขึ้นมากะทันหัน เส้นขนทั่วทั้งร่างลุกชัน ทั้งยังจามอย่างไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย!
เขาขยี้จมูกเล็กน้อย ในใจพลันสงสัย มีใครนินทาเขาลับหลังอยู่หรือเปล่านะ?
ในช่วงความมืดก่อนรุ่งอรุณจะมาเยือน ดาราหลายดวงเปล่งประกายพร่างพราวอยู่บนท้องนภา
ริมคูเมืองที่มีหญ้าขึ้นรกชัฏ แว่วเสียงแม่นํ้าไหลซู่ซ่าอยู่
ไกลๆ กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตามาโผล่ที่ริมแม่นํ้า คืนนี้เธอยุ่งเป็นพิเศษจึงรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ตอนที่ใช้วิชาเคลื่อนย้ายเลยเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเล็กน้อย ยามโผล่ขึ้นที่ริมแม่นํ้า สองเท้าจมอยู่ในนํ้า
เคราะห์ดีที่เธอมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เลย ย้ายไปโผล่ที่ริมฝังได้ทันกาล ถึงได้ไม่จมลงไป
เธอกระทำการได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว หลังจากที่ขึ้นมาบนฝั่งแล้วก็แกะไม้ต่อขา[2]ออกทันที แล้วถอดกางเกงขากระบอกและเสื้อคลุมตัวยาวสีดำออก นำมา รวมกับไม้ต่อขาแล้วมัดติดไว้กับหินใหญ่ก้อนหนึ่ง จากนั้นก็โยนลงนํ้าไป
ในตอนโยนนั้นเธอได้ใช้เทคนิคพิเศษทำให้ยามที่สิ่งของเหล่านั้นร่วงลงนํ้าเกิดเสียงดังจ๋อมแค่เพียงเบาๆ เท่านั้น ไม่มีเสียงดังดึงดูดให้ทหารรักษาเมืองบนกำแพงเมืองหันมาสนใจได้
เมื่อเห็นว่าระลอกคลื่นในแม่นํ้าค่อยๆ เลือนหายไปแล้ว เธอก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางปัดมือเล็กน้อย
เหนื่อยชะมัด! แต่ก็…คุ้มค่ายิ่ง!
เธอเชื่อว่าหลังผ่านการจัดการที่รอบคอบถึงเพียงนี้แล้ว ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ต้องกังวลเรื่องการหมั้นหมายแล้วยังถอนหมั้นได้อย่างเปิดเผย อีกทั้งได้ล้างแค้นให้แก่เจ้าของร่างเดิมอีกด้วย ทำให้ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นได้รับผลกรรมที่ก่อไว้
เธอยกมือน้อยๆ ขึ้นปิดปากหาว เตรียมจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาเพื่อกลับไปนอนให้สบายอุรา ทันใดนั้นก็มีสายลมโชยผ่านข้างหู มีเสียงถอนหายใจคละเคล้าอยู่ในสายลมนั้น
เสียงถอนใจนั้นเบาบางอย่างยิ่ง ดุจกลีบบุปผาที่ร่วงโรย อย่างแผ่วเบา ดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่พลิ้วผ่านยอดไม้ช่างไพเราะนัก
กู้ซีจิ่วตัวแข็งเล็กน้อยแล้วหันศีรษะกลับไปโดยพลัน มองไปยังทิศทางที่เกิดเสียงขึ้น
จากนั้น…
ก็ไม่พบอะไรเลย
ริมฝั่งแม่นํ้าที่แสนหนาวเหน็บ มีแต่เธอเพียงผู้เดียว
ผีหลอกแล้ว?’
กู้ซีจิ่วเม้มปากนิดๆ เธอไม่ได้ร่ายคาถาให้สิ้นเปลืองอีก เพียงหรี่ตาลงครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นวาดอักษรแถวหนึ่งในอากาศ ‘เป็นคนหรือเป็นผี? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!’
…………………………….
[1] ถังเหล็ก อุปมาถึง การป้องกันอย่างหนาแน่นไร้ช่องโหว่ใดๆ
[2] ไม้ต่อขา เป็นอุปกรณ์การละเล่นของจีนที่คล้ายกับ ม้าไม้ไผ่ ไม่มีด้ามจับ แต่ใช้เชือกมัดติดกับเท้าแทน